รีเซต
"2018" ปีแห่งความหวัง : 8+1 รายการสำคัญ ชี้ชะตา "ช้างศึก" ในปีหมาอันตราย ... by "จอน"

"2018" ปีแห่งความหวัง : 8+1 รายการสำคัญ ชี้ชะตา "ช้างศึก" ในปีหมาอันตราย ... by "จอน"

"2018" ปีแห่งความหวัง : 8+1 รายการสำคัญ ชี้ชะตา "ช้างศึก" ในปีหมาอันตราย ... by "จอน"
kentnitipong
9 มกราคม 2561 ( 17:10 )
1.1K

จอน : ผ่านพ้นปีใหม่ ปีจอ หรือ ปี พ.ศ. 2561 มาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว หลายท่านก็เริ่มเปิดศักราชทำงานอย่างจริงจัง และดุดัน ขยันขันแข็งกันไปแล้ว ส่วนบางท่านก็ยังแอบมี “วันไหล” การพักผ่อนต่อเนื่องมาจากช่วงปีใหม่อยู่เนืองๆ สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ก็ขอให้ทุกท่านดูแลตัวเองอย่างดี ไม่เจ็บไม่ป่วยไม่ไข้ มีรอยยิ้ม มีเงินใช้กันทุกท่านกันแบบตลอดปี และตลอดไป

 

 

และก่อนอื่น ผมก็ขอกราบสวัสดีปีใหม่ทุกท่านอย่างเป็นทางการ เพราะนี่คือคอลัมน์แรกของ “จอน” กับ TrueID Sports ในศักราชใหม่นี้ ซึ่งปี 2018 ก็นับเป็นขวบปีที่มีความสำคัญยิ่งกับทีมชาติไทย ไม่ว่าจะชุดใหญ่ ชุดเล็ก รวมไปถึงทีมโต๊ะเล็ก และทีมฟุตบอลหญิงอีกด้วย

ดังนั้น ผมจึงขออนุญาตรวบรวม 8+1 รายการสำคัญตลอดปี 2018 เอาไว้ในคอลัมน์นี้ เพื่อให้สาวกช้างศึกทุกท่านได้ติดตาม ร่วมเชียร์ ร่วมลุ้นทีมชาติไทยกันแบบไม่หลงลืมแม้แต่รายการเดียว…

** อนึ่ง ผมขออนุญาตใช้ตัวเลข (8+1) แทน 9 รายการ เนื่องจากสอดคล้องกับปี 2018 และอีกอย่าง มันก็ดูเก๋ดี ฮ่าๆๆ

 

 

1. ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2018 ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี
เจ้าภาพ : ประเทศจีน
วัน : 9-27 มกราคม 2018

ประเดิมรายการแรกของปีกันด้วยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ที่แฟนบอลไทยหลายท่าน ยังไม่ประทับใจสักเท่าไร จากความกระท่อนกระแท่นทั้งรายการ รอบคัดเลือก ยู-23 ชิงแชมป์เอเชีย, ซีเกมส์ ที่หลายคนมองว่า ยังขี้เหร่ในเรื่องของฟอร์มการเล่น แม้จะได้แชมป์ จนถึงรายการ M-150 Cup 2017 ที่คว้าเพียงอันดับที่ 4 มาครอง

ปัญหาเรื่องฟอร์มยังไม่วาย ปัญหาเรื่องนักเตะขาดแคลน ถอนตัวเพียบก็เข้ามาแทรก ซึ่งเป็นโจทย์ที่ต้องแก้ของ โซรัน ยานโควิช เฮดโค้ชชาวบัลแกเรีย และ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ ผู้ช่วยโค้ช

ญี่ปุ่น, เกาหลีเหนือ และปาเลสไตน์ คือสามรายชื่อที่จะให้คำตอบว่า ชุด ยู-23 ของทีมชาติไทยในยุคนี้ พ.ศ.นี้ มีดีพอแค่ไหนในระดับทวีปเอเชีย หลังจากครั้งที่แล้วภายใต้การนำทีมโดย ชนาธิป สรงกระสินธ์ และเฮดโค้ชอย่าง เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ก็ทำได้เพียง 2 แต้ม แต่ถือเป็น 2 แต้มที่น่าประทับใจ เพราะเสมอกับ เกาหลีเหนือ และซาอุดิอาระเบีย ได้พร้อมกับตกรอบแรกด้วยการมีแต้มเท่ากันถึงสามทีม (ไทย, เกาหลีเหนือ และ ซาอุฯ มีทีมละ 2 แต้มเท่ากัน แต่เกาหลีเหนือ ประตู ได้-เสีย ในมินิกรุ๊ป ดีที่สุด ทำให้ผ่านเข้ารอบตามญี่ปุ่นไป)

สำหรับครั้งนี้ แม้จะไม่มีโควต้า โอลิมปิก เกมส์ ให้ไขว่คว้า แต่เชื่อว่าน้องๆ ทุกคนคงอยากลบคำสบประมาท และพยายามทำผลงานออกมาให้ดีที่สุด ซึ่งเราก็ต้องช่วยลุ้นกันว่าพวกเขาจะแสดงศักยภาพออกมาได้แค่ไหน

ความคาดหวัง :
ตกรอบแรกได้ แต่ต้องฟอร์มดี ชนะได้สัก 1 เกม ก็ถือว่ายอดเยี่ยม
4-5 แต้ม คือ ความหวัง หากเข้ารอบ 8 ทีมขึ้นไปได้ คือ โบนัส และความสำเร็จ

 

 

2.  ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2018 ชุดอายุไม่เกิน 16 ปี
เจ้าภาพ : ประเทศมาเลเซีย
วัน : 20 กันยายน – 7 ตุลาคม 2018

ชุดเล็กที่สุดที่ผมพูดถึงในคอลัมน์นี้ ซึ่งเจ้าหนูทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 16 ปีเหล่านี้ ผ่านการลงเล่นรอบคัดเลือกมาที่สนามราชมังคลากีฬาสถานเมื่อปีที่ผ่านมา และทำผลงานได้ไม่โดนใจนัก เพราะเข้าเป็นที่สองของกลุ่ม แต่ยังเอาตัวรอดเป็นหนึ่งในทีมรองแชมป์กลุ่มที่ดีที่สุดได้

ซัลบาดอร์ บาเลโร่ การ์เซีย เฮ้ดโค้ชอิมพอร์ตจากเอคโคโน่ ที่โดนวิจารณ์ไปเยอะ จะได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในเกมระดับทวีปเอเชีย โดยมีลูกทีมแข้งช้างศึกชุดจูเนียร์ ยู-16 ที่น่าจะกลับมาติดทีมครบครันทั้ง อาทิตย์ บัวงาม, จักรพงษ์ แสนมะฮุง, ฉัตรมงคล เรืองฐณโรจน์, ปัณณวัชร์ โชติจิรชัยธรณ์, วรากร ทองใบ, ณัฐกิตติ์ บุตรสิงห์ ฯลฯ

รายการนี้จะแข่งกันที่มาเลเซีย ซึ่งน่าจะมีคนไทยตามไปเชียร์ไม่มากก็น้อย และล่าสุดได้มีการแบ่งพอทจับสลากแล้ว โดยทีมชาติไทย อยู่พอทสามร่วมกับ เยเมน, อินเดีย และออสเตรเลีย ส่วนพอทหนึ่งมี มาเลเซีย (เจ้าภาพ), อิหร่าน, เกาหลีเหนือ และอิรัก ขณะที่พอทสองมี ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, โอมาน และเวียดนาม และพอทสุดท้ายมี ทาจิกิสถาน, จอร์แดน, อัฟกานิสถาน และอินโดนีเซีย

สำหรับการแบ่งสายของเด็ก ยู-16 ถือว่าสำคัญ และอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ถ้าจับติ้วออกมาแล้วดันเป็น มาเลเซีย, เวียดนาม และอินโดนีเซีย มาอยู่ร่วมกับไทยอย่างที่แฟนบอลไทยอยากให้เป็นหล่ะก็ สนุกแน่ๆ ซึ่งผมเชื่อว่า ลึกๆ แล้ว ถ้าทุกอย่างมันลงตัว อาจจะได้เฮกันดังๆ สักที เพราะรายการนี้ 4 ทีมที่เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ จะได้เป็นตัวแทนจากทวีปเอเชีย ไปเล่นรอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ในปี 2019 ด้วย

ความคาดหวัง :
เรามีดีพอที่จะเป็น 1 ใน 4 ทีมที่ดีที่สุดของเอเชียได้ พร้อมกับได้สิทธิ์ลุยฟุตบอลโลก ยู-17 อีกครั้ง

 



3.  ฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย 2018 ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี
เจ้าภาพ : ประเทศอินโดนีเซีย
วัน : 18 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน 2018

เป็นทีมชาติไทยชุดที่ผมชื่นชอบเป็นการส่วนตัว และมีความเชื่อลึกๆ ว่า ศักยภาพของน้องๆ จะพาช้างศึกโบยบินได้ ใช่ ผมหมายถึง เราไปเวิลด์คัพ ยู-20 ได้ !

อันที่จริง ชุดนี้โดนค่อนแคะเยอะมากเลยว่าฟอร์มไม่ดี หรือแท็คติกแย่ แต่หากลงลึกถึงรายละเอียดของความสำเร็จแล้ว ถือว่าเป็นชุดที่เอาตัวรอดได้ดีเยี่ยม ทั้งการคว้าแชมป์อาเซียนมาครองได้ และการผ่านเข้ารอบสุดท้าย ศึกชิงแชมป์เอเชีย ชุด ยู-19 ในฐานะอันดับที่สองของกลุ่ม ซึ่งเล่นภายใต้อากาศหนาวเหน็บติดลบนับสิบองศาบนพื้นสนามหญ้าเทียมที่ประเทศมองโกเลีย และมีคู่ต่อกรในกลุ่มที่น่ากลัวอย่าง ญี่ปุ่น รวมถึงไม้เบื่อไม้เมาจากอาเซียนอย่างสิงคโปร์

ทั้งหมดทั้งมวลต้องยกความดีความชอบส่วนหนึ่งให้กับ มาร์ค อลาเบดร้า ปาลาซิออส อีกหนึ่งกุนซือหนุ่มจากเอคโคโน่ ที่วางหมากแก้เกม แก้สถานการณ์ได้ดีหลายครั้ง จนทีมเอาตัวรอดมาได้ตามผลที่ต้องการทั้งสองรายการเมื่อปี 2017

ปลายปีนี้ เราจะได้เห็นนักเตะอย่าง กัณตพัชห์ มันปาติ,จตุรพัชร สัทธรรม, ธีรภัทร เลาหบุตร, กฤษดา กาแมน, นรากร นุ่มจันทร์สกุล, เอกนิษฐ์ ปัญญา และ สิทธิโชค ภาโส กลับมาอยู่ในทีมเดียวกันอีกครั้ง และผมหวังว่า เราจะได้เฮแบบสุดเสียง แบบที่จะได้เฮกันต่อในศึกฟุตบอลโลก ยู-20 ในปี 2019 อีกด้วย

อนึ่ง 4 ทีมที่ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศของรายการนี้จะมีตั๋วในศึกเวิลด์คัพ ยู-20 รออยู่ และการแบ่งพอทจับสลากก็ออกมาเรียบร้อย โดยทีมชาติไทย อยู่พอทที่สาม ร่วมกับ ออสเตรเลีย, กาตาร์ และจีน ส่วนพอทแรกมี อินโดนีเซีย (เจ้าภาพ), ญี่ปุ่น, ซาอุดิอาระเบีย และเวียดนาม ขณะที่พอทสองมี อิรัก, ทาจิกิสถาน, เกาหลีใต้ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และพอทสุดท้ายมี เกาหลีเหนือ, จอร์แดน, ไต้หวัน และมาเลเซีย

(ลองคิดภาพแบบเข้าข้างตัวเองอีกครั้ง กลุ่มของเราอาจจะมี อินโดนีเซีย หรือ เวียดนาม, ทาจิกิสถาน, ไทย, มาเลเซีย หรือ ไต้หวัน ก็เป็นได้นะ ฮ่าๆ)

ความคาดหวัง :
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าคนเรามันตั้งใจจริง โอกาสมาก็พยายามคว้ามัน
เวียดนามไปได้ (ปี 2017) เมียนมาไปได้ (ปี 2015) แล้วทำไมเราจะไปฟุตบอลโลก ยู-20 ไม่ได้ !

 

 

4. เอเชี่ยนเกมส์ 2018
เจ้าภาพ : ประเทศอินโดนีเซีย
วัน : 18 สิงหาคม – 2 กันยายน 2018


มีการยืนยันจาก “โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล แล้วว่า เอเชี่ยนเกมส์ ที่อินโดนีเซียปีนี้ ทีมชาติไทย จะใช้นักเตะชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ที่ดีที่สุดลงแข่งขัน โดยจะไม่ใช้โควตาอายุเกิน 3 คนเลยแม้แต่คนเดียว นั่นหมายความว่า ฐานของนักเตะที่จะบุกแดนอิเหนานั้น จะมาจากชุดทำศึกชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ในเดือนมกราคมนั่นเอง ถือว่าเป็นการต่อยอด ต่อประสบการณ์ โดยที่อาจจะมีดาวรุ่งฟอร์มดีในลีกซีซั่นนี้ ได้ติดทีมไปอินโดนีเซียกับเค้าด้วย

สำหรับเฮ้ดโค้ช และทีมสต๊าฟฟ์ ปัจจุบันถือว่ายังคงเป็นหน้าที่ของ โซรัน ยานโควิช ที่คุมชุด ยู-23 แต่หากมีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็คงเป็นผลมาจากผลงานที่จะเกิดขึ้นในศึกชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศจีนในเดือนนี้

ความคาดหวังของเอเชี่ยนเกมส์ครั้งนี้ แน่นอนว่า ทั้งนักเตะ และทีมสต๊าฟฟ์ คงต้องรับศึกหนักกับความกดดันแน่นอน เพราะครั้งที่แล้ว ทีมชาติไทย คว้าอันดับที่ 4 มาครองเป็นสมัยที่ 4 ซึ่งครั้งนี้ ก็ต้องถูกคาดหวังว่าจะทำได้เทียบเท่ากับครั้งที่แล้ว แม้จะดูยากใช้ได้เลย

ความคาดหวัง
8 ทีมสุดท้าย คือมาตรฐานสำหรับรายการนี้ หากเข้ารอบรองได้ ก็คือประสบความสำเร็จ นอกเหนือกว่านั้น คือ บิ๊กโบนัส

 

 

5. ฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2018
เจ้าภาพ : ประเทศไชนีส-ไทเป (ไต้หวัน)
วัน : 1-11 กุมภาพันธ์ 2018

กลางปี 2017 วงการโต๊ะเล็กไทยก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้แต่งตั้งนายใหญ่คนใหม่แต่หน้าเก่าอย่าง โฆเซ มาเรีย ปาซอส เมนเดส หรือ “ปูลปิส” เฮ้ดโค้ชชาวสเปน เข้ามาคุมทัพทีมฟุตซอลไทย แทนที่ของ มิเกล โรดริโก้ ที่หมดสัญญาไป

สำหรับ ปูลปิส นั้น เคยคุม ฟุตซอลทีมชาติไทย ช่วงปี 2007-2011 โดยคว้ารองแชมป์เอเชีย 2008 และพาทีมชาติไทยไปลุยฟุตซอลโลกที่บราซิล มาได้ และการกลับมาครั้งนี้ เขาก็นำทีมชาติไทยลงสนามรายการแรก ด้วยการคว้าแชมป์ ซีเกมส์ 2017 ได้แบบมีเกมที่แพ้ครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี นั่นทำให้เขาเกิดข้อกังขาพอสมควรเลยทีเดียว จากนั้นในศึกเอเชี่ยน อินดอร์ เกมส์ 2017 ฟุตซอลทีมชาติไทย ก็ต้องกระเด็นตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยการพ่าย อิหร่าน ยับเยิน 4-10 ก็ยิ่งทำให้ระส่ำกันไปพักหนึ่งเลยทีเดียว สำหรับช้างศึกโต๊ะเล็ก

ความกดดัน กำลังถาโถมเข้าใส่ “ปูลปิส” และแข้งโต๊ะเล็กทีมชาติไทย ซึ่งศึกฟุตซอลชิงแชมป์เอเชีย 2018 ที่จะแข่งขันในต้นเดือนหน้าที่ไต้หวัน น่าจะเป็นบททดสอบจริงๆ สักทีว่า พัฒนาการของทีมชาติไทยตกลงไปจากเมื่อก่อนอย่างที่แฟนบอลพูดกันหรือไม่

ทั้งนี้ ผลการจับสลากแบ่งสาย ทีมชาติไทย ที่เคยได้รองแชมป์เอเชีย 2 ครั้ง จะต้องอยู่ร่วมกับคีร์กีซสถาน, เลบานอน และจอร์แดน ซึ่งการผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก และหวังไปได้ถึงรอบรองชนะเลิศเลย หากไม่จ๊ะเอ๋กับ อิหร่าน ซะก่อน

ความคาดหวัง
จากผลการแข่งสายที่เป็นใจ มองไปถึงรอบรองชนะเลิศ เป็นอย่างน้อยในการเสมอตัว ต่ำกว่านี้ นับว่าล้มเหลว…

 

 

6. ฟุตบอลหญิง ชิงแชมป์เอเชีย 2018
เจ้าภาพ : ประเทศจอร์แดน
วัน : 6-20 เมษายน 2018

ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว “ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย สร้างประวัติศาสตร์ได้สำเร็จด้วยการผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2015 ที่ประเทศแคนาดา พร้อมทั้งเก็บได้ 3 แต้มจากชัยชนะเหนือ ไอวอรี่โคสต์ 3-2 ได้อีกด้วย แม้จะแพ้อีก 2 นัดต่อ นอร์เวย์ และเยอรมัน สองทีมอดีตแชมป์โลก ด้วยสกอร์ 0-4 ทั้งสองนัด แต่นั่นก็สร้างความประทับใจอย่างยิ่งให้กับแฟนฟุตบอลชาวไทยมากแล้ว

ผ่านมา 3 ปี การลงเล่นรอบคัดเลือก เพื่อไปสู่เวิลด์คัพอีกครั้งของพวกเธอกำลังจะเกิดขึ้นที่ประเทศจอร์แดนในอีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้า โดยครั้งที่แล้ว มีการสบประมาทว่า ได้ไปเพราะฟลุ๊คบ้าง เพราะ เกาหลีเหนือ โดนแบนบ้าง ดังนั้น ครั้งนี้ พวกเธอมาด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปพร้อมความอยากสบประมาทคำดูถูกเหล่านั้น

สำหรับการจับสลากแบ่งสาย ก็เป็นใจซะเหลือเกิน เมื่อทีมชาติไทย ได้อยู่ร่วมสายกับ จอร์แดน, จีน และ ฟิลิปปินส์ ซึ่งมองจากความเป็นจริงแล้ว การชนะเหนือ ฟิลิปปินส์ และจอร์แดน (เจ้าภาพ) มันไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงเลย และผมคิดว่า เราจะผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกหญิง ในฐานะอันดับที่ 2 ของกลุ่ม ผมเชื่อว่าอย่างนั้น…

อนึ่ง อีกสายมี ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ออสเตรเลีย และ เวียดนาม โดยจะนำ 2 อันดับแรกของกลุ่ม ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลกหญิง 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศส และทีมอันดับสามของแต่ละกลุ่มจะมาแข่งขันกันในเกมสุดท้ายเพื่อหาโควตาที่ 5 ของทวีปเอเชีย

ความคาดหวัง
ต้องได้ไปฟุตบอลโลกหญิงครั้งที่ 2 ติดต่อกันในประวัติศาสตร์เท่านั้น

 

 

7. ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 46
เจ้าภาพ : ประเทศไทย
วัน : 23-25 มีนาคม 2018


นี่คือ ฟุตบอลทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องของทีมชาติชุดใหญ่ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ณ ขณะนี้

สำหรับ “คิงส์คัพ” ปีนี้ ทีมชาติไทย เจ้าของแชมป์ 15 สมัย และ 2 สมัยล่าสุดติดต่อกัน จะได้พบกับทีมที่มีแรงกิ้งเหนือกว่าถึง 3 ทีม จาก 3 ทวีป ทั้ง ทีมชาติสโลวาเกีย อันดับ 28 ของโลกจากทวีปยุโรป, ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) อันดับ 73 ของโลกจากทวีปเอเชีย และทีมชาติกาบอง อันดับ 93 ของโลกจากทวีปแอฟริกา

สิ่งสำคัญแรกนอกเหนือจากการได้ลงเล่นกับทีมชาติที่เหนือกว่า นั่นคือ การเป็นทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องนานาชาติที่ถูกรับรองจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ “ฟีฟ่า” ในการคิดคะแนนแรงกิ้ง ระดับ A Match ซึ่งหากทีมชาติไทย คว้าแชมป์ได้อีกครั้ง หรือคว้าชัยชนะได้สัก 1 เกม ก็จะถีบแรงกิ้งฟีฟ่าให้สูงขึ้นจากเดิมแน่นอน

นอกจากนี้ ในแง่ของความเชื่อมั่น การพาทีมระดับนี้มาได้ นั่นหมายความว่า ต่างชาติให้ความเชื่อมั่นในการจัดการแข่งขันของไทย และมองว่า เราเป็นอีกหนึ่งทีมที่น่าทดลองอุ่นเครื่องด้วย ส่วนในเรื่องของผลงาน ก็ต้องฝากความหวังไว้ที่กึ๋นของ มิโลวาน ราเยวัช อีกครั้ง ว่าจะทำได้ดี ประทับใจแฟนบอลอย่างที่เคยเป็นมาหรือไม่

ความคาดหวัง
ทัวร์นาเมนต์ทีมชาติชุดใหญ่ ครั้งแรกของปี ต้องแชมป์สมัยที่ 3 ติดต่อกัน และแชมป์สมัยที่ 2 ของ มิโลวาน ราเยวัช

 

 

8. เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018
เจ้าภาพ : ไม่มี
วัน : 8 พฤศจิกายน – 15 ธันวาคม 2018

ถัดจากศึกคิงส์คัพ 2018 แล้ว ทัวร์นาเมนต์ของทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ในปีนี้ จะเกิดขึ้นอีกครั้งก็ในช่วงปลายปีเลย นั่นคือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 ซึ่ง “ช้างศึก” คือเจ้าของสถิติแชมป์เก่าสองสมัยซ้อน และเป็นแชมป์มากที่สุด จำนวน 5 สมัย จากการแข่งขันทั้งหมด 11 ครั้งที่ผ่านมา

ยังคงมีการคลุมเครือกันอยู่ว่า ปีนี้ ทีมชาติไทยจะส่งนักเตะชุดใดเข้าร่วมการแข่งขัน เนื่องจากมีนักเตะระดับแม่เหล็กถึง 3 ราย ออกไปค้าแข้งที่ เจ ลีก ประเทศญี่ปุ่น แถมยังเป็นช่วงของการเตรียมทีมเพื่อศึกเอเชี่ยนคัพ 2019 อีกด้วย อาจจะมีความเสี่ยงของการเจ็บสำหรับนักเตะหลายราย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องนี้กันบ้างแล้วว่า ทีมชาติไทย น่าจะส่งผู้เล่นที่ดีที่สุดในระดับที่ป้องกันแชมป์ได้ โดยเน้นผู้เล่นจากในไทยลีกเป็นหลัก ซึ่งนั่นหมายความว่า อาจจะไม่มี ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน และ ธีรศิลป์ แดงดา ที่ไปค้าแข้งต่างประเทศ

สำหรับเรื่องของเฮ้ดโค้ชเอง ก็ยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่า จะมีการต่อสัญญา มิโลวาน ราเยวัช หรือไม่อย่างไร นั่นทำให้ การวางแผนงานในเรื่องของ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ครั้งนี้ อาจจะดูมีชะงักไปบ้างจากมุมมองของแฟนบอล

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เป้าหมายของการลงเล่นรายการนี้ แน่นอน ยังไงก็คือ “การเป็นแชมป์” เท่านั้น ไม่มีนอกเหนือกว่านี้

ความคาดหวัง
แชมป์จ้า

 

 

8+1. ฟีฟ่าเดย์ เพื่อเอเชี่ยนคัพ 2019

นับจากตอนนี้ไปอีก 1 ปี ข้างหน้า การแข่งขันฟุตบอลเอเชี่ยนคัพ 2019 จะระเบิดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยทีมชาติไทย สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้าย เอเชี่ยนคัพ ได้อีกครั้ง ในรอบ 12 ปี หลังเคยลงเล่นรายการนี้มาครั้งล่าสุด เมื่อปี 2007 ที่ตนเองเป็นเจ้าภาพ

การเตรียมตัว การวางแผน การทำทีม การวิเคราะห์ตัว การสเกาท์คู่แข่ง การอุ่นเครื่อง เพื่อให้รู้ว่าตัวเองอยู่จุดไหนของทวีปเอเชีย ยังเหลือเวลาอีก 1 ปี เต็มๆ ที่เป็นหน้าที่ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย โดยเฉพาะทีมเทคนิคของสมาคมฯ

ฉะนั้น รายการที่ 8+1 ผมจึงขออนุญาตให้ความสำคัญกับการลงเล่นเกมอุ่นเครื่องในระดับฟีฟ่าเดย์ทุกนัดในปีนี้ นอกเหนือจาก รายการ คิงส์คัพ และ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่เป็นเสมือนเกมอุ่นเครื่องเนืองๆ อยู่แล้ว

 

จะมีไปเก็บตัว และอุ่นเครื่องกับทีมในยุโรป ในช่วงก่อนศึกฟุตบอลโลก 2018 จะเริ่มขึ้น ตามที่เคยเป็นข่าวไหม
จะมีเกมเยือนตะวันออกกลาง เพื่อให้คุ้นชินกับสภาพสนาม สภาพอากาศของ ยูเออี ไหม
จะมีการเก็บตัวที่ยาวนานแค่ไหนก่อนเอเชี่ยนคัพ จะเริ่มต้นขึ้น
…ฯลฯ

 

ทุกโจทย์ คือสิ่งที่แฟนบอลรออยู่ว่า สมาคมฟุตบอลชุดนี้จะทำได้ดีแค่ไหน กับระยะเวลาเตรียมตัวอีก 1 ปี

เพราะถ้าวางแผนดีๆ ผลงานทีมชาติไทย ออกมาดี แฟนบอลทุกคนก็เตรียมกดไลค์ กดเลิฟ ให้ทุกท่านอยู่แล้ว…

 

ความคาดหวัง
อยากเห็นทีมชาติไทย อุ่นเครื่องแบบไปเยือนทีมระดับสูงบ้าง และอยากเห็นภาวะการเตรียมตัวก่อนเอเชี่ยนคัพ 2019 ที่มีความกระตือรือร้นที่อยากประสบความสำเร็จ เพราะพวกเราทุกคนคาดหวังจะเห็นฟอร์มของ “ช้างศึก” ในเกมระดับทวีปที่ยอดเยี่ยมสักครั้ง (อย่างน้อยขอผ่านเข้าสู่รอบสองนะ ^^)

 

“จอน”

 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้