รีเซต
มาเน่กังฟู! หงส์ 10 ตัวต้านไม่ไหว เรือใบรัวกระสุน 5-0 พรีเมียร์ลีก

มาเน่กังฟู! หงส์ 10 ตัวต้านไม่ไหว เรือใบรัวกระสุน 5-0 พรีเมียร์ลีก

มาเน่กังฟู! หงส์ 10 ตัวต้านไม่ไหว เรือใบรัวกระสุน 5-0 พรีเมียร์ลีก
kentnitipong
9 กันยายน 2560 ( 20:25 )
1K

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โชว์ฟอร์มสมราคาทีมเต็งแชมป์ หลังไล่ถลุง ลิเวอร์พูล ที่เหลือเพียงแค่ 10 คนในสนามหลัง ซาดิโอ มาเน่ โดนไล่ออกตั้งแต่ก่อนจบครึ่งแรกไปแบบหมดรูป 5-0 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ 4

 

 

เกมนี้ทั้งสองทีมยังจัดทัพชุดใหญ่ลงสนาม โดยฝั่ง แมนฯ ซิตี้ จัดของหนักประเคนให้ทั้ง เซร์คิโอ อเกวโร่, โดยมี เควิน เดอ บรอยน์  และดาบิด ซิลบา คุมเกมในแดนกลาง ส่วน เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังคงมั่นใจในสามแกนหลักนักวิ่ง 100 เมตรชายทั้ง ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และโมฮาเหม็ด ซาลาห์ โดยยังใจแข็งไม่ใส่ชื่อของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ในเกมนี้

เริ่มเกมมาถึงนาทีที่ 13 เจ้าบ้านมีโอกาสทักทายก่อน จากการส่องไกลของ แฟร์นานดินโญ่ แต่ ซิมง มิโญเล่ต์ ยังพุ่งปัดออกหลังไปได้

สองนาทีถัดมา ลิเวอร์พูล ได้ลุ้นจากจังหวะที่ ซาลาห์ แปะบอลย้อนกลับมาให้ เฮนเดอร์สัน ปั่นโค้งมาที่เสาไกลให้ ฟีร์มีโน่ เข้าชาร์จแต่ทว่าบอลเบาเกินไปเข้าซอง เอแดร์สัน นายทวารค่าตัวแพงที่สุดในโลก

หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ยังคงเป็น “หงส์แดง” ที่ได้โอกาสลุ้นพังประตูอย่างต่อเนื่อง หลังเอ็มเร่ ชาน ได้กดบอลระยะ 25 หลา แต่หลักไม่ดี บอลเบาไปเข้าซอง เอแดร์สัน

ผ่านมาครึ่งทางในครึ่งแรก ซาลาห์ และมาเน่ เริ่มจะได้สร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับของ แมนฯ ซิตี้ ทำเอา จอห์น สโตน มีเป๋เหมือนกัน

 

 

แต่ทว่าในนาทีที่ 24 เจ้าถิ่นมาได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่แฟร์นานดินโญ่ ขึ้นกระแทกเอาบอลกลับมาให้ เควิน เดอ บรอยน์ ก่อนที่ดาวเตะทีมชาติเบลเยี่ยมรายนี้จะแทงบอลให้กับ อเกวโร่และเป็น “เอล กุน” ที่ตัดสินใจแตะบอลหลบ มิโญเล่ต์ ก่อนแปบอลง่ายๆ เข้าไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำ 1-0

 

 

เกมผ่านมาครึ่งชั่วโมง ลิเวอร์พูล เกือบจะได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน่ โชว์คิลเลอร์พาสบอลมาถึง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ควบบอลไปดวลกับ เอแดร์สัน แต่ทว่า “เมสซี่ อียิปต์” รายนี้กลับทำหมูหกยิงไปติดเซฟอย่างน่าเสียดาย

เข้าสู่ช่วงสิบนาทีสุดท้าย เจ้าถิ่นเกือบหนีห่างไปเป็น 2-0 จากจังหวะลูกเตะมุม แนวรับ “หงส์แดง” สกัดไม่ขาดบอลเลยมาถึง จอน สโตน ได้ซัดจ่อๆ แต่บอลติดเท้าของ มิโญเล่ต์ ออกไปแบบสุดเสียว

 

 

แฟนบอล ลิเวอร์พูล ถึงกับกุมขมับทั้งโลก หลัง ซาดิโอ มาเน่ ไปยกเท้าสูงใส่ศีรษะของ เอแดร์สัน ผู้ตัดสินตัดสินใจควักใบแดงไล่ออกจากสนามทันที ลิเวอร์พูล เหลือ 10 คน พร้อมกับสกอร์ที่ตามหลังอยู่ 1 ประตู ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ เองก็ต้องจำใจส่ง เคลาดิโอ บราโว่ ลงมาทำหน้าที่แทน หลัง เอแดร์สัน เจ็บหนักจนไม่สามารถเฝ้าเสาต่อได้

 

 

ในช่วงท้ายครึ่งแรก “เรือใบสีฟ้า” เกือบหนีห่างไปอีกรอบ หลัง กาเบรียล เชซุส ขึ้นเทคตัวโหม่งตุงตาข่าย แต่เป็นลูกล้ำหน้าซะก่อน แต่ทว่าในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 6 เชซุส คนเดิมกลับมาแก้ตัวได้สำเร็จ หลัง เดอ บรอยน์ โชว์ปั่นโค้งเท้าชั่งทองบอลข้ามศีรษะ คลาวาน มาถึงหัวหอกทีมชาติบราซิลโหม่งบอลตุงตาข่าย สุดท้ายจบเกมในครึ่งแรก แมนฯ ซิตี้ นำอยู่ 2-0

กลับมาสู้กันต่อในครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล มีการขยับเล็กน้อยด้วยการถอด โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และส่ง อเล็กซ์ ออกซ์เลด แชมเบอร์เลน ลงมาแทน

 

 

นาทีที่ 53 ลิเวอร์พูล พังไปกันใหญ่หลัง ดาบิด ซิลบา แทงบอลทะลุคู่เซนเตอร์มาถึง อเกวโร่ ก่อนที่หัวหอกอาร์เจนไตน์จะโชว์ความใจกว้างดุจแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยการเลือกถวายพานมาให้ กาเบรียล เชซุส ยิงเข้าไปง่ายๆ แมนฯ ซิตี้ หนีห่างไปเป็น 3-0

พอเสียไปสามเม็ด เกมดูเหมือนจะเนือยๆ ทั้งสองฝั่ง หลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายเคาะบอลเรียกได้ว่าแทบจะเป็นลิงชิงบอลกันเลยทีเดียว

นาทีที่ 65 แมนฯ ซิตี้ เกือบได้ประตูที่สี่ หลัง เลรอย ซาเน่ คัตแบ็กกลับมาให้ เควิน เดอ บรอยน์ กดด้วยซ้ายเต็มข้อ แต่บอลเหินข้ามคานออกไป

สองนาทีต่อมาคล็อปป์ ตัดสินใจส่งไพ่ใบสุดท้ายอย่าง โดมินิก โซลันเค่ ลงสนามมาแทน โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่วิ่งไล่บอลจนแทบจะหมดแรงในแดนหน้า

เหลือไม่ถึง 15 นาทีท้าย เจ้าถิ่น ขยับสกอร์หนีขาดไปเป็น 4-0 หลัง เมนดี้ หลุดขึ้นมาทางกราบซ้ายก่อนปาดมาให้ตัวสำรองอย่าง เลรอย ซาเน่ ยิงตามน้ำด้วยซ้ายบอลผ่านเสาแรกเข้าไปอย่างเด็ดขาดทำเอาแฟนบอล แมนฯ ซิตี้ ในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ได้เฮแบบสุดเสียง

 

 

ในช่วงท้ายเกม ยังคงเป็นลูกทีมของ เป็ป กวาร์ดิโอล่า ที่เดินหน้าบุกเข้าใส่อยู่ฝั่งเดียวก่อนจะมาได้ประตูตอกฝาโลงจากลูกปั่นสุดสวยของ เลรอย ซาเน่ และเป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ จบเกม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านไล่ถล่ม ลิเวอร์พูล ไปแบบหมดรูป 5-0 เก็มสามแต้มสำคัญได้สำเร็จ

11 ผู้เล่นที่ลงสนาม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เอแดร์สัน (เคลาดิโอ บราโว่ น.44), ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตน, นิโคล่าส์ โอตาเมนดี้ (เอเลียควิม ม็องกาล่า น.71), เบนฌาแม็ง เมนดี้, แฟร์นานดินโญ่, ดานิโล่, ดาบิด ซิลบา, เควิน เดอ บรอยน์, กาเบรียล เชซุส (เลรอย ซาเน่ น.57), เซร์คิโอ กุน อเกวโร่

ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเล่ต์, รักนาร์ คลาวาน, โจเอล มาติป, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ , อัลแบร์โต้ โมเรโน่, เอ็มเร่ ชาน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม (เจมส์ มิลเนอร์ น.59), ซาดิโอ มาเน่ (ใบแดงไล่ออกจากสนาม น.37), โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (อเล็ก ออกซ์เลด แชมเบอร์เลน น.46), โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ (โดมินิก โซลันเค่ น.66)

บอลไทยบอลนอก ไม่พลาดทุกบิ๊กแมตช์ รวม 7 ลีก 5 ถ้วย มันส์ ชัดระดับ HD พร้อมกีฬาฮิตอีกมากมาย และคลิปไฮไลท์ฟุตบอล

ติดตามข่าวสารได้ที่TrueID Appและ เว็บไซต์Sport.Trueid.netหรือร่วมพูดคุยกันผ่านทางLine@TrueID

ยอดนิยมในตอนนี้