รีเซต
TRUE TALK : ตูน บอดี้สแลม - ผมเจอคุณยาย ท่านบอกผมว่า “เอ้า ถ้ามันเหนื่อยมาก ทำไมไม่นั่งรถไปล่ะลูกเอ๊ย” ... by "Arm Phukrit"

TRUE TALK : ตูน บอดี้สแลม - ผมเจอคุณยาย ท่านบอกผมว่า “เอ้า ถ้ามันเหนื่อยมาก ทำไมไม่นั่งรถไปล่ะลูกเอ๊ย” ... by "Arm Phukrit"

TRUE TALK : ตูน บอดี้สแลม - ผมเจอคุณยาย ท่านบอกผมว่า “เอ้า ถ้ามันเหนื่อยมาก ทำไมไม่นั่งรถไปล่ะลูกเอ๊ย” ... by "Arm Phukrit"
armcasanova
4 ธันวาคม 2560 ( 12:40 )
8.4K

TRUE TALK : วันนี้ทางทีมงาน TrueID Sports มีโอกาสได้ไปรับ พี่ตูน ที่โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ โดยเป็นจุดพักของทีมงานก้าว ซึ่งขณะนี้ได้ทำโครงการมาถึงครึ่งทางแล้ว

 

 

พี่ตูน วิ่งมาถึงกรุงเทพฯ ท่ามกลางการต้อนรับสุดแสนจะอบอุ่นจากประชาชนคนไทย ตลอด 2 ข้างทางมีประชาชนให้ความสนใจกันอย่างหนาแน่น ทั้งในเขตตลิ่งชัน บางพลัด จนมาถึงเขตดุสิต อนุสาวรีย์ชัย และสุดท้ายมาจบที่ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ รางน้ำ

จากนั้นพี่ตูน ได้ขึ้นเวทีพูดกับกองทัพสื่อมวลชน ผู้บริหารและพนักงานคิง เพาเวอร์ รวมไปถึงพี่น้องประชาชนบริเวณใกล้เคียงที่มาคอยให้กำลังใจกว่า 1,000 ชีวิต โดยพี่ตูนเริ่มกล่าวว่า

“ผมต้องขอบคุณคนไทยทุกคน ไม่ใช่แค่เฉพาะใน กทม. นะครับ ทั้งคนไทยที่อยู่ต่างจังหวัดและต่างประเทศ ที่ทุกคนช่วยกันในโครงการก้าวคนละก้าว ไม่ว่าจะเป็นการช่วยบริจาค หรือ การส่งกำลังใจให้กับคุณหมอ คุณพยาบาล ที่กำลังทำงานหนักกันอยู่ทั่วประเทศ หรือแม้แต่การลุกขึ้นมาหยิบรองเท้าคู่โปรดไปออกกำลังกายเพื่อให้ตัวเองมีสุขภาพร่างกายที่ดีขอบคุณจริงๆ ครับ”

หลังจากที่เดินทางมาถึงครึ่งทางของความตั้งใจ พี่ตูน เริ่มกล่าวขอบคุณคนไทยทั่วประเทศ ที่ช่วยกันในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ จากเบตง-แม่สาย และ พี่ตูน ยังได้บอกถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของโครงการนี้อีกด้วย

“จริงๆ จุดประสงค์ของโครงการ “ก้าวคนละก้าว” ไม่ได้ต้องการเงินบริจาคแค่อย่างเดียว อีก 2 จุดประสงค์ที่สำคัญ ก็อยากจะให้กำลังใจ คุณหมอ คุณพยาบาล ที่กำลังทำงานอย่างหนักอยู่ทั่วประเทศ วินาทีที่ผมกำลังยืนพูดอยู่ คุณหมอ คุณพยาบาล ก็ยังทำงานอยู่ เพื่อรักษาชีวิตของคน เครื่องมือการแพทย์จะครบหรือไม่ครบ ผมว่าสิ่งสำคัญคือ “กำลังใจ” เราควรจะส่งกำลังใจไปให้พวกเขาเหล่านั้น ไม่แน่ซักวันหนึ่งเราอาจจะต้องพึ่งการรักษาของเขาให้เขารักษาชีวิตเราด้วย”

“อีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากได้มากที่สุดก็คือ เรื่องของการลุกมาออกกำลังกาย ผมเชื่อว่า มันอาจจะเป็นการลดปัญหาของโรงพยาบาลที่ยั่งยืนมากที่สุด เมื่อคนลุกขึ้นมาออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้นแล้ว มันก็อาจจะช่วยป้องกันโรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตยามแก่เฒ่า จะได้ไม่ต้องไปเป็นภาระของโรงพยาบาล และภาระของคุณหมอ และไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายของเราเอง การลุกมาออกกำลังกายผมว่ามันจะไม่เสมอตัว ผมว่าคนๆ นั้นจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”

 

 

ต่อมา พี่ตูน ได้กล่าวขอบคุณคิง เพาเวอร์ และได้เล่าวินาทีที่เขาเดินเข้าไปหาผู้บริหารอย่าง “คุณต๊อบ”อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เพื่อที่จะไปเล่าถึงความตั้งใจในการทำโครงการ “ก้าวคนละก้าว” เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ จากเบตง-แม่สาย

“ผมขอขอบคุณคิง เพาเวอร์มากๆ เนื่องจากว่า วันแรกที่พวกเราเริ่มต้นตั้งไข่โครงการนี้ขึ้น ผมเดินเข้ามาหาคุณต๊อบ เล่าถึงเจตนารมณ์ที่ผมอยากจะทำ คนที่เราต้องการจะช่วยเหลือ โรงพยาบาลที่เราจะช่วยเหลือ คุณต๊อบนั่งฟังผมไม่เกิน 20 นาที คุณต๊อบบอกผมคำเดียวว่า “ผมขออนุญาตดูแลโครงการนี้ ไม่ว่าจะมีค่าจ่ายอะไรเกิดขึ้นคิง เพาเวอร์ จะดูแลให้ทั้งหมด”

ผมนึกถึงคำพูดของ พี่ตูน ที่เคยพูดเอาไว้ครับ “ถ้าเรามัวแต่กลัวว่ามันจะอย่างนั้น อย่างนี้ เราก็จะไม่ได้ลงมือทำอะไรสักอย่าง” ผมคิดว่า สิ่งที่พี่ตูนทำมันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ มันคือการช่วยเหลือได้ตามแรงกำลังที่เรามี พี่ตูน ใช้ตัวเองเป็นต้นทุน และเขารักในการออกกำลังกาย เขาก็เริ่มทำจากจุดนั้น ผมว่ามันคือ “การให้ ด้วยหัวใจที่บริสุทธิ์” และผมเชื่อเหลือเกินครับว่า ผู้บริหารคิง เพาเวอร์ ก็มองเห็นในจุดนี้เช่นกัน จนทำให้เงินบริจาคล่าสุดของคิง เพาเวอร์ อยู่ที่ 100 ล้านบาท

 

 

หลังจากนั้น พี่ตูน ได้เผยถึงความรู้สึก ตั้งแต่ที่เขาเริ่มก้าวจากเบตง และได้เห็นพลังความสามัคคีจากคนไทยในการบริจาคช่วยเหลือโครงการ หรือการให้กำลังใจพี่ตูน และทุกคนก็เริ่มก้าวไปพร้อมๆ กับ พี่ตูน ว่า

“สิ่งที่มันเกิดขึ้น ผมไม่ได้คิดว่ามันจะเกิดขึ้นรวดเร็วขนาดนี้ ผมแค่อยากจะทำในสิ่งที่ผมมีความสุข ให้เกิดประโยชน์กับผู้อื่น ผมดีใจที่ได้เห็นคนไทยใจดีทุกคนตั้งแต่ที่ผมวิ่งมาจากเบตง 33 วันจนมาถึงกรุงเทพฯ ซักที(หัวเราะ) ผมขออนุญาตเล่าเรื่องตลกระหว่างทาง คือผมเจอคุณยายหลายท่านมาก ซึ่งผมมีโอกาสได้พูดคุยคุณยายท่านก็บอกว่า “เอ้า ถ้ามันเหนื่อยมาก ทำไมไม่นั่งรถไปล่ะลูกเอ๊ย” (ทำเอาคนในงานขำกันถ้วนหน้า) ตลอดทางจากเบตงถึง กรุงเทพฯ ผมเจอทั้งเหรียญบาท เหรียญห้าบาท เหรียญสิบบาท 33 วันจากเบตงถึงกรุงเทพฯ จากเศษเงินที่ทุกๆ คนคิดว่าจะเอาไปช่วยใครได้ ตอนนี้รวมๆกัน เราได้มา 400 กว่าล้านแล้วครับ ยังไม่นับจากทางคิง เพาเวอร์ อีกนะครับ”

“โครงการนี้ที่เราทำมา ผมอยากให้เราได้เห็นพลังของการรวมกัน พลังของคนไทยที่รวมกัน ใครมีมากให้มาก ใครมีน้อยให้น้อย ที่สำคัญต้องไม่เดือดร้อนครับ”

สุดท้ายนี้ พี่ตูน ได้บอกถึงความตั้งใจของเขา ที่จะถึงเชียงรายภายใน 55 วัน ตามกำหนดการที่ได้วางแผนเอาไว้ โดยตามกำหนดการ พี่ตูน จะต้องมาถึง กทม. ในวันที่ 1 ธ.ค. แต่ล่าช้าไป 2 วันเนื่องจากต้องพักรักษาร่างกาย

“ผมคิดว่า ผมยังสามารถทำให้จบถายใน 55 วัน อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ได้ คือหลายคนก็เป็นห่วงว่า ไม่ต้อง 55 ก็ได้ 56-57 ก็ได้ ขอให้ถึงแม่สายก็พอ แต่ว่ามันเป็นความมุ่งมั่นส่วนตัวของผม ในฐานะนักกีฬา ในฐานะนักวิ่งคนหนึ่ง ผมอยากจะพิชิตจาก เบตง-แม่สาย ในระยะเวลา 55 วัน ก็อยากจะทำให้สำเร็จครับ”

เรามีส่วนร่วมที่จะช่วยให้พี่ตูนทำตามความตั้งใจของเขาได้นะครับ โดยการช่วยกันเซฟให้พี่ตูนไปถึงเส้นชัยที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อให้โครงการนี้สำเร็จ และเพื่อรักษาสุขภาพของพี่ตูนด้วย

โดยการปฎิบัติตามกฎ 6 ข้อ ไม่ยื่นสิ่งของให้พี่ตูน, ไม่วิ่งตัดหน้า, ไม่ดึง กระชากพี่ตูน, งดเซลฟี่ แนะนำเป็นถ่ายวีดิโอแทน และสุดท้าย ส่งเสียงเชียร์พี่ตูนบริเวณขอบถนน โดยสามารถส่งเสียงเชียร์ว่า

คุณหมอสู้ๆ
พยาบาลสู้ๆ
พี่ตูน สู้ๆ
ทีมงานก้าว สู้ๆ

 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้