รีเซต
TRUE OPINIONS : เกมรุก เกมรับ และ "จอมทัพ" ปัญหาใหญ่ของ "ช้างศึก U23" ... by "บก.เก้น"

TRUE OPINIONS : เกมรุก เกมรับ และ "จอมทัพ" ปัญหาใหญ่ของ "ช้างศึก U23" ... by "บก.เก้น"

TRUE OPINIONS : เกมรุก เกมรับ และ "จอมทัพ" ปัญหาใหญ่ของ "ช้างศึก U23" ... by "บก.เก้น"
kentnitipong
15 ธันวาคม 2560 ( 18:46 )
1.8K

TRUE OPINIONS : ผมเองได้มีโอกาสติดตามฟอร์มการเล่นของทีมชาติไทยชุดรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในเกมนัดชิงที่สามศึก M-150 Cup ที่ลงสนามพบกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง ทีมชาติเวียดนาม

 

 

ด้วยความที่เราเพิ่งจะพลาดพลั้งต่อ เกาหลีเหนือ มาในเกมนัดที่แล้ว จนอดเข้าชิงในรายการนี้ บวกกับในช่วงหลังๆ ทีมชาติไทยของเราเอง (แทบจะทุกรุ่น) ก็มักจะทำผูกปีเอาชนะทัพ “ดาวทอง” ได้ตามมาตรฐาน

ผมก็เลยไม่ได้เผื่อใจว่าวันนี้เราจะแพ้…

โอเคครับ ขึ้นชื่อว่าฟุตบอล มันย่อมต้องมีแพ้ มีชนะกันบ้าง แต่ถ้าความพ่ายแพ้ของเราในวันนี้มันสะท้อนให้เห็นถึงข้อบกพร่องหลายๆ อย่าง ผมเองในฐานะแฟนบอลไทยคนหนึ่ง ก็อยากจะขอออกมาพูดอะไรสักหน่อย อย่างน้อยก็เป็นเสียงเบาๆ ที่อาจจะทำให้ทีมชาติไทยชุดนี้สมบูรณ์แบบ และพร้อมที่สุดในศึกชิงแชมป์เอเชียช่วงต้นปีที่ประเทศจีน…

อย่างแรกที่ผมอยากจะพูดเลยก็คือ “เกมรุก”

ความแตกต่างระหว่างทีมชาติไทย กับเวียดนาม ในวันนี้ก็คือ “ความเด็ดขาด” และ “มิติ” ที่ดูเหมือนจะหายจากทีมไปเลยในเกมนี้ … เวียดนาม ใช้โอกาสเพียงแค่ไม่กี่ครั้งที่มี แลกมากับสองประตูของ เหงียน คอง เฟือง (ที่มาจากการเซตเกม) ขณะที่ทัพ “ช้างศึก” เองแทบไม่สามารถสร้างโอกาสจากลูกโอเพ่นเพลย์ได้เลยในช่วง 45 นาทีแรก แถมยังมาพลาดจากจังหวะได้ลูกจุดโทษช่วงท้ายครึ่งแรกของ ณัฐวุฒิ สมบัติโยธา ยิ่งทำให้สถานการณ์ของทีมนั้นไปกันใหญ่

ผมยอมรับว่า อึดอัด กับวิธีการสร้างสรรค์เกมในครึ่งแรกเอามากๆ เพราะสปีดบอลของไทย กับเวียดนาม นั้นดูแตกต่างซะเหลือเกิน มันก็สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามว่า พอเราคิดช้า ทำช้า ไม่มีความหลากหลายมากพอ เวียดนาม ก็ลงไปแพ็คเกมแน่นในแดนของพวกเขาเองครบทั้ง 11 คน…

เอิ่ม… ขอพาราเม็ดนึงครับ !!!

ยิ่งในช่วงครึ่งหลังมาเจอ “ติกี้-ตาก้า” สไตล์เหงียน จนทำให้เราหาบอลแทบไม่เจอ บวกกับรสบัสคันเล็กๆ ที่จอดขวางใส่อย่างมีวินัยของแนวรับเวียดนาม ทำให้เหล่าตัวจี๊ดทั้ง พิชา อุทรา รวมถึงสองริมเส้นอย่าง “ไช้” วันชัย และ “ไอซ์” จักรกฤษณ์ ที่ไปอัพเลเวลมาจากแดนปลาดิบอาจจะประสบกับความยากลำบากในการตะลุยทางกราบซ้าย-ขวา เพราะไม่ว่าจะตะลุยไปทางไหน คุณก็จะมองเห็นแต่กองทัพสีแดงยืนขวางเต็มไปหมด

พอเราจบไม่ได้ เจาะไม่เข้า เคาะบอลไม่แม่น ศูนย์หน้าคู่ของเราก็แทบจะไม่มีบทบาทต่อเกมเลยแม้แต่น้อย จะดีหน่อยก็ตรงที่เรายังมี สุภโชค สารชาติ ที่ดูเหมือนจะโดดเด่นมากที่สุดแล้วทางฝั่งไทย ด้วยความขยัน และประตูที่เจ้าตัวยิงไข่แตกให้กับทีมได้

ส่วน เจนรบ สำเภาดี ต้องยอมรับตรงๆ ว่าวันนี้ไม่ใช่วันของเจ้าตัว…

ไม่มีทีมไหนที่สามารถประสบความสำเร็จได้โดยที่ไม่ยิงประตู และยิ่งฟุตบอลแบบทัวร์นาเม้นต์อย่าง ศึก U-23 ชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศจีน ผมคิดว่านี่คือโจทย์ที่ยาก และท้าทายโค้ชโซรัน ยานโควิช ในฐานะอดีตศูนย์หน้าทีมชาติบัลแกเรีย แล้วว่า จะสามารถรีดฟอร์มของแนวรุกของทีมชุดนี้ออกมาได้ทันเวลารึเปล่า

เพราะฟุตบอลตัดสินกันที่ประตู…  ฉะนั้นหาก โซรัน ยานโควิช ยังไม่มีหัวหอกตัวความหวังเพื่อจะไปสู้กับเสือ สิงห์ กระทิง แรด ที่แดนมังกรแล้วหล่ะก็…

 

 

อย่างต่อมาคือ “เกมรับ” ครับ สังเกตได้ว่าวันนี้กองหลังของเราค่อนข้างจะประกบแนวรุกเวียดนามกันห่าง จนทำให้สตาร์เวียดนามอย่าง เหงียน คอง เฟือง และผองเพื่อนมีอิสระในการขึ้นเกมรุกที่หลากหลายรูปแบบ ไล่มาตั้งแต่การเซตบอลจากแดนกลาง ลูกครอสริมเส้นทั้งสองฝั่ง บอลเท้าสู่เท้าที่ค่อนข้างแม่นยำ และความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ (วันนี้ เวียดนาม เล่นบอลชิ่งกันได้ดีมากๆ อันนี้ต้องขอชมครับ) แม้กระทั่งการบอมบ์โด่งจากคู่เซนเตอร์ ทำเอานักเตะไทยเราออกลูกเมาหมัดเหมือนกัน เพราะไม่บ่อยนักที่ เวียดนาม จะกล้ารัวหมัดเข้าใส่เราได้มากขนาดนี้ในฐานะทีมเยือน

สุประวีณ์ มีประทัง, ศฤงคาร พรหมสุภะ และวรวุฒิ นามเวช คือสามแข้งที่ต้องรับผิดชอบพื้นที่ในแดนหลังเป็นหลัก ผมเชื่อครับว่าน้องๆ เองนั้นเต็มที่กับทุกๆ เกมอยู่แล้ว แต่ทว่าอาจจะเป็นการสื่อสาร หรือแทคติกอะไรก็แล้วแต่ที่ผมเห็นว่า วันนี้เราจัดการกับแนวรุกเวียดนามในพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษไม่ได้เลย

ขณะที่สองประตูที่เสียไป ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นได้เลยว่า เราพลาดจากจังหวะลูกโด่ง (โอเพ่น เพลย์) ทั้งสิ้น อย่างลูกแรก เราก็ปล่อยให้ เวียดนาม ได้ครอสเข้ามาแบบไม่ยากเย็นนัก แถมตัวประกบในกรอบก็ปิด คอง เฟือง ไม่มิดจนเจ้าตัวได้โขกแบบชิลล์ๆ ส่วนลูกที่สองที่เสียไปนั้นก็มาจากจังหวะแทงบอลโด่งจากแดนกลางมาให้จอมทัพเวียดนามโชว์สกิลเกี่ยวบอลลงในกรอบอย่างเหนือชั้นก่อนจะซัดตาข่ายแทบขาด ชี้ชัดได้เลยว่าลูกกลางอากาศยังคงเป็นของแสลงสำหรับแนวรับของไทย

อย่าลืมนะครับว่าทีมชาติไทยเราเสียประตูทุกนัดในการแข่งขันทัวร์นาเม้นต์นี้ ฉะนั้น โซรัน ยานโควิช คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องติวเข้ม และวางแทคติกในเกมรับให้รัดกุมมากกว่านี้ (มากๆ) เพราะในการแข่งขัยเวทีระดับเอเชีย ความผิดพลาดแค่ครั้งเดียว ก็อาจจะนำมาซึ่งความพ่ายแพ้ของทีมเลยก็เป็นได้

 

 

อย่างสุดท้ายที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ (ที่สุด) ของแข้ง U23 ชุดนี้ก็คือ เรายังไม่มี “จอมทัพ” ครับ

ผมมองว่า เพลย์เมคเกอร์ นั้นเป็นตำแหน่งที่ถือได้ว่าสำคัญ และ “ทรงอิทธิพล” กับทีมมากๆ เพราะหากคุณมีใครสักคนที่สามารถพลิกเกม ปั้นเกม ได้ด้วยมุมมองที่พิเศษกว่าคนอื่น ทีมๆ นั้น ก็มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ในเกม หรือทัวร์นาเม้นต์นั้นๆ

ดั่งที่เราเห็นได้จากเกมนี้ ทีมชาติไทย ไม่มีความหลายหลายในการเข้าทำมากพอ หลายจังหวะที่บุกๆ เติมๆ กันขึ้นมาแต่สุดท้ายก็ต้องเคาะคืนกลับมาตั้งต้นกันใหม่ เพราะว่าไม่มีใครที่พร้อมจะเป็น “ศูนย์กลาง” ของทีม

ผมเชื่อว่า โซรัน ยานโควิช มองเห็นปัญหาตรงจุดนี้ และนั่นจึงเป็นที่มาของการตัดสินใจส่ง “เจ้ายิม” วรชิต เพลย์เมคเกอร์ธรรมชาติ จาก ชลบุรี เอฟซี มาตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งหลังจนทำให้ทีมได้ประตู แต่ทว่ารูปเกมของทีมชาติไทยนั้นก็ยังตั้งเกมไม่ติด

วัดกันง่ายๆ การที่ เวียดนาม มี เหงียน คอง เฟือง เป็นศูนย์กลางของทีมที่ชัดเจน ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับแนวรุก เวียดนาม ดูมีทิศทาง และมิติในการเข้าทำ และบ่อยครั้งที่พวกเขาอาศัยสปีดบอลอันรวดเร็ว และจังหวะต่อบอลเพียงไม่กี่ครั้งเข้าเล่นงานแนวรับไทยจนเราจวนเจียนจะเสียประตูหลายต่อหลายหน

นี่คือการบ้านข้อที่สามของ โซรัน ยานโควิช และทีมสต๊าฟชุดนี้

“หลังชนะญี่ปุ่นได้ ทำให้เราอาจจะลอยไปบ้าง แต่สองเกมหลังผมก็เห็นว่าทุกคนก็พยายามเล่นตามแท็คติก แต่ฟุตบอลมันก็มีข้อผิดพลาด ทุกคนมีเป้าหมายที่จะคว้าแชมป์ แต่อย่างที่บอกตอนแรกว่าเป้าหมายของเราคือการทดสอบนักเตะก่อนไปแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศจีน”

“ทีมชุดนี้เรายังขาดผู้เล่นหลักหลายคน ที่น่าจะเติมเต็มและทำให้เราใส่แท็คติกและคิดว่าน่าจะดีกว่านี้ ทีมเราไม่ได้แย่ ผมคิดว่าเรามีปัญหาเรื่องจบสกอร์ ผมคิดว่าเมื่อเราได้ผู้เล่นที่ขาดไปมาเสริม เรามารอดูกันหลังจากนั้นอีกครั้ง”

“เวียดนามไม่ได้ชนะเราเพราะผู้เล่นคนเดียว แต่พวกเขามีสิบเอ็ดตัวจริงที่ดี ใครจะชนะพวกเขาก็ไม่ง่ายในชิงแชมป์เอเชีย ส่วนพวกเราก็ต้องทำเต็มที่เพื่อทำผลงานให้ออกมาดีที่สุดเช่นกัน”

ทั้งหมดนี้คือวาทะที่ทางโค้ชโซรัน ทิ้งท้ายเอาไว้ ซึ่งพอตีความแล้วก็ยังพอมีหวังที่จะเห็นทัพ “ช้างศึก” ชุดนี้กลับมางัดฟอร์มเก่งได้ทันเวลา เพราะกุนซือรายนี้ยืนยันว่า  หากได้นักเตะที่ขาดไปกลับเข้ามา ทีมก็น่าจะกลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็น

 

ผมหวังให้เป็นเช่นนั้น และเป็นกำลังใจให้ทีมชาติไทยเสมอ อยากให้พวกคุณลุกขึ้นสู้ใหม่ ไม่มีใครแกร่งขึ้นมาได้โดยไม่ผ่านเสียงวิพากษ์วิจารณ์…

สู้โว้ย !!!

 

“บก.เก้น”

 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้