รีเซต
ARE YOU READY ? 5 แข้งไทยที่ (ควร) ไปค้าแข้ง ไชนีส ซูเปอร์ลีก ... by "อ.เอี่ยม"

ARE YOU READY ? 5 แข้งไทยที่ (ควร) ไปค้าแข้ง ไชนีส ซูเปอร์ลีก ... by "อ.เอี่ยม"

ARE YOU READY ? 5 แข้งไทยที่ (ควร) ไปค้าแข้ง ไชนีส ซูเปอร์ลีก ... by "อ.เอี่ยม"
kentnitipong
25 ธันวาคม 2560 ( 14:30 )
7.7K

สวัสดีครับแฟนๆ TrueID Sports ทุกท่าน ช่วงนี้ต้องบอกว่าเป็นช่วงที่อากาศหนาวมาเยือนบ้านเราก็จริงแต่สำหรับวงการฟุตบอลไทยนั้นต้องบอกว่าร้อนระอุสวนทางกับอุณหภูมิที่หนาวเหน็บเลยทีเดียว

 

 

ที่ว่าร้อนระอุคงหนีไม่พ้นเทศกาลซื้อ-ขาย ตัวนักเตะที่เราจะเริ่มเห็นสโมสรชั้นนำในประเทศไทย ทั้ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, การท่าเรือ เอฟซี, เชียงราย ยูไนเต็ด, เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, บางกอกกล๊าส ที่ทยอยเปิดตัวนักเตะชื่อดังกันมากมาย เรียกว่าแต่ละดีลไม่ว่าจะย้ายเข้าหรือย้ายออกก็สะเทือนกันทั้งไทยลีกให้แฟนบอลได้ลุ้นกันเช่นเคย

โดยเฉพาะรายล่าสุด ผู้เขียนต้องขอแสดงความยินดีไปถึง “เจ้ามุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา ศูนย์หน้าของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่ย้ายซบ ซานเฟรซเช่ ฮิโรชิม่า ทีมในเจลีก ของญี่ปุ่น ในรูปแบบสัญญายืมตัว ซึ่งผู้เขียนขออวยพร และเป็นกำลังใจให้ศูนย์หน้าทีมชาติไทยประสบความสำเร็จกับการค้าแข้งในต่างแดนเหมือน “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์

พูดถึง เจลีก ผมเชื่อว่าคงจะเป็นลีกฟุตบอลอาชีพที่ใฝ่ฝันของนักเตะไทยหลายคน เพราะมีระบบมาตรฐานลีกอาชีพที่ดี นักเตะร่วมลีกที่มีคุณภาพ และเม็ดเงินค่าตอบแทนที่ค่อนข้างจะเยอะเอาการหากเทียบกับลีกอื่นๆ ในทวีปเอเชีย

แต่มีอีกลีกฟุตบอลอาชีพหนึ่งครับ ที่คนไทยเราอาจจะไม่คุ้นชินนักด้วยภาพลักษณ์ที่แปลกตาและการรับรู้ของลีกที่ยังไม่คุ้นหูชาวไทยสักเท่าไหร่ แต่หากพูดถึงลีกฟุตบอลอาชีพที่จ่ายค่าเหนื่อยนักเตะด้วยเม็ดเงินมหาศาล (อันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับ 11 ของลีกกีฬาอาชีพทั่วโลก) และนักเตะร่วมลีกที่มีคุณภาพอีกลีกหนึ่ง คงหนีไม่พ้น “ไชนีส ซูเปอร์ลีก” ลีกฟุตบอลอาชีพสูงสุดของสาธารณรัฐประชาชนจีน

“จีน” รั้งอยู่อันดับ 3 ในตารางอันดับของ AFC Technical Ranking ประจำเดือนธันวาคม 2017 ด้วยค่าคะแนนรวม 86.671 คะแนน ตามหลังเพียง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเกาหลีใต้ เท่านั้น โดยหากนับเป็นเปอร์เซ็นต์คะแนน (เต็ม 100%) เฉพาะระดับสโมสร (Club Points) จีน (อันดับ 3) ได้คะแนน 79.64% เหนือกว่า ญี่ปุ่น (อันดับ 5) ที่ได้ 75.57 % เสียอีก นั่นหมายความว่ามาตรฐานของลีกก็ไม่ได้หนีกันเท่าไหร่นัก ดังนั้นผู้เขียนเชื่อว่า ไชนีส ซูเปอร์ลีก ยังเป็นอีกหนึ่งสังเวียนที่ท้าทายนักเตะไทยของเราเช่นกันครับ

ถึงแม้ที่ผ่านมาไม่เคยมีนักเตะไทยไปโลดแล่นอยู่ใน ไชนีส ซูเปอร์ลีก ของจีนเลยสักคนเดียว อาจจะเนื่องด้วยโควตานักเตะต่างชาติในปี 2018 ที่ทางสมาคมฟุตบอลจีน ได้กำหนดไว้ คือ ส่งชื่อนักเตะต่างชาติได้ 4 คน ลงสนามได้สูงสุด 3 คน ซึ่งต่างชาติในที่นี้ หมายรวมถึง นักเตะทุกสัญชาติที่ไม่ใช่จีนครับ ดังนั้นเราจึงเห็นสโมสรส่วนใหญ่ใช้บริการนักเตะจากทวีปอเมริกาใต้ และถ้าเป็นในเอเชียก็หนีไม่พ้น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และอุซเบกิสถาน เป็นหลัก

อย่างไรก็ตามในฐานะที่ผู้เขียนติดตามฟุตบอลจีนมาพอสมควร และอย่างที่ทุกท่านทราบดีว่าลีกจีนนั้นทุกสโมสรจะเน้นการเล่นเกมรุกเสียเป็นส่วนใหญ่ ด้วยสถิติ 732 ประตู ใน 240 นัด ตลอดฤดูกาล 2017  (เฉลี่ย 3.05 ประตูต่อนัด) ดังนั้นนักเตะต่างชาติที่เข้าไปค้าแข้งในจีนจึงเน้นไปที่ตัวรุกเป็นหลักครับ โดยหากนับเฉพาะนักเตะจากไทยลีก 5 ราย ที่เข้าตาผู้เขียน มีดังนี้

 

***********

 

 

ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)

ต้องบอกว่าฝีมือระดับ ดิโอโก้ ศูนหน้าวัย 30 ปี สามารถค้าแข้งในลีกจีนได้สบายครับ ด้วยผลงาน 26 ประตู จาก 29 นัด ในไทยลีก พร้อมด้วยตำแหน่งการเล่นและทักษะฟุตบอลของเจ้าตัวที่แสดงให้เห็น ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเอาตัวรอดใน ไชนีส ซูเปอร์ลีก แต่ต้นสังกัดเองคงไม่ปล่อยไปง่ายๆ แน่นอน

 

 

ดราแกน บอสโควิช (การท่าเรือ เอฟซี)

ยอมรับว่าผมปั่นต้นฉบับช้าไปหน่อยครับ ศูนย์หน้าชาวมอนเตเนโกร วัย 31 ปี ถือว่าเป็นศูนย์หน้าตรงสเป็คของฟุตบอลจีน เช่นเดียวกับ ดิโอโก้ ด้วยทักษะฟุตบอล และความแข็งแกร่งทั้งลูกบนพื้นและลูกกลางอากาศ รวมทั้งผลงานการระเบิด 38 ประตู จาก 33 นัด ในไทยลีก ทำให้ทีมจากจีนสนใจในตัว ดราแกน เช่นกัน แต่สุดท้ายเจ้าตัวเลือกที่จะใช้ชีวิตต่อในประเทศไทย

 

 

ศศลักษณ์ ไหประโคน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด)

เจ้าหนุ่มลูกหม้อของยอดทีมแดนอีสาน นักเตะสารพัดประโยชนตัวจี๊ดของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ว่ากันว่าความเร็วของเจ้าตัวไม่เป็นสองรองใครเช่นกัน บนวัย 21 ปี ศศลักษณ์ สามารถขึ้นมาเป็นตัวเด่นในตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้ายได้อยากน่าชื่นชม ความเร็วของเขาสร้างความปั่นป่วนให้กับคู่แข่งได้อย่างดี และด้วยความสารพัดประโยชน์ที่เจ้าตัวเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง ซึ่งว่ากันตามเนื้อผ้าแล้วเหมาะกับสไตล์บอลรุกในลีกจีนเลยทีเดียว เชื่อว่าถ้าหากเขาเกิดในแผ่นดินจีน เจ้าตัวอาจจะมีลุ้นลงเล่นในสโมสรใดสโมสรหนึ่งในลีกอาชีพสูงสุดได้ไม่ยาก

 

 

ธนบูรณ์ เกษารัตน์ (เชียงราย ยูไนเต็ด)

พ่อหนุ่มจากสมุทรปราการ อดีตนักเตะคนสำคัญของ บีอีซี เทโรศาสน (โปลิศ เทโร) หลายท่านอาจจะสงสัยว่า “เจ้าตั้ม” ที่ส่วนใหญ่เล่นเกมรับเป็นหลัก ทำไมถึงมีชื่ออยู่ในข่าย

ด้วยความที่ผู้เขียนได้ติดตาม เจ้าตั้ม ตั้งแต่ยังลงสนามรับใช้ บางกอก เอฟซี เรื่อยมาจนปัจจุบัน ต้องบอกว่าพ่อหนุ่มคนนี้เป็นกองกลางตัวคุมเกมที่สไตล์ละม้ายคล้าย เจิ้ง จื่อ ตำนานกองกลางทีมชาติจีน ของ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ และเป็นตำแหน่งที่นักเตะจีนในยุคปัจจุบันยังขาดหายไป ทำให้เป็นตำแหน่งเกมรับที่ต้องการอย่างมากในสโมสรระดับบิ๊กเนมใน ไชนีส ซูเปอร์ลีก

 

 

ธีราธร บุญมาทัน (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)

แบ๊คซ้ายจอมลุยจากค่าย “กิเลนผยอง” เป็นอีกนักเตะมากฝีมือที่ไปค้าแข้งในจีนได้สบาย ด้วยฝีเท้าที่จัดจ้าน การวางบอลที่แม่นยำ รวมทั้งสไตล์การเล่นเกมรุกที่เป็นปรัชญาของฟุตบอลจีนยุคใหม่ จึงไม่แปลกใจหากเจ้าวันข้างหน้าตัวจะได้มีโอกาสไปเปิดประสบการณ์ใหม่ในลีกฟุตบอลอาชีพของจีน

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงทัศนะของผู้เขียนครับ ยังมีนักเตะสัญชาติไทยอีกมากมายที่ “สไตล์” การเล่นเหมาะกับการค้าแข้งใน ไชนีส ซูเปอร์ลีก ครับ แต่โดยส่วนตัวเสียดาย “เจ้าตอง” กวิน ธรรมสัจจานันท์ มากที่สุด เพราะเป็นผู้รักษาประตูฝีมือดีที่สามารถโลดแล่น และโกยเงินในลีกจีนได้สบาย ติดเพียงแค่ตำแหน่งผู้รักษาประตูในลีกฟุตบอลอาชีพของจีนนั้นถูกสงวนไว้ให้กับผู้เล่นสัญชาติจีนเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนเป็นกำลังใจให้นักเตะไทยทุกคนในการออกไปค้าแข้งในต่างแดนเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อมาช่วยพัฒนาฟุตบอลในประเทศไทยให้ได้มากที่สุดครับ

 

“อ.เอี่ยม”

 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้