รีเซต
Challenge in Japan : ครั้งหนึ่งพวกเขาตามล่าฝัน ลุ้นเซ็นสัญญาในญี่ปุ่น ... by "ตรู่ เชียร์ไทย"

Challenge in Japan : ครั้งหนึ่งพวกเขาตามล่าฝัน ลุ้นเซ็นสัญญาในญี่ปุ่น ... by "ตรู่ เชียร์ไทย"

Challenge in Japan : ครั้งหนึ่งพวกเขาตามล่าฝัน ลุ้นเซ็นสัญญาในญี่ปุ่น ... by "ตรู่ เชียร์ไทย"
kentnitipong
26 ธันวาคม 2560 ( 13:47 )
3.7K

Challenge in Japan : ปีทองของนักเตะไทยที่ได้ไปค้าแข้งในญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น ชนาธิป สรงกระสินธ์ (คอนซาโดเล ซัปโปโร), สิทธิโชค ภาโส (คาโงชิมา เอฟซี) และจักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ (เอฟซี โตเกียว ยู 23) ล่าสุด ธีรศิลป์ แดงดา ก็เปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของ ซานเฟรซเช่ ฮิโรชิม่า แสดงให้เห็นว่าแข้งแดนสยามยกระดับฝีเท้าไปสู่ลีกชั้นนำของเอเชียได้เต็มภาคภูมิ

 

 

กว่าจะมาถึงตอนนี้มีนักเตะไทยหลายคนที่ได้รับประสบการณ์อันดีเยี่ยม แม้ไม่ใช่การเซ็นสัญญากับทีมในญี่ปุ่น แต่ครั้งหนึ่งในชีวิตการได้ไปทดสอบฝีเท้า ร่วมซ้อม หรืออุ่นเครื่อง ก็เป็นความทรงจำที่ลืมไม่ลง

 

 

สุรีย์ สุขะ – ณัฐพงษ์ สมณะ

หลังจบฤดูกาล 2009 ผู้เล่นตำแหน่งวิงแบ็กซ้าย-ขวา ที่ดีที่สุดในยุคนั้น “เหมี่ยว” ณัฐพงษ์ สมณะ กับ “เปรม” สุรีย์ สุขะ 2 ดาวดังจาก ชลบุรี เอฟซี ได้รับความสนใจจาก “โชนัน เบลล์มาเร่” ที่คว้าอันดับ 3 ของเจลีก 2 ขึ้นชั้นไปสู่เจลีก 1 ฤดูกาล 2010 โดยทาง โชนัน แสดงความสนใจนักเตะไทยอย่างจริงจังเพราะได้ส่งทีมงานมาดูฟอร์มในเกมลีกของไทยหลายนัด

แต่อุปสรรคของนักเตะจากค่าย “ฉลามชล” ในการไปทดสอบฝีเท้าช่วงกลางเดือนธันวาคม 2552 ก็คือ การไม่สามารถปรับตัวกับสภาพอากาศได้เพราะต้องลงซ้อมในช่วงที่อุณภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส อีกทั้งมีเวลาให้พิสูจน์ตัวเองเพียง 3 วัน ทำให้ยังไม่สามารถเค้นฟอร์มที่ดีที่สุดออกมา แม้จะไม่ได้เซ็นสัญญากับ โชนัน เบลล์มาเร่ แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่แสดงให้เห็นว่าอีกไม่นานอาจจะมีนักเตะชั้นนำของไทยไปโลดแล่นในเจลีก

สุรีย์ สุขะ เล่าความหลังเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ต้องขอบคุณ คุณอรรณพ สิงห์โตทอง อยากให้ผมกับ “เหมี่ยว” ได้มีประสบการณ์ที่ญี่ปุ่น ให้ได้ไปสัมผัส และทดสอบว่าเราสามารถจะเล่นได้มั้ย อุปสรรคในการทดสอบคือทัศนคติของเราเองอันดับแรก แล้วก็เรื่องสภาพอากาศนิดหน่อยครับ”

“ยุคนี้ก็ต้องยอมรับสองคนนี้ ทั้ง มุ้ยและ เจมีทั้งคลาสบอลความสามารถเฉพาะตัวไม่ว่าจะเจอกับใครเค้าก้อรักษามาตรฐานได้ดี เค้าทั้งสองไม่ต้องปรับอะไรมาก คงจะไปได้ดีครับ”

 

***********

 

 

มงคล วรพรม

ผู้เล่นตำแหน่งแบ็กขวาที่ทำผลงานได้เสมอต้นเสมอปลายกับ บีบีซียู เอฟซี แม้ผลงานของทีมจะจบอันดับที่ 11 ในไทยลีก 2 เมื่อฤดูกาล 2013 แต่ว่า “หนุ่ม” ก็ได้รับการติดต่อจาก บริษัท เค.บี.สปอร์ตเมเนจเม้นท์ จำกัด ให้ไปร่วมซ้อมกับ “ซางามิฮาระ” ทีมระดับเจลีก 3 โดยเดินทางไปถึงญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2556

แฟนบอลชาวไทยก็ส่งใจช่วยกันไม่น้อย เพราะว่าในระดับเจลีก 3 ไม่ได้แข็งโป๊กเหมือนเจลีก 1 หรือเจลีก 2 จึงมีลุ้นมากกว่า อีกทั้งผู้เล่นทีมชาติมาเลเซีย ได้เซ็นสัญญากับ ริวกิว เอฟซี คู่แข่งร่วมลีกของ “ซางามิฮาระ” มันก็ยิ่งเป็นการเปรียบเทียบว่านักเตะมาเลเซียไปเล่นเจลีก 3 ได้ แล้วทำไมนักเตะไทยจะทำไม่ได้ กลายเป็นเรื่องศักดิ์ศรีกับเพื่อนบ้านในอาเซียน

แม้ว่า “หนุ่ม” จะเคยไปฝึกในต่างประเทศมาแล้วที่อังกฤษกับ อาร์เซน่อล ในโครงการไนกี้ เดอะ ชานซ์ ทว่าหนนี้ 12 วันที่มาอยู่กับ “ซางามิฮาระ” แตกต่างออกไป เพราะไม่ใช่ไปแค่ฝึกทักษะเพื่อพัฒนาตัวเอง แต่เป็นการลุ้นเพื่อเซ็นสัญญาในช่วงที่ลีกญี่ปุ่นเปิดประตูนักเตะโควต้าอาเซียนสำหรับลงแข่งในฤดูกาล 2014

 

 

“คือตอนแรกก็แปลกใจ และก็ตกใจครับ ผมได้ยินข่าวยังแปลกใจอยู่เลยว่าใช่เราหรอ ก็รู้สึกดีใจลึกๆ นะครับที่ได้ไปซ้อมกับทีมในประเทศญี่ปุ่น คือตรงๆ ก็ต้องขอบคุณ “พี่แบต” (ผู้บริหารบริษัท เค.บี.สปอร์ตเมเนจเม้นท์ จำกัด) ที่มองเห็น และให้โอกาสผมในครั้งนี้ พี่เขาคงเห็นความตั้งใจของผม และวิธีการเล่นที่ไม่เหมือนใคร มีความคิดที่แตกต่างจากเด็กทั่วไป ที่ผมคิดไม่ค่อยเหมือนกับคนอื่นครับ มีแนวทางเป็นของตัวเอง ความเชื่อมั่นเพื่อนร่วมทีม จิตวิทยาในการอยู่ในสนาม” มงคล ยอมรับว่าตกใจที่ได้รับเลือกไปทดสอบฝีเท้า

“แม้ว่าจะเป็นทีมระดับเจลีก 3 แต่ว่าเขามีการจัดการที่ดีมากครับ ระเบียบวินัยของนักเตะก่อนซ้อม และหลังซ้อม มีความเป็นมืออาชีพสูงมาก รูปแบบการซ้อมที่มีความเป็นเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เวลาซ้อมแทบจะไม่คุยกันเลย คุยได้หลังซ้อมกับก่อนซ้อมแค่นั้น ทุกคนมีสมาธิ และให้เกียรติโค้ชสูงมาก ต่างจากเมืองไทยที่มีการพูดเล่นกับโค้ชที่เหมือนเพื่อนเล่นเวลางาน”

 

***********

 

 

นพนนท์ คชพลายุกต์ – สุรวิช โลกาวิทย์

บริษัท เค.บี.สปอร์ตเมเนจเม้นท์ จำกัด ได้ติดต่อ “อ๊อฟ” นพนนท์ คชพลายุกต์ และ “เติร์ก” สุรวิช โลกาวิทย์ ซึ่งขณะนั้นทั้งคู่เป็นนักเตะสายเลือดใหม่ที่ ชลบุรี เอฟซี เตรียมปั้นขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่ ให้ไปทดสอบฝีเท้ากับ “เวกัลตะ เซนได” เป็นเวลา 5 วัน ในช่วงเดือนธันวาคม 2556
ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่แฟนบอลไทยในโลกโซเชี่ยล ตื่นตัวกับข่าวทีมจากญี่ปุ่นจ้องคว้านักเตะไทยเป็นอย่างมาก สาเหตุเป็นเพราะ 1 เดือนก่อนหน้าที่ “อ๊อฟ”  กับ “เติร์ก” จะมาญี่ปุ่น ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวรุ่งแห่งยุคของไทย ก็ไปทดสอบฝีเท้ากับ ชิมิสุ เอส พัลส์ ทีมดังในเจลีก 1 และ มงคล วรพรม บินไปลุ้นพื้นที่ในเจลีก 3

นพนนท์ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักให้กับ ชลบุรี เอฟซี ในปีนี้ เล่าถึงช่วงจบฤดูกาล 2013 ที่มีเซอร์ไพรส์ไปญี่ปุ่นกับ สุรวิช “การเตรียมความพร้อม ผมคิดว่าเป็นแค่เรื่องของการที่เราจะปรับสภาพร่างกายให้เข้ากับสภาพอากาศที่ญี่ปุ่นมากกว่าครับ ส่วนประสบการณ์แน่นอนครับมันได้เห็นการเล่นฟุตบอลที่รวดเร็ว เกมเพรสซิ่งที่เป็นทีมเป็นระบบ และระเบียบวินัยในการซ้อมครับ”

นอกจากนี้แบ็กขวาจาก “ฉลามชล” ยังได้กล่าวถึง ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีรศิลป์ แดงดา ” “เจ” กับ “พี่มุ้ย” ก็เป็นนักเตะที่ทุกๆ คนในไทยก็ยอมรับในฝีมือกันอยู่แล้ว “เจ” ก็ได้แสดงให้ทีมในเจลีกได้เห็นแล้วว่านักเตะไทยก็สามารถขึ้นมาเล่นในระดับเจลีกได้ครับ และผมก็คิดว่า “พี่มุ้ย” ก็จะเป็นอีก 1 คนที่นักเตะในเจลีกก็จะยอมรับเช่นกันครับ”

 

***********

 

 

จักรพันธ์ พรใส

อีกครั้งที่ “โชนัน เบลล์มาเร่” เปิดโอกาสให้แข้งไทย หลังจบฤดูกาล 2014 “บอล” จักรพันธ์ พรใส ที่ขณะนั้นเป็นนักเตะในสังกัดของ สุพรรณบุรี เอฟซี บินไปทดสอบฝีเท้า ซึ่งในช่วงที่พีคสุดๆ พูดได้ว่าเป็นผู้เล่นตำแหน่งปีกที่หาคนจับตัวยากเลยทีเดียว

นักเตะชาวหนองคายเล่าความทรงจำเมื่อครั้งไปญี่ปุ่น “ตอนนั้นเอเย่นต์ผมส่งโปรไฟล์ไปให้ทีมที่เจลีก ประมาณ 45 ทีม แต่เป็นทีมโชนัน ที่สนใจ และอยากให้เราไปทดสอบฝีเท้า ผมซ้อมได้แค่ 3 วัน อุ่นเครื่องไป 1 เกม เล่นได้ค่อนข้างพอใจ ยิงประตูได้ด้วยครับ แต่น่าเสียดายที่ติดปัญหาการสื่อสารระหว่างสโมสรต้นสังกัดของผมในไทยลีกเลยต้องกลับมาก่อนครับ ก็ยอมรับว่าเสียดายโอกาสมากๆ เพราะ “โชนัน” เองเป็นทีมไม่ใหญ่ ผู้เล่นท็อปๆ ไม่ค่อยมี ซึ่งเรามองว่าเราสู้ได้ เบียดได้ ก็เสียดายครับ”

 

 

“ประสบการณ์ตรงที่ได้ซ้อมกับ “โชนัน” ก็คือความเป็นมืออาชีพของผู้เล่น ซึ่งต้องยอมรับว่ามีมากกว่าผู้เล่นไทยลีก และการซ้อมที่จริงจัง เข้มข้น และซ้อมค่อนข้างยาก ซึ่งผมมองว่าการซ้อมยากๆแบบนี้ เวลาไปเจอเกมจริงมันจะทำให้เราเล่นง่ายขึ้นครับ เอาตัวรอดในเกมจริงๆ ได้ แต่เรื่องเทคนิค ผมยังมองว่านักเตะไทยสู้ได้สบาย”

“รู้สึกดีที่เห็นนักเตะไทยอย่าง “เมสซี่เจ” ไปเล่นได้ในเจลีก พิสูจน์ให้เห็นว่านักเตะไทยก็เล่นได้ และก็เปิดตลาดให้กับผู้เล่นไทยรุ่นต่อๆ ไปให้มีโอกาสในการไปเล่นเจลีกมากขึ้น ซึ่งผมมองว่าต่อไปเจลีกเองจะให้ความสนใจนักเตะไทยมากขึ้น ล่าสุด “มุ้ย” ก็พึ่งเซ็นสัญญาไป ผมก็หวังว่าจะมีอีกหลายๆ คนตามไปเล่นเจลีกครับ” จักรพันธ์ แสดงความยินดีกับ 2 สตาร์ทีมชาติไทย

 

***********

 

 

อรรถวิท สุขช่วย – อดิศักดิ์ กลิ่นโกสุมภ์

ช่วงดึกวันที่ 30 พฤศจิกายน 2557 “อั้ม” อรรถวิทย์ สุขช่วย ที่ตอนนั้นติดทีมชาติไทย ยู 19 ดาวรุ่งความหวังใหม่ของ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี กับ “น๊อต” อดิศักดิ์ กลิ่นโกสุมภ์ สายเลือดใหม่จากค่าย ชัยนาท ฮอร์นบิล ได้ออกเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อลงฝึกซ้อมกับ “โตเกียว เวอร์ดี้” และได้ร่วมทดสอบฝีเท้ากับนักเตะอาเซียนรายอื่นๆ

อดิศักดิ์ ดีกรีอดีตทีมชาติไทย ยู 23 กล่าวถึงครั้งแรกในชีวิตที่ได้ไปสัมผัสกับฟุตบอลในต่างแดน “รู้สึกเซอร์ไพรส์ครับ แล้วก็ตื่นเต้นเพราะไม่เคยไปญี่ปุ่น ผมมีเวลาน้อยที่ได้ไปอยู่ที่นั่น แต่ก็พอที่จะซึมซับอะไรหลายๆอย่าง วันแรกๆผมได้ไปซ้อมกับ โตเกียว เวอร์ดี้ ทีมนี้มีแต่เด็กๆดาวรุ่งฝีมือดีเจ๋งหลายคนเลยครับ จุดเด่นของพวกเขาคือความมุ่งมั่นเกินร้อยทุกคน เป็นมืออาชีพ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เล่นหนัก ลูกจังหวะผมคิดว่าฟาวล์แน่นอน แต่เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับที่นั่น”

“ตอนนั้นไปกับ ‘น้องอั้ม’ ผมไม่ค่อยได้บอลเท่าไร ก็หงุดหงิดตัวเอง บวกกันอากาศที่ไม่เคยเจอ และบอลเร็ว เท้าสู่เท้า ประสบการณ์ครั้งนี้ ได้ความเป็นมืออาชีพ ได้รู้จักฟุตบอลจริงๆ ฟุตบอลที่แข็งแกร่ง และมีสปิริตที่ยอดเยี่ยม เป็นแบบอย่างที่ดีเลยจริงๆครับ”

ทางด้าน อรรถวิท ที่ปัจจุบันเป็นนักเตะในสังกัดบางกอกกล๊าส เอฟซี ย้อนความหลังว่า “ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ ได้เล่นกับหลายๆคนที่มาร่วมทดสอบฝีเท้า ก็จะเก็บประสบการณ์ที่รับไปพัฒนาตัวเองครับ ก็เสียดายนะครับที่ไม่ได้เซ็นสัญญา แต่ตอนนั้นเราอายุยังน้อย ยังต้องพัฒนาอีกเยอะ ถ้ามีโอกาสอีกจะทำให้ดีกว่าเดิมครับ”

 

 

แม้ว่าพวกเขาเหล่านี้จะพลาดเซ็นสัญญากับทีมในญี่ปุ่น แต่อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์ที่เงินหาซื้อกันไม่ได้ และยังเป็นแรงผลักดันให้ผู้เล่นไทยอีกนับไม่ถ้วน ได้สร้างผลงานเพื่อที่วันนึงจะได้โอกาสไปทดสอบฝีเท้า หรืออาจจะได้ค้าแข้งยังแดนอาทิตย์อุทัยบ้าง….

 

“ตรู่ เชียร์ไทย”

 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้