รีเซต
TRUE OPINIONS :  จากลีกจีน สู่ลีกไทย "ล้มบอล" มะเร็งร้ายทำลายวงการลูกหนังเอเชีย ... by "อ.เอี่ยม"

TRUE OPINIONS : จากลีกจีน สู่ลีกไทย "ล้มบอล" มะเร็งร้ายทำลายวงการลูกหนังเอเชีย ... by "อ.เอี่ยม"

TRUE OPINIONS :  จากลีกจีน สู่ลีกไทย "ล้มบอล" มะเร็งร้ายทำลายวงการลูกหนังเอเชีย ... by "อ.เอี่ยม"
kentnitipong
24 พฤศจิกายน 2560 ( 16:26 )
1.5K

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน ในขณะที่กระแสการล็อคผลฟุตบอลซึ่งถือได้ว่าเป็น “มะเร็งร้าย” แห่งวงการกีฬากำลังถาโถมเข้าใส่วงการฟุตบอลบ้านเราอยู่ในขณะนี้ตามที่เราได้ทราบทางหน้าสื่อต่างๆ ไปแล้วนั้น

 

 

ผมเชื่อว่าหลายท่านคงทราบ และคงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไรนักกับวิถีการล็อคผลบอล (Match Fixing) ในลีกกีฬาอาชีพที่เพิ่งจะก่อตั้งได้ไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นฝั่งยุโรปหรือเอเชียเองก็ตาม ไม่เว้นแม้กระทั่งหนึ่งในลีกฟุตบอลอาชีพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในเอเชียอย่าง ไชนีส ซุปเปอร์ลีก ลีกฟุตบอลอาชีพของประเทศจีน ที่เคยเผชิญหน้ากับปัญหานี้มาแล้วเช่นกัน ถึงขนาดที่ว่าผลสุดท้ายต้องสั่นคลอนกันไปทั้งลีกเลยทีเดียว วันนี้ผมรับหน้าที่มาเล่าให้ฟังกันครับว่าการล็อคผลบอลของจีนในอดีตเป็นอย่างไร

ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1998 ในขณะที่ทีมชาติฝรั่งเศสเถลิงแชมป์และกำลังเสพสุขกับฟุตบอลโลกในผืนแผ่นดินยุโรปอยู่นั้น ข้ามฝั่งมาที่เอเชียบ้านเรากลับกลายเป็นว่าพี่เบิ้มอย่าง จีน กำลังเผชิญหน้ากับ “หายนะ” ที่เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลของจีนด้วยสาเหตุ คือ การล็อคผลบอล

เริ่มจากยุคทองของ ต้าเหลียน ว่านต๋า (ที่ต่อมาคือ ต้าเหลียน สือเต๋อ) มหาอำนาจลูกหนังจีนในยุคนั้นที่มี หวัง เจี้ยนหลิน ประธานกลุ่มบริษัทว่านต๋า ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ร่ำรวยมหาศาลของจีนนั่งแท่นประธานสโมสร และ สู เกินเป่า โค้ชยอดฝีมือของจีนในขณะนั้นเป็นผู้คุมทัพ ร่วมกันกวาดแชมป์ได้มากมายโดยกวาดแชมป์ลีก 3 สมัยรวด ด้วยนักเตะที่เราอาจจะเคยคุ้นหูกันบ้าง เช่น ซุน จีไห่, หลี่ หมิง ซึ่งถ้าจะให้เห็นภาพชัดขึ้นพวกเขาก็คล้ายๆ กับ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ ในปัจจุบันนั่นแหละครับ

 

 

จุดพลิกผันตลอดกาลของยอดทีมแดนมังกรเกิดขึ้นในเกม ไชนีส เอฟเอคัพ (ไชน่า คัพ ในปัจจุบัน) ในปี 1998 นั่นเอง มันคือแชมป์เดียวที่พวกเขายังไม่สามารถคว้ามาครองได้เลย และเป็นสิ่งเดียวที่ หวัง เจี้ยนหลิน ประธานสโมสรหมายมั่นปั้นมือจะต้องเอาแชมป์ถ้วยนี้มาครองให้ได้เพื่อประกาศศักดาเป็นเบอร์หนึ่งของจีนอย่างแท้จริง แต่พวกเขากลับต้องผิดหวังเมื่อทั้งเกมที่เจ้าบ้าน ต้าเหลียน ว่านต๋า ที่นำทีมโดย หวัง เทา ดาวซัลโวของทีมโหมเกมบุกใส่ เหลียวหนิง เอฟซี ผลสุดท้ายกลับกลายเป็นเจ้าบ้านที่ตกรอบไปแบบค้านสายตาคนทั้งประเทศ

หลังสิ้นเสียงนกหวีด หวัง เจี้ยนหลิน ไม่รอช้าออกมาให้สัมภาษณ์โจมตีกรรมการอย่างรุนแรงและกล่าวหากรรมการว่ามีเอี่ยวในการ “ล็อคผลบอล” อย่างแน่นอน ซึ่งภายหลังการสอบสวนเสร็จสิ้นในปี 2001 ผลปรากฏว่าหวยมาออกที่กรรมการ “รับงาน” จริงๆ ด้วยค่าจ้าง 2 ล้านหยวน (ราว 10 ล้านบาท) ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากเอาการในสมัยนั้น

เมื่อ หวัง เจี้ยนหลิน ทราบผลการตัดสิน เขาตัดสินยุติบทบาทของตนเองกับวงการฟุตบอลจีนทันที ด้วยการขาย ต้าเหลียน ว่านต๋า สโมสรที่เขาปลุกปั้นมากับมือไปให้กับกลุ่มบริษัท สือเต๋อ ด้วยสนนราคาถึง 120 ล้านหยวน (ราว 600 ล้านบาท) และนี่คือจุดจบของ ต้าเหลียน ว่านต๋า สิ้นชื่อยอดทีมแห่งเมืองจีนไปในที่สุด

ยังไม่จบแค่นี้ “มะเร็งร้าย” ยังทำหน้าที่ของมันต่อไป เมื่อปี 2003 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของการใช้ชื่อ เจี๋ย เอลีก (Jia-A League) ก่อนเปลี่ยนชื่อมาเป็น ไชนีส ซุปเปอร์ลีก จนถึงปัจจุบัน ส่งท้ายได้ไม่สง่างามนัก เมื่อ ซั่งไห่ เซินฮัว มหาอำนาจลูกหนังจีนในขณะนั้นกำลังไล่ล่าแชมป์ลีกสูงสุดหลังห่างหายไปถึง 8 ปี โดยเป็นแมทช์ที่ต้องพบกับ ซั่งไห่ คอสโก ซานหลิน เอฟซี (เป่ยจิง เหรินเหอ ในปัจจุบัน)

ด้วยความโลภและหัวหมอของ โหลว ชือฟาง ผู้จัดการทีมของ ซั่งไห่ เซินฮัว ในขณะนั้น เลยจัดการเจรจากับ จาง เจียนเฉียง หัวหน้าคณะผู้ติดสินสมาคมฟุตบอลจีน รวมถึง ลู่ จุน กรรมการระดับฟีฟ่าและทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินในเกมวันนั้น เพื่อตัดสินบนจำนวน 350,000 หยวน (ราว 1.95 ล้านบาท) ซึ่งผลปรากฏว่าเจ้าบ้าน ซั่งไห่ เซินฮัว เอาชนะเพื่อร่วมเมืองไปได้ 4-1 ประตู และเป็น 3 แต้มสำคัญส่งให้พวกเขาคว้าแชมป์ลีกสูงสุดหลังจากห่างหายไปถึง 8 ปี ทันที

แต่เหมือนกรรมตามทัน (แม้จะช้าไปหน่อย) หลังจากปี 2010 ที่สมาคมฟุตบอลจีนตัดสินใจสังคายนาล้างระบบคอรัปชั่นในวงการฟุตบอลจีน ซึ่งหมายถึงการไล่เช็คบิลย้อนหลังไปในอดีตอีกด้วย ซึ่งกรณีของ ซั่งไห่ เซินฮัว สมาคมฟุตบอลจีนใช้เวลาถึง 3 ปี ในการสอบสวน และตรวจพบว่า ซั่งไห่ เซินฮัว มีการว่าจ้างล็อคผลบอลจริง !!!

ส่งผลให้ ซั่งไห่ เซินฮัว ถูกถอดสิทธิ์แชมป์ลีกปี 2003 คืนทันที พร้อมปรับเงินอีก 1 ล้านหยวน (ราว 5 ล้านบาท) พร้อมตัด 6 คะแนน ในปี 2013 อีกด้วย

ส่วน ลู่ จุน ผู้ตัดสินนัดอื้อฉาวครั้งนั้น ถูกจำคุก 5 ปีครึ่ง พร้อมปรับเงิน 1 ล้านหยวน (ราว 5 ล้านบาท) และห้ามยุ่งเกี่ยวกับฟุตบอลตลอดชีวิต

นี่ยังไม่รวมผู้ตัดสินและนักเตะอีก 7-8 รายที่พัวพันคดีล็อคผลบอลและถูกตัดสินจำคุกหรือปรับเงินจากการสังคายนาครั้งนี้อีกนะครับ

 

 

แน่นอนเมื่อความชั่วถูกเปิดเผย มันก็ต้องมีคนที่เจ็บเพิ่ม วงการฟุตบอลจีนยังถูกผลจากมะเร็งร้ายเล่นงานไม่หยุดหย่อน เมื่อ ปีเรลลี่ (Pirelli) กลุ่มบริษัทยางรถยนต์ชื่อดังจากอิตาลีซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักของ ไชนีส ซูเปอร์ ลีก ในขณะนั้น รีบถอนตัวทันทีเนื่องจากภาพลักษณ์ของลีกกำลังมืดมน รวมทั้งสถานีโทรทัศน์กลางของจีน (CCTV) ก็ปฏิเสธจะถ่ายทอดสดฟุตบอลลีกอีกด้วย ทำให้รายได้ของทุกสโมสรในไชนีส ซูเปอร์ ลีก ลดหายไปอย่างน่าตกใจ และถือเป็นการดำดิ่งสู่ยุคมืดของวงการฟุตบอลจีนอย่างแม้จริง

สุดท้ายรัฐบาลจีน นำโดย หู จิ่นเทา (ประธานาธิบดีสมัยนั้น) จึงตัดสินใจเข้ามาแก้ไขปัญหานี้ โดยเริ่มจากการสังคายนาสมาคมฟุตบอลจีนครั้งใหญ่ ด้วยการแต่งตั้ง เหว่ย ตี้ จากกระทรวงการกีฬาของจีน นั่งแท่นรองนายกสมาคมฟุตบอลจีน พร้อมด้วยการเรียกตัวผู้บริหารสมาคมฟุตบอล 6 คน ไปปรับทัศนคติ นอกจากนั้นรัฐบาลจีนยังเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แจ้งเบาะแสการคอรัปชั่นในวงการฟุตบอลผ่านหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ พร้อมมีเงินรางวัลในการแจ้งเบาะแสให้อีกด้วย

หลังจากการทำโทษที่เด็ดขาดตามสไตล์คอมมิวนิสต์ ส่งผลให้ปัจจุบัน ไชนีส ซูเปอร์ ลีก สามารถลืมตาอ้าปากสู่สายตาชาวโลกได้อีกครั้งอย่างเต็มภาคภูมิ พร้อมพัฒนาต่อยอดให้กลายเป็นหนึ่งในลีกลูกหนังอาชีพที่ดีที่สุดของเอเชียและของโลกในอนาคต

 

 

ขอเพียงบทลงโทษที่เด็ดขาดตรงไปตรงมา และการจัดการที่เหมาะสม ผมเชื่อว่า “ฟ้าหลังฝน” สำหรับวงการฟุตบอลไทยย่อมสวยงามเสมอครับ…

 

“อ.เอี่ยม”

 

 

สามารถดูบอลสดทางออนไลน์ ได้ที่นี่

 

ติดตามข่าวสารได้ที่ TrueID App และ เว็บไซต์ Sport.Trueid.net หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID

ยอดนิยมในตอนนี้