รีเซต
TRUE OPINIONS : ความคาดหวัง ปัญหา หนทางแก้ไขในวันที่ "ปีศาจแดง" อ่อนแรง ... by "บีม ภควิชญ์"

TRUE OPINIONS : ความคาดหวัง ปัญหา หนทางแก้ไขในวันที่ "ปีศาจแดง" อ่อนแรง ... by "บีม ภควิชญ์"

TRUE OPINIONS : ความคาดหวัง ปัญหา หนทางแก้ไขในวันที่ "ปีศาจแดง" อ่อนแรง ... by "บีม ภควิชญ์"
kentnitipong
8 พฤศจิกายน 2560 ( 19:25 )
1.2K

TRUE OPINIONS : ต้องบอกว่าในเดือนที่ผ่านมานับเป็นช่วงเวลาที่ไม่ดีเอาซะเลย สำหรับทีมขวัญใจมหาชนอย่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

 

ฟอร์มการเล่นที่ดูวูบวาบ เดินหน้าไล่ถล่มคู่แข่งเป็นว่าเล่นในช่วงต้นฤดูกาล ถูกแทนที่ด้วยเกมที่น่าอึดอัดและผลการแข่งขันที่ไม่เป็นใจ

โอเค ส่วนหนึ่งอาจจะมาจาก “การปรับตัวตามคู่แข่ง” ที่ทำให้ ยูไนเต็ด ต้องลงเล่นด้วยความรัดกุมกว่าเดิม รวมถึง “ความผิดพลาดส่วนบุคคล” ในเกมกับ ฮัดเดอร์ฟิลด์ ทาวน์ ที่ทำให้ต้องเสียแต้มในเกมที่ไม่น่าเสีย

แต่การเก็บได้แค่ 4 จาก 12 แต้ม ย่อมไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเมื่อในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อนบ้านอย่าง เรือใบสีฟ้า แล่นฉลุย เก็บชัยรวดทุกนัด ทิ้งห่างถึง 8 แต้ม พร้อมฟอร์มการเล่นที่เร้าใจ ไม่มีวี่แววที่จะเปิดโอกาสให้ทีมอื่นได้ฝันถึงตำแหน่งแชมป์บ้างเลย

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำได้ดีกว่าคู่แข่งอีก 19 ทีมอย่างชัดเจน และคงยึดหัวตารางไปอย่างน้อยอีกพักใหญ่

ด้วยสถานการณ์ ณ ปัจจุบัน ทีมของ โชเซ่ คงทำอะไรมากไม่ได้นอกจากเร่งแก้ไขข้อผิดพลาดและเดินหน้าแบบเกมต่อเกม เพราะไม่ใช่แค่หัวตารางที่ทิ้งห่างออกไปเท่านั้น แต่บรรดาทีมที่อยู่ข้างใต้พวกเขาก็เริ่มขยับกันขึ้นมาหายใจรดต้นคอแล้วเช่นกัน

ผมมองปัญหาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แยกเป็นสองเคส เคสแรกคือปัญหาที่เกิดจาก “อาการบาดเจ็บ” ในขณะที่อีกเคสคือปัญหาที่เกิดจาก “แผนการซื้อขาย” ในช่วงตลาดนักเตะที่ผ่านมา

มาเริ่มที่เคสแรกที่ว่ากันด้วยเรื่องของ “อาการบาดเจ็บ” ก่อน

 

 

หากใครได้ดูเกมในช่วงหลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด คงพอชี้ได้ว่าปัญหาของพวกเขาอยู่ในแดนกลาง และผมมองว่าพวกเขาคงมีปัญหากับตรงนั้นไปอีกพักใหญ่ ๆ

การเข้ามาของ เนมันย่า มาติช เป็นดีลที่สุดยอดและเหลือเชื่อ แต่การขาดหายไปของ พอล ป็อกบา รวมถึง มารูยาน เฟลไลนี่ ทำให้ “ตัวเลือก” ในแผงกองกลางของ ปีศาจแดง มีค่อนข้างจำกัด

อาการบาดเจ็บเป็นปัจจัยที่ “ควบคุมไม่ได้” ในวงการฟุตบอล คุณไม่มีทางรู้ว่าผู้เล่นจะบาดเจ็บเมื่อไหร่ เราทำได้เพียง “ป้องกัน” ไม่ให้มันส่งผลต่อเรื่องในสนาม ไม่ว่าจะด้วยการมีทีมขนาดใหญ่เพื่อทดแทนกันในวันที่ใครขาดหาย หรือวิทยาศาสตร์การกีฬาที่เข้ามาช่วยในการปกป้องและรักษาสภาพร่างกายของผู้เล่น

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าในเกมที่ พอล ป็อกบา กองกลางจอมตัดผม อยู่ในสนาม ทัพปีศาจแดงสามารถสร้างสรรค์โอกาสได้เฉลี่ยถึง 14.8 ครั้งต่อเกม เมื่อเทียบกับตัวเลข 7 ครั้งต่อเกมเมื่อไม่มีเขาอยู่ในสนาม เท่ากับโอกาสการทำประตูหายไปครึ่งต่อครึ่ง

เมื่อประกอบกับจำนวนประตูเฉลี่ยที่ลดลงจาก 3 ประตูไปเป็น 1.6 ต่อนัด ยิ่งทำให้เห็นว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการตัวมิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสกลับมาลงสนามให้เร็วที่สุด

 

 

ส่วน มารูยาน เฟลไลนี่ อดีตกองกลางแฟนยี้ ก็เป็นอีกรายหนึ่งที่มาหายตัวในช่วงเวลาสำคัญของฤดูกาลพอดี

ในเกมใหญ่ทั้ง 3 นัดที่ผ่านมา (เยือน ลิเวอร์พูล, เหย้า สเปอร์ และ เยือน เชลซี) ต้องยอมรับว่า ปีศาจแดง ขาดความหลากหลายในการเข้าทำ ไม่ว่าเหตุผลมันจะมาจากความทื่อของแนวรุกหรือความแข็งแกร่งในแนวรับของฝั่งตรงข้ามก็ตาม

เราทุกคนคงทราบดีว่า เฟลไลนี่ เป็นผู้เล่นที่ มูรินโญ่ ชื่นชอบเป็นพิเศษ ซึ่งผู้จัดการทีมนั้นชอบที่จะมีตัวโจ็กเกอร์แบบนี้อยู่ในทีมอยู่แล้ว เพราะสไตล์การเล่นของกองกลางหัวฟูนั้นมีความแตกต่าง และความแตกต่างนี้ก็สามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้ แม้ว่าผู้เล่นดังกล่าวจะลงสนามหรือไม่

 

 

“การมีอยู่” ของกองกลางชาวเบลเยี่ยม  ทำให้ผู้จัดการทีมฝ่ายตรงข้ามต้องมานั่งครุ่นคิดว่าวันนี้เขาจะต้องเจอทีมที่มีหรือไม่มี เฟลไลนี่ อยู่ในสนาม ซึ่งส่งผลต่อการเตรียมทีมและแท็คติกไม่น้อย

เมื่อ ไม่มีป็อกบา ไม่มีเฟลไลนี่ ประกอบกับ เฮนริค มคิทาร์ยาน กับ ฆวน มาต้า ออกทะเล ในขณะที่ เอเรร่า ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งในปีที่แล้วได้ ทำให้ ปีศาจแดง มีพลังในการขับเคลื่อนในแดนกลางน้อยไป โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับทีมท็อปซิกส์

อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าปัญหาเรื่องกองกลางนี้จะหมดไป หากผู้เล่นที่หายไปทยอยกลับมาจากอาการบาดเจ็บ

สิ่งที่น่าเป็นห่วงกว่า คือปัญหาที่เกิดจาก “แผนการซื้อขาย” ของสโมสรมากกว่า

 

 

สำหรับแฟนปีศาจแดง คงไม่มีอะไรเจ็บปวดกว่าการที่ อัลวาโร่ โมราต้า คือผู้ทำประตูชัยตัดสินเกม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

แฟนฟุตบอลคงทราบกันดี ว่าจริง ๆ แล้วเป้าหมายของ โชเซ่ มูรินโญ่ ในการเสริมทัพตำแหน่งแดนหน้า คือ โมราต้า แต่จะด้วยเรื่องความสัมพันธ์กับ เรอัล มาดริด ก็ดี หรือ เรื่องธรรมชาติของการซื้อขายก็ดี สุดท้ายดีลนี้ต้องล่มลงไป และกลายเป็น โรเมลู ลูกากู ที่ย้ายเข้าสู่รัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด แทน

แม้จะเปิดตัวอย่างสุดยอด ด้วยการยิง 16 ประตูจาก 13 นัดในเกมทางการ (รวมทั้งกับสโมสรและทีมชาติ) แต่พอเข้าช่วงที่ “บิ๊กรอม” ต้องวัดกับทีมใหญ่ในเดือนตุลาคมเป็นต้นมา เจ้าตัวกลับยังไม่สามารถผลิตสกอร์ให้กับทัพปีศาจแดงได้เลย

 

 

ลูกากู ไม่ใช่กองหน้าประเภทที่เล่นบอลจับบอลเนียนตา ไม่ใช่กองหน้าที่วิ่งหาช่องได้ดี และเขาคงจะต้องโดดเดี่ยวอย่างนี้ต่อไปภายใต้การคุมทีมของกุนซือชาวโปรตุกีซที่จับกองหน้าชาวเบลเยี่ยมลงเล่นในบทบาท “Target Man”

เราอาจจะโบ้ยได้ว่าการที่กองกลางไม่สามารถลำเลียงบอลมาให้กับ ลูกากู ได้นั้นส่งผลต่อฟอร์มการยิงประตูของเขา แต่ในฐานะกองหน้าตัวความหวังของปีศาจแดง เขาควรทำได้ดีกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นจ็อบหลักอย่างการทำประตู หรือจ็อบรองเช่นการมีส่วนร่วมในการครองเกมหรือการสร้างปัญหาให้แนวรับฝั่งตรงข้าม

หลังจากพลาดเรื่อง โมราต้า แล้ว อีกเรื่องที่พลาดซ้ำสำหรับทีมปีศาจแดง คือดีลของ อีวาน เปริซิช

 

 

โอเค ในเมื่อดีล โมราต้า มันพลาดไปแล้วก็ปล่อยมันพลาดไป แต่ในเมื่อ ลูกากู เป็นกองหน้าประเภทที่ต้องมีคนป้อนบอลให้ การซื้อปีกที่เปิดบอลได้จึงควรมีความสำคัญเป็นลำดับต่อมา

สุดท้ายดีลนี้ก็เป็นอีกดีลที่ไม่ได้เกิดขึ้น และไม่มีแผนสำรองไว้ทดแทน ปล่อยให้ ลูกากู ต้องเล่นกับปีกที่เน้นการตัดเข้าในอย่าง แรชฟอร์ด และ มาร์กซิยาล ที่เราจะสังเกตได้ว่าแทบไม่มีการประสานงานด้วยกันเลย

สุดท้าย มูรินโญ่ ต้องหวังพึ่งการครอสบอลจากแบ็คสองข้างอย่าง วาเลนเซีย และต้องไปขุดเอา แอชลี่ย์ ยัง กลับมาลงเล่นในวัย 32 ปี

แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นใจ ลูกากู คือเขาต้องลงเล่นทุกเกมเป็นเวลา 90 นาทีแทบทุกนัดมาตั้งแต่เปิดฤดูกาล (ได้พักไม่ต้องเล่นเต็มเกมแค่นัดเดียวคือเกมกับ สวอนซี ในถ้วยคาราบาว) และด้วยสไตล์การเล่นที่ต้องเข้าปะทะกับกองหลัง มันก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีล้ามียุบกันบ้าง

เรื่องนี้โทษใครไม่ได้ นอกจาก น้ามู เอง ที่จิ้มเลือก ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ไว้เพียงคนเดียว ในการสลับกันเล่นกับ ลูกากู ซึ่งเขาก็รู้อยู่แล้วว่า ซลาตัน จะยังไม่พร้อมอีกพักใหญ่ และดู ๆ เหมือนเจ้าตัวมองว่า แรชฟอร์ด และ มาร์กซิยาล เป็นตัวริมเส้นมากกว่ากองหน้าเต็มร้อย

เมื่อรู้อย่างนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไม มูรินโญ่ ถึงไม่มองหากองหน้าสำรองไว้อีกซักตัวนึง เหมือนที่ สเปอร์ มี ยอเรนเต้ หรือ เชลซี มี บัตซูอายี ในการโรเตชั่นผู้เล่นและสร้างความแปลกใหม่ในแดนหน้า

 

 

สรุปสุดท้ายแล้ว… แม้สถานการณ์ตอนนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ดจะยังไม่ได้ย่ำแย่ถึงขั้นรับไม่ได้ เพราะพวกเขาถือว่ามีพัฒนาการกว่าฤดูกาลที่แล้ว หลังรั้งอันดับสองของตาราง และมีประตูได้-เสียดีกว่าทีมอื่น ๆ ที่ตามมาข้างหลัง ในขณะที่ฟุตบอลถ้วยก็กำลังไปได้ดี จากการที่สามารถผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์ในรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมถึงยังมีลุ้นในทุกถ้วยที่ลงแข่งขัน

แต่ขึ้นชื่อว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ความคาดหวังย่อมสูงกว่านี้ เพราะการจบท็อปทรีโดยไม่ได้ลุ้นแชมป์ อาจจะไม่เพียงพอในความรู้สึกของแฟนบอลก็เป็นได้

 

“BEAM”

 

บอลไทยบอลนอก ไม่พลาดทุกบิ๊กแมตช์ รวม 7 ลีก 5 ถ้วย มันส์ ชัดระดับ HD พร้อมกีฬาฮิตอีกมากมาย และ ดูสดผ่านเว็บ ได้ที่นี่

ติดตามข่าวสารได้ที่ TrueID App และ เว็บไซต์ Sport.Trueid.net หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID

 

ยอดนิยมในตอนนี้