รีเซต
TRUE TALK : น้องข้าวโอ๊ต นางฟ้านักวิ่ง : "ข้าวโอ๊ตจะกลับไปแก้แค้น โอซาก้า มาราธอน" ... by "Arm Phukrit"

TRUE TALK : น้องข้าวโอ๊ต นางฟ้านักวิ่ง : "ข้าวโอ๊ตจะกลับไปแก้แค้น โอซาก้า มาราธอน" ... by "Arm Phukrit"

TRUE TALK : น้องข้าวโอ๊ต นางฟ้านักวิ่ง : "ข้าวโอ๊ตจะกลับไปแก้แค้น โอซาก้า มาราธอน" ... by "Arm Phukrit"
armcasanova
15 มกราคม 2561 ( 15:30 )
8.8K

TRUE TALK : วันนี้เป็นสกู๊ปที่ผมนั่งเขียนไป ยิ้มไปพร้อมๆ กัน จนคนข้างๆ ต้องเดินมาถามเลยว่า นั่งยิ้มอะไรคนเดียว?(ฮาๆๆ) วันนี้ผมขอเอาใจหนุ่มๆ หน่อยแล้วกันนะครับ โดยเฉพาะทุกๆ ท่านที่อยู่ในวงการวิ่ง พวกคุณน่าจะรู้จักสาวสวยคนนี้  “น้องข้าวโอ๊ต” นางฟ้านักวิ่ง

ผมมีโอกาสได้นั่งพูดคุย สัมภาษณ์ เธอแบบเป็นกันเองโดยใช้เวลาไม่มาก หัวข้อในการสนทนาก็พูดคุยในเรื่องของการวิ่งล้วนๆ ล่ะครับ โดยผมเริ่มให้เธอแนะนำตัวกันก่อนเลย

“สวัสดีค่ะ ชื่อ นุชราวดี ไชยสิงห์ ชื่อเล่น “ข้าวโอ๊ต” ปัจจุบันอายุ 27 ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยบูรพา คณะศิลปกรรมศาสตร์ ตอนนี้ทำงานประจำในสายของ Marketing แล้วก็รับฟรีแลนด์ที่เป็นงานกราฟฟิก และอาจจะมีถ่ายแบบบ้างนิดๆหน่อยๆ ค่ะ”

โอเคครับ เธอชื่อ ข้าวโอ๊ต เธอเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง หรือเรียกได้ว่า เธอเป็นสาวออฟฟิศคนหนึ่งแหละครับ จากนั้นผมได้ถามถึงจุดเริ่มต้นของการวิ่งของเธอ ทำไมเธอจึงตัดสินใจเริ่มวิ่ง ผมฟังแล้วก็รู้สึกเลยว่า จุดมุ่งหมายในการวิ่งของเธอนั้น ก็น่าจะเหมือนกับใครหลายๆ คนเลยทีเดียว

“จุดเริ่มต้นที่เริ่มวิ่ง สำหรับข้าวโอ๊ต ณ ตอนนั้นมีเหตุผลเดียวเลยคือ อยากลดความอ้วนค่ะ ตอนนั้น(เมื่อ 3 ปีที่แล้ว) มองดูแล้วว่าตัวเองอ้วนเกินไปล่ะ ก็เลยตัดสินใจออกกำลังกาย เลือกมาวิ่งเพราะว่า การวิ่งมันน่าจะเป็นอะไรที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรเยอะ แค่มีรองเท้าหนึ่งคู่และมีใจที่อยากไปวิ่ง เราก็สามารถวิ่งได้แล้ว”

 

 

จากวันนั้นจนมาถึงวันนี้ เธอก็เริ่มวิ่งมาโดยตลอดครับ เธอเล่าว่า ใน 1 เดือน เธอวิ่งประมาณ 1-2 งาน หรือถ้าเดือนไหนพีคๆ เลย เธอก็ลงวิ่งทุกอาทิตย์ และปัจจุบันเธอยังเป็น Pacer สาวสวยในทีม NRC BKK (Nike+ Run Club Bangkok ) อีกด้วย

(Pacer คือ กลุ่มนักวิ่งที่อาสาเป็นนักวิ่งนำเวลาในสนาม โดยทางทีม NRC BKK จะแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม แบ่งโดยใช้ความเร็วเฉลี่ย 10 กิโลเมตร ตั้งแต่กลุ่มเพซ 4:30 (วิ่ง 10 กิโลเมตรด้วยความเร็วเฉลี่ยกิโลละ 4:30 นาที) / 5:00 / 5:30 / 6:00 / 6:30 / 7:30 / 8:00 / 8:30 / Beginner หรือ ความเร็วระดับผู้วิ่งในระดับเริ่มต้น หากเราต้องการวิ่งที่ความเร็วเท่าไหร่ เราก็เลือกวิ่งตาม Pacer ที่ดูแลช่วงเวลานั้นๆ เสื้อสีเขียวโวลต์ ของเหล่า Pacer จะช่วยสะท้อนแสงให้นักวิ่งได้เห็นกัน)

เธอวิ่งมานานกว่า 3 ปี แล้วยังเป็น Pacer แถมยังทำงานประจำ รวมไปถึงงานฟรีแลนด์อีก ผมก็เลยสงสัยว่า เธอเอาเวลาที่ไหนไปซ้อมวิ่งครับ

“ใน 1 อาทิตย์ก็ซ้อมวิ่งประมาณ 2-3 วันในช่วงเย็นค่ะ ซ้อมวันล่ะประมาณ 5-10 กิโลเมตร แล้วแต่วัน บางอาทิตย์ในวันเสาร์-อาทิตย์ ก็จะมีลงงานวิ่งต่างๆ ภายใน 1 เดือน ข้าวโอ๊ต ก็จะสมัครงานวิ่งประมาณ 1-2 งาน หรือบางเดือนก็อาจจะ 4 งาน วิ่งทุกอาทิตย์เลยค่ะ ปกติก็จะสมัครในระยะ 10 กิโลเมตร หรืออาจจะ 21 กิโลเมตรบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะวิ่ง 10 กิโลเมตรค่ะ Pace ตอนนี้ก็ประมาณ 6 ปลายๆ ถึง 7 ค่ะ”

ถ้าในช่วงเย็นหลังเลิกงาน ถ้าเพื่อนชวนไปทานข้าว หรือสังสรรค์ ข้าวโอ๊ต ก็จะตอบว่า “วันนี้เรามีซ้อมวิ่งอ่ะแก เราขอไปวิ่งก่อนแล้วกันนะ ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวเราตามไป(หัวเราะ)”

Pace (เพซ) หมายถึง เวลาที่ใช้ในการวิ่งต่อ 1 กิโลเมตร หรือ 1 ไมล์ ที่นิยมใช้ในเมืองไทย คือ เวลาของการวิ่งต่อ 1 กิโลเมตร ซึ่งยิ่งค่า Pace ต่ำเท่าไหร่ จะหมายความว่าใช้เวลายิ่งน้อยในการวิ่งระยะทาง 1 กิโลเมตร (ยิ่งน้อยยิ่งวิ่งเร็ว)

 

หลังจากนั้น เธอก็ได้เล่าถึงความประทับใจในการวิ่งของเธอเอง รวมไปถึงความประทับใจที่เธอได้เข้าไปอยู่ในทีม NRC BKK ด้วยว่า

“ข้าวโอ๊ต ประทับใจบรรยากาศในการวิ่ง ได้เจอผู้คนที่หันมารักสุขภาพด้วยกัน มีแรงบันดาลใจ มีเป้าหมาย ที่เหมือนๆ กัน พอเราได้เข้ามาสัมผัสบรรยากาศเหล่านี้ มันก็ทำให้เรารู้สึกสนุกขึ้น รู้สึกว่าการออกกำลังกายด้วยการวิ่งมันทำให้เราได้เปิดสังคมใหม่ๆ ต้องยอมรับว่าเมื่อก่อนไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเลย จะเป็นสายปาร์ตี้ซะด้วยซ้ำ แต่พอมาวิ่ง ก็ทำให้เราได้มีเพื่อนใหม่ๆ ที่รักสุขภาพเหมือนเราเข้ามาค่ะ”

“ในทีม NRC เขาไม่ได้กดดันอะไรเราเลยเกี่ยวกับการวิ่ง ไม่มีใครมาบอกว่า “ข้าวโอ๊ตต้องวิ่งให้เร็วขึ้นกว่านี้นะ” คือพอเราเห็นคนในทีมมีแต่คนเก่งๆ เราก็อยากจะกระตุ้นตัวเองให้วิ่งออกมาให้ดียิ่งขึ้น ไม่จำเป็นต้องวิ่งให้เทียบเท่ากับคนที่เก่งๆ แต่เรามาคิดว่าเราจะพัฒนาตัวเองยังไง ให้การวิ่งของเราดีขึ้นดีกว่าค่ะ”

ต่อมาผมให้เธอเลือกครับ ว่าเธอชอบหรือเธอประทับใจกับงานวิ่ง งานไหนมากที่สุด และเธอก็เล่าถึงงาน โอซาก้า มาราธอน 2016 มันคืองานที่เป็นความเจ็บปวดที่งดงามของเธอ

“งานที่ประทับใจยกให้ โอซาก้า มาราธอน 2016 ค่ะ ถึงแม้เราจะวิ่งไม่จบ(หัวเราะ) มันคือความเจ็บปวดและความประทับใจในงานเดียวกัน เนื่องจากเกิดอาการเจ็บตั้งแต่กิโลที่ 30 แต่ก็กัดฟันวิ่งไปร้องไห้ไปสลับเดินร้องไห้บ้าง เพราะมันเจ็บมาก รองเท้าที่วิ่งเกิดส้นแตกทั้งสองข้างทำให้ส้นเท้ากระแทกพื้นอย่างจังเป็นระยะทางประมาณ 5 กิโล วิ่งสักพักก็เริ่มเจ็บ จากที่คำนวนเวลาแล้วว่ายังไงก็จบ ยังไงก็วิ่งทัน แต่พอเจ็บเท่านั้นแหละค่ะ ทุกอย่างพังหมด ทุกอย่างมันเศร้าไปหมดเสียดายที่ไม่จบ และเสียดายที่ต้องมาเจ็บ แต่ในความเสียใจในความเจ็บปวด ข้าวโอ๊ตก็ได้เจอสิ่งดีๆ ในงาน คือ คนญี่ปุ่นน่ารักมากๆ ค่ะ มายืนเชียร์ยืนแปะมือกับเราตลอดเส้นทาง มันเป็นภาพที่น่ารักมากจริงๆ บางคนส่งเสียงไทยแลนด์ ไฟท์โตะ มันสร้างกำลังใจในการวิ่งจริงๆ แต่ไม่เป็นไรค่ะ Full ครั้งต่อไป ข้าวโอ๊ต จะกลับไปแก้มือให้ได้ ข้าวโอ๊ต รู้แล้วว่าเราพลาดตรงไหน เอาไว้เจอกันอีกแน่นอน โอซาก้า มาราธอน”

“ส่วนงานในประเทศไทยยกให้ บางแสน21 ที่จัดขึ้นในปีแรก ตอนนั้นลงไป 10 กิโล ก็ประทับใจเพราะว่า การจัดงานระบบต่างๆ ดีไปหมดเลย ตั้งแต่การรับเสื้อ รับหมายเลขบิบ รวมไปถึงสภาพแวดล้อมอากาศดี มีเทคโนโลยีในการช่วยค้นหารูปตัวเองในงานวิ่งสะดวกรวดเร็วมากๆ รวมทั้งนักวิ่งที่วิ่งในงานให้ความร่วมมือเรื่องการรักษาความสะอาดเป็นอย่างดี ไม่ทิ้งแก้วน้ำให้เกลื่อนเลยแม้แต่แก้วเดียว เป็นงานเดียวที่เห็นพื้นถนนสะอาดที่สุดตั้งแต่วิ่งมา ทุกอย่างมันโอเคหมดเลย”

 

 

จากลักษณะรูปร่างหน้าตาของเธอ ทำให้เธอได้รับฉายาว่าเป็น “นางฟ้านักวิ่ง” ผมก็ได้ถามถึงความรู้สึกของเธอไปตรงๆ แหละครับ ว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับ ฉายานี้ เธอก็ตอบคำถามมา และเธอยังบอกเพิ่มถึงอุปนิสัยส่วนตัวของเธอให้ผมฟังอีกด้วยนะครับ

หลังจากที่ได้นั่งสัมภาษณ์เธอมาเนี่ย ผมว่าเธอไม่ได้น่ารักแค่เพียงรูปร่างหน้าตานะ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะนิสัย คำพูดคำจา รอยยิ้มของเธอเนี่ย พอดูรวมๆ แล้ว มีเสน่ห์จริงๆ ครับ

“รู้สึกดีใจนะคะ ที่ถูกมองว่าเป็นนางฟ้านักวิ่ง ก็ต้องขอบคุณทุกๆ คนที่ให้ฉายานี้มาค่ะ แต่ถ้ารู้จักข้าวโอ๊ตจริงๆ นิสัยเราไม่ใช่คนเรียบร้อยอะไรเลยนะ เราเป็นคนแบบบ้าๆ บอๆ ตลกเฮฮา นิสัยโก๊ะๆ รั่วๆ หน่อยค่ะ (หัวเราะ)”

 

 

และแล้วก็สนทนาก็มาถึงตอนจบกันแล้ว ในฐานะที่เธอเป็นนักวิ่งรุ่นพี่ ผมจึงขอให้เธอช่วยแนะนำ ฝากไปถึงบรรดานักวิ่งที่กำลังจะ ตื่นนอนตอนเช้า หรือเลิกงานตอนเย็น เริ่มหยิบรองเท้าคู่โปรดออกมาวิ่งกัน โดยเธอให้คำแนะนำว่า

“สำหรับคนที่จะเริ่มวิ่ง ข้าวโอ๊ตคิดว่า ต้องเตรียมตัวเตรียมใจ หรือว่าเป็นความอยากลองก่อนก็ได้ค่ะ เนื่องจากว่า การจะออกไปวิ่งมันขึ้นอยู่ที่ตัวเรา พอเราเริ่มวิ่งแล้วรู้สึกว่าชอบมัน หรือรู้สึกว่าอยากไปกับมันต่อ เราค่อยมาตั้งเป้าหมายว่า เราวิ่งเพื่ออะไร เราอาจจะวิ่งเพื่อสุขภาพร่างกายของตัวเอง ลดความอ้วน หรืออยากให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงมากขึ้น ข้าวโอ็ตคิดว่า มันต้องลองดูค่ะ วิ่งตอนไหนก็ยังไม่สายเกินไป เพียงแค่หยิบรองเท้าคู่โปรดออกมาลองวิ่งกันดู”

 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้