รีเซต
TRUE TALK : ในฐานะคนเหนือ ผมภูมิใจกับก้าวประวัติศาสตร์ของ "เชียงราย ยูไนเต็ด" ... by "บก.เก้น"

TRUE TALK : ในฐานะคนเหนือ ผมภูมิใจกับก้าวประวัติศาสตร์ของ "เชียงราย ยูไนเต็ด" ... by "บก.เก้น"

TRUE TALK : ในฐานะคนเหนือ ผมภูมิใจกับก้าวประวัติศาสตร์ของ "เชียงราย ยูไนเต็ด" ... by "บก.เก้น"
kentnitipong
22 พฤศจิกายน 2560 ( 21:30 )
5.2K

2009 … เริ่มต้นบนเส้นทางเดินลูกหนังแดนสยาม
2010 … คว้าตั๋วสู่ลีกรองทันทีในฤดูกาลแรก
2011 … ทีมแรกจากแดนล้านนาที่ก้าวขึ้นมาผงาดบนลีกลูกหนังสูงสุดของประเทศไทย
ปลายปี 2016 … ทุ่มทุนซื้อนักเตะด้วยค่าตัวที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทย
2017 เข้าชิงฟุตบอลถ้วยสองรายการสำคัญในซีซั่นเดียว
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลา 9 ปี (ทอง) ของ “เชียงราย ยูไนเต็ด

 

 

นับตั้งแต่วันแรกที่ “กว่างโซ้งมหาภัย” ถือกำเนิดขึ้นในปี 2009 “กว่างโซ้ง” ตัวนี้ ค่อยๆ เดินทางจากลีกภูมิภาค พร้อมๆ กับการแบกความฝันของชาวเหนือทุกคนที่อยากจะเห็นกว่างตัวนี้ขึ้นไปโบยบินบนไทยลีก… นั่นคือโจทย์แรกที่ เชียงราย ยูไนเต็ด ต้องเผชิญท่ามกลางคำสบประมาทมากมายที่มองว่า “ฝัน” ของทีมเล็กๆ จากเหนือสุดแดนสยามทีมนี้คงไม่มีวันเป็นจริง

แต่ เชียงราย ยูไนเต็ด ทำได้…

แม้ว่าเส้นทางในลีกสูงสุดของพวกเขาดูเหมือนจะทุลักทุเล แต่อย่างน้อย กว่างโซ้งสีส้ม ตัวนี้ก็ไม่เคยไปแตะใกล้กันคำว่า “ดิ้นรนหนีตกชั้น” เพียงแค่นั้นก็ดูเหมือนจะเป็นโบนัสแล้วกับการก้าวขึ้นมาผจญภัยท่ามกลางทีมยักษ์ใหญ่ที่เต็มไปด้วยพลังสนับสนุน และเม็ดเงินมากมาย

กระทั่งการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ของ เชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งผมเองก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับ บิ๊กฮั่น ถึงการเนรมิตทีมโฉมใหม่ตั้งแต่การวางระบบการจัดการ สนาม การเดินเกมในตลาดซื้อขายนักเตะ ฯลฯ เอาง่ายๆ ว่าแปลงร่างเป็น พญากว่างโซ้ง ที่พร้อมชักธงรบกับบิ๊กทีมอย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, แบงค็อก ยูไนเต็ด หรือแม้กระทั่ง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คู่แข่งของพวกเขาในศึกโตโยต้า ลีก คัพ 2017 ที่ผมเองกำลังรับชมสดๆ จากขอบสนามศุภชลาศัย ไปพร้อมๆ กับการกลั่นความรู้สึกออกมาเป็นตัวอักษร

เชียงราย ยูไนเต็ด ในชุดสีขาว-ส้ม แม้ว่าอาจจะไม่ตรงกับแฟนบอลเจียงฮายที่พร้อมใจกันใส่ชุด “กว่างส้ม” มา แต่พลังในการเชียร์นั้นผมมองว่ายังหนักแน่น และกดดันทีมคู่แข่งได้ดี ถึงแม้ว่าอาจจะเสียเปรียบในเรื่องของปริมาณก็ตาม

ผมเองทราบมาว่านอกเหนือจากกลุ่มแฟนบอลที่เดินทางมาจากเหนือสุดแดนสยามแล้ว ยังมีกลุ่มแฟนบอล จาวเหนือ พลัดถิ่น ที่เป็นการรวมตัวกันของคนเหนือที่เดินทางเข้ามาทำงาน มาใช้ชีวิตในเมืองกรุง ตบเท้าเข้ามาสมทบกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เรียกได้ว่าวันนี้แทบจะเป็นวันรวมญาติกันเลยทีเดียว

โอเค กลับมาที่เรื่องราวในสนามกันต่อ แน่นอนว่าการก้าวเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยถึงสองรายการในซีซั่นเดียว ถือเป็นสิ่งที่เปรียบเสมือนดาบสองคมของทัพ “กว่างโซ้งมหาภัย” ไม่น้อย เพราะการต้องลงเล่นในเกมที่เต็มไปด้วยความกดดันจากทั้งใน และนอกสนาม บวกกับแรงทุ่มเททั้งพละกำลัง แรงกาย แรงใจทั้งหมดในระยะเวลาที่ห่างกันเพียงสามวัน ล้วนแต่เป็น “ของใหม่” ที่ทั้งนักเตะ และแฟนบอลของทีมนั้นยังไม่คุ้นชินแน่ๆ

เพราะขึ้นชื่อว่า “เกมนัดชิงชนะเลิศ” ประสบการณ์ของนักเตะน่าจะเป็นสิ่งที่จำเป็นเอามากๆ กับเกมที่เต็มไปด้วยความกดดันแบบนี้ และนั่นคือสิ่งที่คู่แข่งอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ดูข่มพวกเขาอยู่พอสมควร กระทั่งการเสียสองประตูในช่วงเวลาสำคัญจนนำมาซึ่งความพ่ายแพ้ในเกมนัดนี้

ผมคงไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากถึงรูปเกมในวันนี้ เพราะต้องยอมรับว่าแข้ง “กิเลนผยอง” ที่อุดมไปด้วยนักเตะสตาร์ทีมชาติไทยชุดปัจจุบันนั้นต่อเกมได้ไหลลื่นกว่า บวกกับความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูเหมือนว่าจะค่อนมาทางฝั่งเชียงรายซะมากกว่า ก็ถือว่าสมเหตุสมผลกับแชมป์ในครั้งนี้ของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด

 

 

“การจบสกอร์” ในวันนี้ถือเป็นจุดบอดแรกที่ผมมองเห็น ซึ่งแน่นอนว่าย่อมเป็นผลมาจากการขึ้นเกมรุกที่ไม่ไหลลื่นอย่างที่ควรจะเป็น เห็นได้ชัดเลยว่าในวันที่ทีมไร้เพลย์เมคเกอร์อย่าง วานเดอร์ หลุยส์ เชียงราย ยูไนเต็ด เองก็แอบไปไม่เป็นเหมือนกัน นั่นคือการบ้านที่ผมเชื่อว่า ทั้งบอร์ดบริหาร รวมถึงสต๊าฟโค้ชเองอาจจะต้องเดินเกมซื้อขายนักเตะในตลาดด้วยความรอบคอบ และมั่นใจว่าจะต้องมีการทุ่มเม็ดเงินให้เราเห็นแน่ๆ ทั้งตำแหน่งศูนย์หน้า และแนวรุกริมเส้น

“ขุมกำลังสำรอง” คือสิ่งที่ (อาจ) จะสร้างความมหัศจรรย์ในสนามได้ในยามที่ทีมตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรอง ชัดเจนว่า อเล็กซานเดร กาม่า เองมีตัวเลือกไม่มาก หากเทียบกับ “โค้ชแบน” ที่ไม่ว่าจะส่งใครลงมาก็ล้วนแต่พร้อมจะลงมาพลิกเกมทั้งสิ้น นี่ถือเป็นโจทย์อีกหนึ่งข้อที่ เชียงราย เองอาจจะต้องความหาขุมกำลังที่มีฝีเท้าใกล้เคียงกันมากกว่านี้

ผมเชื่อว่า “บิ๊กฮั่น” และบอร์ดบริหารมองเห็น… เพราะการจะสร้างทีมขึ้นมาเพื่อล่าความสำเร็จในทุกรายการนั้นจะต้องมีขุมกำลังที่แกร่งทั่วแผ่น และพร้อมจะทดแทนกันได้ทุกคน

 

 

แน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะพบกับ “ความพ่ายแพ้” หากแต่ถ้าคุณสู้เต็มที่แล้ว ผมคิดว่าก็คงไม่มีใครเสียดายกับโอกาสที่เกิดขึ้น เพราะอย่าลืมว่า เชียงราย ยูไนเต็ด เองยังมีโปรแกรมอีกหนึ่งเกมที่ผมแอบเชื่อว่าบอร์ด สต๊าฟ นักเตะ รวมถึงแฟนบอลกว่างโซ้งฯ น่าจะให้น้ำหนักแบบสุดๆ เนื่องจากมีตั๋วไปเล่นรอบเพลย์ออฟรายการใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่าง เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นเดิมพัน

ความละเอียดในทุกๆ จังหวะของเกม คือสื่งที่ กาม่า จะต้องพยายามงัดกึ๋น และการวางหมากทุกกลยุทธ์ออกมา โดยเฉพาะประสบการณ์ของการเป็นแชมเปี้ยนส์เมื่อสมัยที่เจ้าตัวกุมบังเหียน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด น่าจะเป็นหมัดเด็ดในเกมนัดต่อไปของ เชียงราย ยูไนเต็ด

อีกทั้งในขวบปีหน้า (2018) ยังจะถือเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของ “กว่างโซ้งมหาภัย” ผมมั่นใจว่ายอดทีมจากแดนล้านนาทีมนี้น่าจะมีเซอร์ไพรส์ให้แฟนบอลชาวไทยได้เห็นอีกแน่นอน

 

 

ในฐานะคนเหนือ แม้ว่าวันนี้ “กว่างโซ้งมหาภัย” จะไม่สามารถคว้าแชมป์ โตโยต้า ลีก คัพ สมัยแรกได้ แต่ผมเชื่อว่าความพ่ายแพ้ในวันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จในอนาคตกันใกล้ โดยเฉพาะกับการเตรียมลุ้นโทรฟี่สุดท้ายของปีอย่าง ช้าง เอฟเอ คัพ ในวันเสาร์นี้ และสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกกับทุกๆ คนนั้นก็คือ

ผมภูมิใจกับก้าวแห่งประวัติศาสตร์ของ เชียงราย ยูไนเต็ด ในวันนี้ครับ…

 

บก.เก้น

 

 

ติดตามข่าวสารได้ที่ TrueID App และ เว็บไซต์ Sport.Trueid.net หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueI

 

ยอดนิยมในตอนนี้