รีเซต
KING OF KINGS : ความภูมิใจ ชัยชนะ พระบรมฉายาลักษณ์ นักกีฬาของพระราชา

KING OF KINGS : ความภูมิใจ ชัยชนะ พระบรมฉายาลักษณ์ นักกีฬาของพระราชา

KING OF KINGS : ความภูมิใจ ชัยชนะ พระบรมฉายาลักษณ์ นักกีฬาของพระราชา
armcasanova
25 ตุลาคม 2560 ( 18:21 )
1.4K

นักกีฬาทีมชาติไทยทุกคน เวลาไปแข่งขันกีฬาต่างๆ จะอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปชูเวลาได้รับชัยชนะหรือขึ้นรับเหรียญรางวัลในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ไม่ว่าจะแข่งในประเทศหรือต่างประเทศ

 

 

จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สร้างความปลื้มปิติให้กับคนไทยทั้งชาติ บ่อยครั้งที่ตื้นตันจนน้ำตาไหลออกมาและอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เมื่อได้เห็นภาพนี้ สิ่งนี้คือการแสดงออกถึงความจงรักภักดีแด่ พ่อของแผ่นดิน ที่คนไทยเทิดทูนเหนือหัว แต่สำหรับนักกีฬาและสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติไทยแล้วมีความหมายและมีความสำคัญลึกซึ้งมากกว่านั้น พระองค์เป็นทั้งกำลังใจที่ยิ่งใหญ่ เป็นเหมือนปาฏิหาริย์ที่ทำให้นักกีฬาสู้จนชนะ

โดยพระองค์ท่านพระราชทานพระราชดำรัสเกี่ยวกับการกีฬาไว้ว่า “การกีฬามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับชีวิตของแต่ละคนและชีวิตบ้านเมือง” พระราชดำรัสนี้แสดงให้เห็นถึงพระราชปณิธานในเรื่องการส่งเสริมการกีฬาว่าเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาบุคคลและประเทศชาติ จึงทรงส่งเสริมกีฬาทุกประเภท พร้อมทั้งทรงกีฬามากมายหลายประเภทเช่นกัน

 

 

การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 2017 ที่ผ่านมา ทีมฟุตบอลชาย และ ฟุตซอลชายทีมชาติไทย ต่างพากันสร้างความสุขให้กับคนไทย ในการคว้าเหรียญทองซีเกมส์ มาครองได้สำเร็จ และในภาพที่พวกเราชาวไทยได้เห็นกันอยู่บ่อยครั้งนั้นคือการ ชูพระบรมฉายาลักษณ์พระราชาของเรา เพื่อประกาศให้โลกได้รับรู้ว่า พวกเขาคือนักกีฬาของพระราชา

 

 

แม้แต่ในแมตช์ประวัติศาสตร์ของวงการลูกหนังไทย ฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ชนะ ทีมชาติไอวอรี่โคสต์ ในการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2015 ที่สนามแลนส์ดาวน์ สเตเดี้ยม เมืองอ็อตตาว่า ประเทศแคนาดา วันนั้น “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า

“การที่นักกีฬาทีมชาติไทยอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงและพระราชินีไปทุกครั้งที่มีการแข่งขัน แป้งคิดว่าเป็นประเพณีอันดีงามของพวกเราที่ถือปฏิบัติกันมา และเป็นที่ยึดมั่นทางจิตใจของนักกีฬา อย่างฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดใหญ่จะถือเป็นประเพณีทุกครั้งที่มีการแข่งขันระดับชาติ เพื่อที่เวลาเราชนะเราอยากชูพระบรมฉายาลักษณ์เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้นักเตะทุกคน และเพื่อให้ทั่วโลกรู้ว่าพระองค์เป็นศูนย์รวมจิตใจของประเทศไทย เป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยในการปฏิบัติแบบนี้ค่ะ และเพื่อบอกว่าพวกเราสู้เพื่อใคร(ยิ้ม)

 

 

รวมไปถึงภาพ “ซิโก้”เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงไปด้วยเวลาไปแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ซึ่งถือเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับนักกีฬา และได้กล่าวว่า

“ตั้งแต่สมัยที่ผมเป็นผู้เล่นแล้วนะครับ เราจะมีการอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปด้วย รวมถึงธงประจำพระองค์ และธงชาติไทย ก่อนลงแข่งเราจะนำไปไว้ในห้องพักนักกีฬา เหมือนกับบอกว่าห้องนี้คือประเทศไทยนะ เป็นเสมือนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจว่าเราทำหน้าที่เพื่อประเทศชาติ เพื่อในหลวง แล้วในหลวงทรงทอดพระเนตรตลอดเวลา ก็เป็นสิ่งเตือนใจให้พวกเราว่าในหลวงทรงงานเยอะมาก เราแค่เศษเสี้ยว ฉะนั้นที่พวกเราคิดว่าการเตะฟุตบอลหนักแล้ว ฝึกหนัก แข่งหนักแล้ว แต่ในหลวงทรงงานหนักกว่าเราเยอะ ซึ่งการปลูกฝังเรื่องนี้ได้ผลดีมาก จริงๆ ทุกคนเล่นถวายหัวอยู่แล้วนะครับ ทุกคนสู้เพื่อในหลวง”

โดยในการแข่งขัน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ซิโก้ ได้เปิดเผยว่า  ในหลวง ทรงพระราชทานกำลังใจให้นักเตะทีมชาติไทยสู้ต่อ ผ่านทางราชเลขาฯ ที่โทรศัพท์ติดต่อกับทีมงานในช่วงพักครึ่งเวลา ระหว่างการแข่งขันกับ ทีมชาติมาเลเซีย

 

Image : Posttoday

สมรักษ์ คำสิงห์ นักมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองประวัติศาสตร์ของทัพนักกีฬาไทยในโอลิมปิกเกมส์ ปี 1996 เผยว่า นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างหาสิ่งใดมาเปรียบมิได้

จากนั้นเมื่อถึงกลับเมืองไทย สมรักษ์ พร้อมสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ ได้เข้าเฝ้าเบื้องพระยุคลบาท ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทองแด่พ่อหลวงตามที่ตั้งมั่นไว้ โดย สมรักษ์ ได้เปิดเผยว่า

“ตอนนั้นตื่นเต้นกันหมดทุกคน ไม่คิดว่าจะมีโอกาสนี้ พระองค์ทรงตรัสชื่นชมความสำเร็จของมวยสากลสมัครเล่น และพระองค์ทรงตรัสกับผมว่า เห็นผมถือพระบรมฉายาลักษณ์บนเวที ทรงนึกว่าขึ้นไปชกด้วยพระองค์เอง จึงเผลอลุกขึ้นกระโดดโลดเต้นเชียร์ทำให้มหาดเล็กในวังขำขันกันใหญ่ พระองค์ทรงอายจึงประทับลงตามเดิม” สมรักษ์ย้อนถึงวินาทีสำคัญ

 

อีกหนึ่งความภูมิใจของคนไทย สมจิตร จงจอหอ นักกีฬาทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองมวยสากลสมัครเล่น โอลิมปิก 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน, เหรียญทองเอเชียนเกมส์ 2 สมัย, เหรียญทองซีเกมส์ 3 สมัย ซึ่งเจ้าตัวได้ย้อนความประทับใจให้ฟังว่า

“ถือเป็นที่สุดของชีวิตแล้วที่ได้ติดทีมชาติ โดยเฉพาะวันที่ได้เหรียญทองโอลิมปิก การได้ชูพระบรมฉายาลักษณ์ในวันที่ตนเองได้รับชัยชนะเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ที่ตนไม่มีวันลืม ในหลวง คือ เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทย ในยามที่นักกีฬาสู้ไม่ได้แต่พอโค้ชปลุกใจบอกให้สู้เพื่อในหลวง พลังใจก็มาแบบอัตโนมัติ พระองค์ท่านคือกำลังใจที่วิเศษของนักกีฬา”

 

 

“บัวขาว บัญชาเมฆ” หรือ สิบตรี สมบัติ บัญชาเมฆ ยอดมวยไทยแห่งยุค ออกมาเปิดเผยถึงการที่ตนนำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ติดตัวไปด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันในประเทศ หรือต่างประเทศ ว่า

เกิดจากความภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย และต้องการให้โลกรับรู้ถึงความรักที่ปวงชนชาวไทยมีต่อพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รัก รวมทั้งยังรู้สึกว่าทำให้ตนมีกำลัง ความมั่นใจ ในการต่อสู้เป็นเวที”

 

 

“เจ้าสอง” ทนงศักดิ์ แสนสมบูรณ์สุข นักแบดมินตันขวัญใจชาวไทย สามารถคว้าแชมป์ แบดมินตัน เดนมาร์ก ซูเปอร์ซีรีส์ พรีเมียร์ 2016 ได้สำเร็จ โดยหลังจากแข่งขันจบ เจ้าสอง ได้ก้มกราบลงไปกับพื้น และในระหว่างการรับถ้วยแชมป์ ได้อัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวง รัชกาลที่ 9 โดยในขณะที่ถ่ายภาพ เจ้าสอง เลือกวางถ้วยแชมป์ลงที่พื้นและชูพระบรมฉายาลักษณ์เหนือศรีษะ ทำเอาแฟนๆ แบดมินตันต่างชาติเกิดความสงสัย หลังจากนั้น เจ้าสอง จึงออกมาอธิบาย ว่า

“พระบรมฉายาลักษณ์นั้น คือพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ยิ่งใหญ่กว่าถ้วยแชมป์ชนิดเทียบกันไม่ได้”

 

 

ทางด้าน “แต้ว” พิมศิริ ศิริแก้ว นักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติไทย ที่สุดท้ายสามารถคว้าเหรียญเงิน โอลิมปิก 2012 มาครองได้สำเร็จ ทั้งที่ตอนแรกเจ้าตัวถอดใจคิดว่าตัวเองจะไม่ได้เหรียญใดๆ แล้วเนื่องจากยกน้ำหนัก 103 กิโลกรัม ในท่าสแนตช์ไม่ผ่านทำให้คะแนนเป็นรองอยู่มาก แต่พอช่วงพักนายกสมาคมยกน้ำหนักแห่งประเทศไทย ได้นำรูปของในหลวงมาให้ดู พร้อมบอกว่า

“เกมยังไม่จบอย่าเพิ่งหมดกำลังใจ ให้สู้ต่อ ทำเพื่อในหลวงและประชาชนชาวไทย เท่านั้นแหละจอมพลังสาวก็ฮึดสู้อีกครั้งจนคว้าเหรียญเงินประวัติศาสตร์ให้กับตัวเองได้”

 

 

“รุ่ง”รุ่งโรจน์ ไทยนิยม นักกีฬาเทเบิลเทนนิสคนพิการ ผู้ที่คว้าเหรียญทองเป็นสมัยที่ 8 ในอาเซียน พาราเกมส์ ครั้งที่ 9 ที่ประเทศมาเลเซีย โดยเขาอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ไปแข่งขันด้วยไม่ว่าจะเป็นกีฬาในและนอกประเทศ โดยเขาได้กล่าวกับทางทีมงานว่า

ผมมีในหลวง รัชกาลที่ 9 เป็นแรงบันดาลใจ พระองค์ทรงเป็นต้นแบบของการดำรงชีวิตเลย เราได้ทราบกันว่า พระองค์ท่านทรงโปรดกีฬา “เรือใบ” เป็นอย่างมาก และทรงเป็นตัวแทนของชาติร่วมแข่งขันเรือใบ ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 หรือ ปัจจุบันคือ กีฬาซีเกมส์ และทรงคว้าเหรียญทองในวันที่ 16 ธันวาคม 2510 ซึ่งเป็นวันเกิดผม(รุ่งโรจน์ เกิด 16 ธันวาคม 2529)”

“ผมก็เลยอยากที่จะทำเหมือนพระองค์ท่าน อยากคว้าเหรียญทองให้ได้ ในการลงแข่งขันกีฬาต่างๆ แล้วในวันที่เราประสบความสำเร็จ เราได้ขึ้นไปยืนรับเหรียญบนโพเดียม แล้วเราได้ชูพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ท่านไว้ โดยจะพยายามยกให้ขึ้นเหนือหัว แต่สำหรับความพิการของผม ผมยกขึ้นได้แค่ระดับหัวไหล่ ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่ผมประทับใจที่สุดในชีวิต เพราะผมอยากทำให้คนทั้งโลกได้รู้ว่า ผมคือนักกีฬาของพระราชา”

 

ชมสด!! กีฬาชั้นนำระดับโลก พร้อมติดตามข่าวสารได้ที่ TrueID App และ เว็บไซต์ sport.trueid.net หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line@TrueID

ยอดนิยมในตอนนี้