รีเซต
หัวใจจะวาย! ลิเวอร์พูล ยัดเยียดความปราชัย เอาชนะแมนฯ ซิตี้ 4-3 หยุดสถิติไร้พ่าย 22 นัด

หัวใจจะวาย! ลิเวอร์พูล ยัดเยียดความปราชัย เอาชนะแมนฯ ซิตี้ 4-3 หยุดสถิติไร้พ่าย 22 นัด

หัวใจจะวาย! ลิเวอร์พูล ยัดเยียดความปราชัย เอาชนะแมนฯ ซิตี้ 4-3 หยุดสถิติไร้พ่าย 22 นัด
Supanat
15 มกราคม 2561 ( 01:02 )
5.6K

ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่สามารหยุดสถิติไม่แพ้ใคร 22 นัดติดของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาไว้ แม้จะโดยยิงท้ายเกม 2 ลูกรวด แต่ยังเอาชนะไปได้ 4-3

ลิเวอร์พูลไม่แพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ในบ้านนานกว่า 14 นัดในพรีเมียร์ลีกและวันนี้กำลังมองหาทางล้างแค้นหลังโดนถล่ม 5-0 ในนัดแรกทว่าวิร์กิล ฟาน ไดจ์คมีอาการเจ็บแฮมสตริงลงไม่ไหวทำให้เดยัน ลอฟเรนลงมาเล่นแทนส่วนตำแหน่งประตูลอริส คาริอุสยึดตำแหน่งตัวจริงแทนซิมง มิโญเล่ต์ขณะที่อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลนเล่นแทนฟิลิปเป้ คูตินโญ่ที่ย้ายไปแล้วและข่าวดีคือโมฮาเหม็ด ซาลาห์หายเจ็บกลับมาลงเล่นได้ ส่วนเป๊ป กวาร์ดิโอล่ายังไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้และมองหาทางยืดสถิติไม่แพ้ในลีก 30 นัดอีกต่างหากโดยเกมนี้เซร์คิโอ อเกวโร่ยืนเป็นหอกตัวเป้าเหมือนเดิมเพราะกาเบรียล เชซุสมีอาการเจ็บขณะที่แวงซ็องต์ กอมปานีเจ็บน่องลงไม่ได้

นาทีที่ 9 หงส์แดงได้เฮลั่น เมื่อ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน เก็บบอลได้ในแดน ซิตี้ ก่อนลากมาหน้าเขตโทษและซัดเลียดด้วยขวาบอลพุ่งเสียเสาเขาไปอย่างเฉียบขาด เอแดร์สัน หมดสิทธิ์เซฟ เจ้าบ้านออกนำ 1-0

นาทีที่ 31 ทีมเรือใบต้องเสีย ฟาเบียน เดลฟ์ แบ็คซ้าย จากอาการบาดเจ็บ และเล่นต่อไม่ไหว ต้องส่ง ดานิโล ลงมาเล่นแทน

4 นาทีต่อมา เป็นทางทีมเยือนได้ลุ้นบ้าง เมื่อ เควิน เดอ บรอยน์ ได้ลองซัดไกลจากนอกกรอบเขตโทษ บอลไปแฉลบแนวรับเจ้าบ้าน แต่บอลไม่เปลี่ยนทาง ลอริส คาริอุส ล้มตัวรับไว้ได้สบาย

นาทีที่ 39 เป็นโอกาสของ เร้ด แมชชีน อีกครั้ง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ได้บอลหน้าเขตโทษก่อนลองปั้นด้วยซ้าย บอลเลี้ยว เข้ามือ เอแดร์สัน รับสบาย

แต่ 2 นาทีถัดมากลายเป็น เดอะ ซิตี้เซนส์ ที่มาได้ประตูตีเสมอจากจังหวะ วางบอลยาวจากทางขวาของ ไคล์ วอล์คเกอร์ ข้ามมาถึง เลรอย ซาเน พักบอลลงก่อนจี้เข้าเขตโทษ กระชากออกซ้ายและยิงที่เสาแรกผ่านมือ ลอริส คาริอุส เป็นประตู สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1

เกมครึ่งแรกเป็นทางเจ้าบ้านที่ได้ครองบอลบุกมากกว่า แต่ทีมเยือนกลับมาได้ประตูตีเสมอแม้โอกาสยิงน้อยกว่า จบ 45 นาที ลิเวอร์พูล 0 แมนฯ ซิตี้ 0

นาทีที่ 51 ทีมเยือนได้โอกาสแซงนำ จากจังหวะเล่นลูกเตะมุม เควิน เดอ บรอยน์ โยนเข้ามาในเขตโทษ นิโคลัส โอตาเมนดี้ ได้โขกบอลย้อยชนคานอย่างจัง

5 นาทีต่อมา เจ้าบ้านได้สวนคืนบ้าง จากลูกเตะมุม อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน โยนเข้ามาในเขตโทษ เอแดร์สัน ออกมาชกบอลไปเข้าทาง โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ได้ซัดด้วยซ้าย แต่ เอแดร์สัน ยังทบออกมาได้

นาทีที่ 59 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูแซงนำอีกครั้ง เมื่อ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน พาบอลขึ้นมาก่อนแทงทะลุช่องให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ เบียดกระแทก จอห์น สโตนส์ ก่อนชิงบอลและปั่นด้วยขวาเบาๆ บอลชนเสาเข้าไป เรด แมชชีนนำ 2-1

นาทีที่ 61 เจ้าบ้านได้ประตูนำห่างจากจังหวะ เปิดบอลพลาดของ โอตาเมนดี้ ไปติด ซาลาห์ และพาบอลขึ้นมาหน้าเขตโทษ ก่อนไหลให้ ซาดิโอ มาเน ได้ตั้งป้อมซัดด้วยซ้ายบอลพุ่งเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปอย่างสวยงามเจ้าบ้านนำ 3-1 

นาทีที่ 68 หงส์แดงมาได้ประตูเพิ่ม จากจังหวะ เอแดร์สัน นายด่านออกมาเคลียร์บอลพลาดไปติด ซาลาห์ ก่อนจะยิงสวนคืนเกือบครึ่งสนามเป็นประตู เจ้าถิ่นนำ 3-1

นาทีที่ 84 ซิตี้ได้ประตูไล่มาเป็น 2-4 เมื่อ อิลคาย กุนโดกัน พาบอลขึ้นมาก่อนจ่ายให้ เซร์คิโอ อเกวโร่ ยิงไปติดบล็อคในเขตโทษ บอลมาเข้าทาง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ตัวสำรองที่ลงมาแทน ราฮีม สเตอร์ลิง ซัดด้วยซ้ายเข้าไป

ช่วงทดเจ็บ เลรอย ซาเน่ พาบอลเข้ามาให้ อเกวโร ในเขตโทษ ก่อนจะเปิดเข้ามาให้ อิลคาย กุนโดกัน พักอกและยิงเข้าไปง่ายๆ แต่ก็ไล่ไม่ทัน จบ 90 นาที ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4-3 เก็บ 3 แต้ม แข่ง 23 มี 47 คะแนนขึ้นมารั้งอันดับ 3 ของตาราง ส่วน ซิตี้ แพ้ในลีกเป็นเกมแรก แข่ง 23 นัด มี 62 คะแนนยังครองจ่าฝูงต่อไป 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้