รีเซต
FUTSAL TALK : ปีทองของ "โค้ชดม" ผู้บันทึกประวัติศาสตร์ฟุตซอลไทย ... by "ตรู่ เชียร์ไทย"

FUTSAL TALK : ปีทองของ "โค้ชดม" ผู้บันทึกประวัติศาสตร์ฟุตซอลไทย ... by "ตรู่ เชียร์ไทย"

FUTSAL TALK : ปีทองของ "โค้ชดม" ผู้บันทึกประวัติศาสตร์ฟุตซอลไทย ... by "ตรู่ เชียร์ไทย"
kentnitipong
13 พฤศจิกายน 2560 ( 10:22 )
1.5K

Futsal Talk กับ “ตรู่ เชียร์ไทย” … สถิติที่น่าภูมิใจในการเป็นโค้ช คุมทีมชนะ 150 นัดเป็นคนแรกในการแข่งขัน ฟุตซอลไทยลีก เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาของ “โค้ชดม” อุดม ทวีสุข เฮดโค้ชของ การท่าเรือ ฟุตซอล คลับ วัย 49 ปี เป็นสิ่งที่ย้ำว่าเป็นปีทอง หลังจากก่อนหน้านี้พาต้นสังกัดคว้าแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ฟุตซอล คลับ แชมเปี้ยนชิพ” 3 สมัยติด อีกทั้งยังเป็นโค้ชคนแรกในประวัติศาสตร์ที่พาทีมชาติไทยได้เหรียญทอง “เอเชียน อินดอร์ แอนด์ มาร์เชียล อาร์ต เกมส์”

 

 

ลูกหม้อ “สิงห์เจ้าท่า” จากฟุตบอล สู่ฟุตซอล

ช่วงแรกในการค้าแข้งกับ การท่าเรือแห่งประเทศไทย เริ่มไต่เต้าจาก ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ค. เล่นทั้งกองหน้า ปีกซ้าย จนกระทั่งก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในตำแหน่งแบ็กซ้าย โดยเล่นฟุตบอลไทยลีก 9 ฤดูกาล ตั้งแต่ 1996-2004/05 ดีที่สุดคือตำแหน่งรองแชมป์ฤดูกาล 1999 มี 39 คะแนนเท่ากับ ทหารอากาศ แต่ลูกได้เสียเป็นรอง โทรฟี่ที่ได้รับคือคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานควีนส์คัพ 1993 ยุคสมัยที่ อุดม โลดแล่นบนสนามหญ้าเคยเคียงบ่าเคียงไหล่ดาวดังระดับทีมชาติไทยมากมาย อาทิ รณชัย สยมชัย, คำรณ สำราญพันธ์, ประภาส ฉ่ำรัศมี, ปิติพงษ์ กุลดิลก หรือแม้กระทั่ง ศรายุธ ชัยคำดี ที่ปัจจุบันยังค้าแข้งอยู่

“โค้ชดม” กล่าวอย่างภาคภูมิใจในการรับใช้ การท่าเรือแห่งประเทศไทย อย่างยาวนาน แม้จะไม่เคยติดทีมชาติไทย “ที่เราไม่เคยติดทีมชาติเหมือนเพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆ เรามองว่าที่เราไม่ติดทีมชาติเพราะโค้ชเขามีทางเลือกมากกว่า แค่เราคิดว่าเราอยู่ในผู้เล่น 11 คนแรกของการท่าเรือ เราก็ภูมิใจแล้ว เพราะสโมสรการท่าเรือก็ทีมชาติ และอดีตทีมชาติทั้งนั้น ที่เราเข้ามาสัมผัส และเข้ามาอยู่ใน 11 คนแรก แค่นี้ก็ภูมิใจแล้ว”

หลังจากแขวนสตั๊ดไม่นาน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้จัดการแข่งขันฟุตซอลลีกอาชีพขึ้นเป็นครั้งแรก (ฤดูกาล 2006) การท่าเรือแห่งประเทศไทย ก็ส่งทีมเข้าร่วมแข่งด้วย นี่คือจุดเริ่มต้นที่ “โค้ชดม” ได้เข้ามาอยู่ในวงการฟุตซอล เริ่มจากการเป็นผู้ช่วยโค้ช โดยเฮดโค้ชก็ไม่ใช่ใครที่ไหน “โค้ชแมว” คำรณ สำราญพันธ์ ที่เล่นฟุตบอลกับ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ด้วยกันมานั่นเอง

…ก่อนสร้างสถิติชนะ 150 นัด เคยลาออกมาแล้ว 2 รอบ

กับความท้าทายใหม่ เข้ามาสู่วงการฟุตซอลไม่ทันไรในฐานะผู้ช่วยโค้ช ก็ต้องลาออกพร้อมกับ “โค้ชแมว” หลังเริ่มต้นฟุตซอลไทยลีก ครั้งที่ 1 ได้อย่างย่ำแย่ 4 นัดแรกแพ้รวด ถูกคู่แข่งยิงไป 21 ประตู ทว่าเหมือนบุญวาสนาจะนำพา ผู้ใหญ่ให้โอกาส อุดม ทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอน เป็นคนที่ 2 ของทีมฟุตซอลจากถิ่นคลองเตย เริ่มต้นนัดแรกของตัวเองด้วยการเสมอ นครราชสีมา (ไจแอนท์ บูล โคราช) 5-5 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2549

ชัยชนะนัดแรกของตัวเองในการขึ้นเป็นเฮดโค้ช และของสโมสรเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2549 เอาชนะ ม.รัตนบัณฑิต 6-5 นับ 1 กว่าจะถึง 150 นี่คือสาเหตุว่าทำไมผมถึงลงบทความนี้ ในวันนี้ เพราะวันนี้คือวันที่ 13 พฤศจิกายน เป็นวันเดียวกันกับที่ การท่าเรือ ฟุตซอล คลับ คว้าชัยนัดแรกของสโมสรเมื่อ 11 ปีที่แล้วนั่นเอง

การขึ้นมาเป็นเฮดโค้ชนี้เองทำให้ “โค้ชดม” ต้องเรียนรู้ ค้นคว้า ศาสตร์ของฟุตซอลซึ่งตอนนั้นยังเป็นเรื่องใหม่ในไทย เพราะขนาดทีมต่างๆที่ส่งแข่งขันก็ต้องใช้บุคลากรฟุตบอลแทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสต๊าฟโค้ช หรือนักเตะ รวมทั้งตัวของ “โค้ชดม” เองด้วย ที่ไม่มีพื้นฐานอะไรเกี่ยวกับฟุตซอลมาเลย ปีแรกจบฤดูกาลแรกด้วยอันดับที่ 8 ต่อมาในฤดูกาล 2007 การท่าเรือ คว้าแชมป์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมสถิติชนะต่อเนื่อง 13 นัด เป็นสถิติที่ดีที่สุดของสโมสรมาจนถึงบัดนี้ ตัวเลขนี้เป็นรองเพียงแค่ พีทีที บลูเวฟ ชลบุรี ที่ชนะ 18 นัดติดต่อกัน

อีกครั้งที่ “โค้ชดม” ต้องลาออกเกิดขึ้นในฤดูกาล 2014 เริ่มต้นฤดูกาลผลงานแย่แบบที่ไม่มีใครคาดคิด 5 นัดแรกชนะแค่นัดเดียว แถมเจอทีมรองบ่อนอย่าง อุทัยธานี ฟุตซอล คลับ ก็ทำได้แค่เสมอ 2-2 หลังจบเกมนัดนี้ “โค้ชดม” ตัดสินใจลาออกรับผิดชอบผลงาน แต่อย่างไรก็ตามยังคงได้รับความไว้ใจจากบอร์ดบริหารเรียกตัวกลับมาทำหน้าที่ต่อ จนล่วงเลยมาถึงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2560 เป็นการแข่งขันนัดที่ 17 ของฤดูกาล 2017 การท่าเรือ เปิดบ้านชนะ กรมทางหลวง 2-0 นี่คือชัยชนะนัดที่ 150

“คงเป็นโค้ชมานานน่ะ ในเรื่องของศาสตร์ฟุตซอลในสมัยนั้นมันยังเป็นกีฬาใหม่ มันยังไม่มีโค้ชฟุตซอลแบบเต็มตัว ไม่เหมือนฟุตบอลที่มีโค้ชเยอะ ส่วนฟุตซอลเป็นกีฬาประเภทใหม่ที่เกิดขึ้นมาใหม่ในไทย เรามาเป็นโค้ชการท่าเรือตั้งแต่ครั้งที่ 1 ซึ่งตอนนี้ผ่านมา 11 ปี (10 ฤดูกาล) ชนะ 150 นัด มันก็คงเป็นเรื่องปกติ แต่ผมภูมิใจนะที่ทำได้เป็นคนแรก ภูมิใจกับน้องๆนักเตะ ภูมิใจกับสโมสรครับ” “โค้ชดม” พูดถึงการเป็นโค้ชคนแรกที่คุมทีมชนะ 150 นัด 

 

 

แชมป์สโมสรอาเซียน 3 ครั้งรวด

หลังจากคว้าแชมป์ฤดูกาล 2007 การท่าเรือ ก็ยังไม่เคยสัมผัสแชมป์ใดๆในประเทศอีกเลย ไม่ว่าจะเป็นไทยลีก หรือ เอฟเอ คัพ ต้องตกอยู่ภายใต้ร่มเงาของ ชลบุรี ที่ไปไกลด้วยการคว้าแชมป์เอเชียเป็นสมัยที่ 2 แต่การที่ การท่าเรือ ได้รับโอกาสในการเป็นตัวแทนสโมสรไทยลงแข่งชิงแชมป์อาเซียน แน่นอนว่า การท่าเรือ ถูกยกให้เป็นทีมเต็งแชมป์ และสามารถสร้างความสำเร็จ คว้าแชมป์ได้ 3 สมัยซ้อน ปี 2015, 2016 และ 2017

 

 

เติมเต็มความฝัน เป็นโค้ชทีมชาติ คว้าเหรียญทองประวัติศาสตร์

“มันเป็นความใฝ่ฝันนะ ในสมัยที่เราเล่น เราไม่สามารถก้าวขึ้นไปติดทีมชาติได้ แต่ในการเป็นโค้ชเราก็มีความฝันว่าวันนึงเราจะก้าวขึ้นมาเป็นโค้ชทีมชาติให้ได้”

นี่คือคำพูดของ “โค้ชดม” ที่เผยถึงการเข้ามาเป็นกุนซือทีมฟุตซอลหญิงทีมชาติไทย หลังจากได้รับโอกาสจาก สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยฯ และ “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลแห่งชาติ ก็เริ่มต้นด้วยการคว้าแชมป์ซีเกมส์ 2017 ซึ่งถือว่าเสมอตัว เพราะของจริงคือ “เอเชียน อินดอร์ แอนด์ มาร์เชียล อาร์ต เกมส์ 2017” ที่ประเทศเติร์กเมนิสถาน ก่อนหน้านี้ไทยได้แค่ “เฉียด” ไม่ว่าจะเป็นทีมชาย ไปไกลที่สุดคือ เหรียญเงิน ที่ได้มา 3 สมัย ส่วนทีมหญิงไทย เต็มที่ก็เหรียญเงิน คว้ามาแล้ว 2 หน

ดังนั้นในครั้งนี้ สมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยฯ จึงหมายมั่นปั้นมืออยากได้เหรียญทองเป็นครั้งแรก จึงเตรียมทีมอย่างดีที่สุด ทีมชาย ลงแข่ง 4 เส้า “ไทยแลนด์ ไฟว์” เชิญทีมชาติอาร์เจนติน่า เจ้าของแชมป์เวิลด์คัพ 2016 มาดวลด้วย ส่วนทีมหญิง เชิญ อิหร่าน มาอุ่นเครื่อง พร้อมทั้งไปเก็บตัวที่ประเทศญี่ปุ่น ได้อุ่นเครื่องกับทีมสโมสรอีก 3 นัด

แม้บทสรุป ทีมชาย จอดป้ายแค่รอบ 8 ทีมสุด ทว่าทุกอย่างเป็นไปตามความฝันกับเหรียญทองแรกของฟุตซอลไทย เมื่อทีมหญิงของเราที่มี “โค้ชดม” คุมทีม โชว์ฟอร์มโหดตั้งแต่รอบแรก ก่อนจะล้ม ญี่ปุ่น ทีมเต็ง 1 และแชมป์เก่า 3 สมัย ไปด้วยสกอร์ 3-1 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2560

จากเหตุการณ์ต่างๆนี้ สมควรเรียกได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งความทรงจำของ “โค้ชดม” ไม่ใช่แค่เติมเต็มความฝันของตัวเอง แต่เติมเต็มความฝันให้กับชาวไทยทั้งประเทศ…

 

“ตรู่ เชียร์ไทย”

 

ชมสด!! ศึกไทยลีก พร้อมติดตามข่าวสารทีมชาติไทย ได้ที่ Trueid App และ เว็บไซต์ Sport Trueid หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line@Trueid

 

ยอดนิยมในตอนนี้