รีเซต
TRUE TALK : "ฟุตบอล อนิจจัง" วิเคราะห์สถานการณ์สามกุนซือเก้าอี้ร้อน ... by "บก.เก้น"

TRUE TALK : "ฟุตบอล อนิจจัง" วิเคราะห์สถานการณ์สามกุนซือเก้าอี้ร้อน ... by "บก.เก้น"

TRUE TALK : "ฟุตบอล อนิจจัง" วิเคราะห์สถานการณ์สามกุนซือเก้าอี้ร้อน ... by "บก.เก้น"
kentnitipong
20 ตุลาคม 2560 ( 15:20 )
4.5K

TRUE TALK : เพราะทุกสิ่งในโลกล้วนแต่เป็นอนิจจัง ไม่มีสิ่งใดที่เป็นนิรันดร์ หรืออยู่ยงคงกระพัน ในโลกฟุตบอลก็เฉกเช่นเดียวกัน (วันนี้มีความซึ้งในรสพระธรรมเป็นพิเศษ) ที่ไม่มีความแน่นอนอะไรทั้งสิ้นโดยเฉพาะตำแหน่ง “กุนซือ”

 

 

ว่ากันว่างานหัวหน้าโค้ช หรือผู้จัดการทีมในโลกลูกหนังนั้นถือเป็นหนึ่งในงานที่เต็มไปด้วยความเครียด และความกดดันมากที่สุดในโลก ที่ผมต้องขอให้คำเช่นนี้ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า การเป็น “กุนซือ” ทีมฟุตบอลทีมใดสักทีมย่อมหมายถึงคุณต้องพร้อมที่จะเผชิญ และแบกรับความคาดหวังจากแฟนบอลมากมายที่พร้อมจะประเดประดังเข้ามาหาคุณทุกวินาทีชนิดที่อาจทำคุณแทบจมธรณีหากคุณนำทีมประสบความพ่ายแพ้

และแน่นอนว่ามาตรวัดตัวกุนซือแต่ละคนนั้นย่อมหนีไม่พ้น “ผลงาน” ของทีมนั่นเอง…

วันนี้ผมเลยอยากจะมาพูดถึงสถานการณ์ของตัว “กุนซือ” สักสามคนที่ว่ากันว่า “เก้าอี้ร้อน” ที่สุดในวงการลูกหนัง ณ เวลานี้

สามคนนี้ล้วนแต่คุมทีมต่างลีกต่างแดนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ทว่าสิ่งที่ขงเบ้งลูกหนังทั้งสามรายนี้กำลังเผชิญคล้ายๆ กันนั่นก็คือ ผลงานของทีมกำลังสวนทางกับความคาดหวังของแฟนๆ อย่างสิ้นเชิง

คนแรกที่ผมอยากจะหยิบขึ้นมาพูดก่อนเพื่อนเลยก็คือ “โรนัลด์ คูมัน”

จากอดีตนักเตะระดับมันสมอง เจ้าพ่อลูกนิ่ง จนถูกยกให้เป็นหนึ่งในตำนานของทีมชาติฮอลแลนด์ และบาร์เซโลน่า กุนซือเลือดดัตช์รายนี้ใช้เงินมากกว่า 130 ล้านปอนด์เพื่อเนรมิต เอฟเวอร์ตัน ยุคใหม่ให้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในทีมแถวหน้าในเกาะอังกฤษให้ได้

 

 

จอมทัพไอซ์แลนด์อย่าง กิลฟี่ ซิกูร์ดส์สัน สองหนังเตะอังกฤษอนาคตไกลอย่าง ไมเคิ่ล คีน – จอร์แดน พิคฟอร์ด มิดฟิลด์จอมขยันจากเอเรดิวิซี่อย่าง ดาวี่ คลาสเซ่น หัวหอกฟอร์มฮอตของ มาลาก้า อย่าง ซานโดร รามิเรซ รวมถึงจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่เข้ามาซื้อใจแฟนๆ เอฟเวอร์โตเนี่ยนอีกครั้งอย่าง เวย์น รูนี่ย์ ล้วนแต่ทำให้ เอฟเวอร์ตัน ดูดีขึ้นทันตาเห็นบนหน้ากระดาษหนังสือพิมพ์ หรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ของคุณ

แต่ทว่าบางที “เงิน” ก็ไม่ใช่คำตอบของทุกอย่างเสมอไป

เพราะความพ่ายแพ้ 4 จาก 8 เกมในพรีเมียร์ลีกจนทำให้พวกเขามีแต้มเหนือโซนสีแดงเพียงแค่สองคะแนน ไม่นับการโดนถลุงไปกว่า 20 ประตูในทุกรายการ รวมถึงการตกไปรั้งบ๊วยในถ้วยยูโรป้า ลีก คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า คูมัน กำลังตกอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกปลด !!!

เพราะอย่าลืมว่า ในโลกฟุตบอลสมัยใหม่ ไม่มีนายทุนคนไหนที่อดทนเห็นทีมตกต่ำได้นาน และ “การเปลี่ยนแปลง” มักจะเป็นทางเลือกที่เหล่าเจ้าของเงินมักจะเลือกใช้ก่อนเสมอ

 

 

เอฟเวอร์ตัน ถือเป็นทีมที่ใหญ่ในแง่ของฐานแฟนบอลที่มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก ความสำเร็จ และรูปแบบการเล่นในยุค 80’s ล้วนแต่ยังคงตราตรึงใจคนที่รักฟุตบอลอยู่เสมอ แต่ ณ วันนี้ ถือเป็นอีกครั้งที่ทีมกำลังเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอันน่าสะพรึงกลัว

ไม่แน่ว่าโปรแกรมนัดต่อไปของ เอฟเวอร์ตัน ที่จะเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ อาร์เซน่อล ที่กำลังเผชิญกับฟอร์มการเล่นอันย่ำแย่ไม่ต่างกัน อาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ โรนัลด์ คูมัน จะได้พิสูจน์ตัวเองว่าเค้าเองยังคู่ควรอยู่กับเก้าอี้นายใหญ่แห่งถิ่นกูดิสัน ปาร์ค อยู่หรือไม่…

***********

 

 

คนที่สองที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้นั่นคือ “วินเชนโซ่ มอนเตลล่า”

อดีตแข้งเจ้าของฉายา “เจ้าเครื่องบินน้อย” แห่งวงการลูกหนังแดนมักกะโรนี ก้าวขึ้นมาเป็นนายใหญ่ของ เอซี มิลาน ตั้งแต่ซีซั่นที่แล้ว  ซึ่งแม้ว่าผลงานในปีแรกอาจจะออกมาไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ (หากเทียบกับความเป็น เอซี มิลาน) แต่ มอนเตลล่า เองก็ยังสามารถพาทีมผ่านเข้าไปลุยในบอลยุโรปถ้วยเล็กได้

โอเค การเข้ามาทำทีมในถิ่น ซาน ซิโร่ ปีแรกของกุนซือวัย 43 ปีรายนี้อาจจะอยู่ในเกณฑ์ที่แฟนบอลยังให้โอกาส และมองว่า “ปีศาจแดงดำ” ภายใต้การนำของ มอนเตลล่า น่าจะบินได้สูงดั่งความคาดหวังหากมีเม็ดเงินเสริมทัพจากบอร์ดบริหารชาวจีนมาประเคนให้

ขึ้นชื่อว่าเป็นคนจีนที่คิดเร็วทำเร็วเป็นทุน มีรึบอร์ดเลือดมังกรจะรออะไร “หลี่ หยงหง” ท่านประธานคนใหม่ ตัดสินใจเซ็นเช็คเป็นเงินก้อนโตให้ มอนเตลล่า ไปช้อปปิ้งได้เร็วยิ่งกว่ารถไฟความเร็วสูงซะอีก

178 ล้านยูโร ที่แลกมากับนักเตะใหม่ 11 คน แทบจะเรียกได้ว่านี่เป็นการปรับโครงสร้างทีมครั้งใหญ่ที่น่าสนใจที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาของอดีตแชมป์ยุโรป 7 สมัย

แม้ว่าดาวเตะที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอาจจะไม่ได้อยู่ในระดับนักเตะอย่าง ริคาร์โด้ กาก้า, อันเดรีย ปีร์โล่, อันเดร เชฟเชนโก้, อเลสซานโดร เนสต้า, รุย คอสต้า หรือแม้กระทั่งสามทหารเสือเลือดดัตช์ในยุคปลายๆ 80’s แต่ฝีเท้าของ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่, อันเดร ซิลวา, ริคาร์โด้ โรดริเกซ หรืออันเดรีย คอนติ เองก็ยังน่าจะเล่นให้กับทีมแถวหน้าในยุโรปได้สบายๆ การเสริมทัพแบบนี้ก็พอจะทำให้แฟนๆ มิลาน เริ่มเกิดจินตนาการลึกๆ ว่า ทีมชุดนี้อาจจะมีลุ้นสคูเด็ตโต้อยู่ลึกๆ หากออกสตาร์ทดีๆ

แต่แล้วฝันของเหล่า “รอสโซเนรี่” ก็แทบจะมลายหายเป็นผุยผง หลัง เอซี มิลาน ออกสตาร์ทด้วยความพ่ายแพ้ 4 จาก 8 เกมแรก (เหมือน เอฟเวอร์ตัน เป๊ะ) ตามหลังจ่าฝูงอย่าง นาโปลี ถึง 12 คะแนน พร้อมกับเกมรับสุดแย่กว่าทีมอย่าง โบโลญญ่า และคิเอโว่ ซะอีก

เรียกได้ว่าทุกอย่างพัง ทุกอย่างผิดแผนไปหมดตั้งแต่ยังไม่พ้นปี 2017

นอกเหนือจากผลการแข่งขันที่ไม่เอาอ่าวแล้ว อีกสิ่งที่ มอลเตลล่า ถูกวิจารณ์ยับนั่นก็คือ “รูปแบบการเล่น”

 

 

จินตนาการในเกมรุก ความหลากหลายในการแก้เกมยามที่ทีมตกเป็นรอง รวมถึงมันสมองในการส่งตัวสำรองมาพลิกเกม ล้วนแต่เป็นสิ่งที่แฟนบอลมิลานทั้งโลกหยิบมาโจมตีอดีตหัวหอกทีมชาติอิตาลีคนนี้อยู่ทุกวี่ทุกวัน

“ปีศาจแดงดำ” ยังมีโอกาสให้เก็บอีก 9 แต้มก่อนจะพ้นเดือนตุลาคมนี้ แต่ถ้า มอนเตลล่า พาทีมเก็บได้น้อยกว่า 3 แต้ม โดยเฉพาะเกมกับคู่ปรับตัวฉกาจอย่าง ยูเวนตุส มีหวังเราได้เห็นศิษย์เก่าจากรั้วซาน ซิโร่ สักคนได้มาทำหน้าที่รักษาการกุนซือชั่วคราวแทน “เจ้าเครื่องบินน้อย” เป็นแน่

***********

คนสุดท้ายที่ผมจะพูดถึงนั้นอาจจะเป็นคนที่ไม่ได้อยู่ไกลตัวจากแฟนๆ TRUE TALK สักเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่ใกล้เราที่แหละ เลยทำให้เราอาจจะรู้สึกว่าหากว่ากันที่สถานการณ์ในลีก กุนซือคนนี้ก็น่าจะอยู่รอดปลอดภัยแบบสบายๆ ไม่เหมือน คูมัน หรือ มอนเตลล่า

เขาคนนั้นคือ “บอสโก” โบซิดาร์ บันโดวิช

 

 

คุณพระ! หลายคนอาจจะอยากเถียงผมด้วยการยกเหตุผลที่ว่า ทัพ “ปราสาทสายฟ้า” จวนเจียนจะคว้าแชมป์ไทยลีกอยู่แล้ว ทำไม่ผมถึงยังกล้าที่จะบอกว่า บันโดวิช เข้าข่ายกุนซือเก้าอีกร้อน !!!

ก็จะไม่ให้ร้อนยังไงหล่ะ ในเมื่อ “บอสโก” เพิ่งจะพายอดทีมจากแดนอีสานร่วงตกรอบบอลถ้วยสองรายการติด อีกทั้งทีมที่แพ้ก็ดันเป็นทีมคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด รวมถึง เชียงราย ยูไนเต็ด ทำเอาท่านประธานสโมสรอย่าง เนวิน ชิดชอบ ถึงกับไปไม่เป็นหลังเพิ่งจะลั่นวาทะเด็ดอย่าง “บุรีรัมย์ จะชนะจนไม่ให้เขาคิดสู้กับเราอีกต่อไป”

นอกจากนี้ ความพ่ายแพ้ในฟุตบอลถ้วยทั้งสองรายการยังหมายถึงการทำให้โปรเจ็คใหญ่ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พังล้มไม่เป็นท่า เนื่องจากก่อนหน้านี้ เนวิน ชิดชอบ ได้ลั่นออกมาแล้วว่าพวกเขาจะขอกวาดโทรฟี่ทุกรายการในประเทศไทยมาครองให้ได้ในซีซั่นนี้ ตามวะทะเด็ดของท่าประธาน (อีกแล้ว) อย่าง “บุรีรัมย์ ขอทวงคืนทุกแชมป์”

 

 

จริงอยู่ว่า การคว้าแชมป์ลีกในซีซั่นนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหาของ บันโดวิช แต่อย่างใด หากแต่เป้าหมายของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั้นมันยิ่งใหญ่เกินที่แฟนบอลทีมอื่นจะเข้าใจ

กุนซือผู้เคยพาทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ครองความยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จมาแล้วมากมายอย่าง อเล็กซานเดร กาม่า ยังเคยโดนจับเชือดมาแล้ว นับประสาอะไรกับ บันโดวิช ที่กลับมาคุมบังเหียนในถิ่นไอ-โมบาย สเตเดี้ยม เป็นคำรบสอง

คิดแล้วก็น่าเห็นใจอดีตผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค และหัวหน้าผู้ฝึกสอนของ โอลิมเปียกอส อยู่ไม่น้อย หากว่าเขาจะไม่ได้รับโอกาสให้คุมทีมต่อในซีซั่นหน้า…

***********

ไม่มีใครรู้ว่าสุดท้ายท้ายสุดอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต เพราะบางทีกุนซือทั้งสามคนนี้อาจจะยังอยู่กับทีมต่อไปอีกหลายซีซั่น หรือถ้าโชคร้ายก็อาจจะถูกปลดก่อนจะข้ามปี 2017 นี้ก็เป็นได้ สิ่งที่แฟนบอลอย่างเราทุกๆ คนทำได้ดีที่สุด ก็คงเป็นเพียงการส่งกำลังใจไปให้ยังทีมรักของตัวเอง และยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ เพราะผมเชื่อว่า จริงๆ แล้วในความโหดร้ายของโลกฟุตบอล มันก็ยังแอบแฝงไว้ด้วยมุมดีๆ ที่ยังมีความสวยงามซ่อนอยู่

 

เพราะ “ฟุตบอล” คือ “ชีวิต”

…มีความสุขกับการดูฟุตบอลสุดสัปดาห์นี้นะครับ

 

บอลไทยบอลนอก ไม่พลาดทุกบิ๊กแมตช์ รวม 7 ลีก 5 ถ้วย มันส์ ชัดระดับ HD พร้อมกีฬาฮิตอีกมากมาย และ คลิปไฮไลท์ฟุตบอล
ติดตามข่าวสารได้ที่ TrueID App และ เว็บไซต์ Sport.Trueid.net หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID

ยอดนิยมในตอนนี้