รีเซต
TRUE FOCUS : เกาะขอบสนาม 700 ปีฯ วิเคราะห์ "ลีโอ ปรีซีซั่น คัพ 2018" ... by "บีม ภควิชญ์"

TRUE FOCUS : เกาะขอบสนาม 700 ปีฯ วิเคราะห์ "ลีโอ ปรีซีซั่น คัพ 2018" ... by "บีม ภควิชญ์"

TRUE FOCUS : เกาะขอบสนาม 700 ปีฯ วิเคราะห์ "ลีโอ ปรีซีซั่น คัพ 2018" ... by "บีม ภควิชญ์"
kentnitipong
17 มกราคม 2561 ( 18:29 )
2.9K

TRUE FOCUS : ด้วยชื่อชั้นของทีมดังในเครือพันธมิตรลีโออย่าง เมืองทองฯ, บีจี, ท่าเรือฯ หรือ เชียงรายฯ ผสมผสานกับไอเดียในการออกไปเยือนทีมจังหวัดที่มีความน่าสนใจอย่าง ขอนแก่น เอฟซี หรือ เชียงใหม่ เอฟซี ทำให้ “ลีโอ ปรีซีซั่น คัพ 2018” เป็นรายการฟุตบอลอุ่นเครื่องที่ประสบความสำเร็จไม่เบา

 

 

แม้ว่าจะมีความกุกกักในเรื่องสนามที่จะใช้จัดการแข่งขันนิดหน่อย แต่เชื่อว่าทั้ง 8 ทีมที่เข้าร่วมฟาดแข้งในรายการนี้ได้อะไรกลับไปบ้างไม่มากก็น้อย

ผมมีโอกาสได้เกาะขอบสนามดูทีมที่เดินทางมาหวดกันที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปีทุกนัด เลยเห็นอะไรที่พอจะเอามาแชร์กันในวันนี้ได้บ้างพอสมควรครับ

 

***********

 

1. “กิเลนผยอง” ยังเป็นทีมในกลุ่มลุ้นแชมป์ 100%

 

 

แม้ว่าจะโดนค่อนขอด และกำลังจะเสียผู้เล่นกำลังหลักอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา และธีราทร บุญมาทัน ที่เตรียมขึ้นเครื่องไปตามฝันที่ญี่ปุ่นในช่วงสิ้นเดือนนี้ บวกกับ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่ล่วงหน้าไปเบลเยี่ยมก่อนแล้ว แต่ “เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด” ยังคงเป็นทีมในกลุ่มหัวตารางแน่นอน

ในรายการนี้ กิเลนผยอง โชว์ฟอร์มผยองเดชท้าทายอากาศหนาวของภาคเหนือ หลังกดไปนิ่ม ๆ สามนัด 14 ลูก คว้าแชมป์ไปครองแบบสบาย ๆ

ทุกทีมที่เข้าร่วมแข่งขันกำลังอยู่ในช่วงปรับจูนตามปกติของการลงเล่นปรีซีซั่น และมีจุดอ่อนที่ต้องแก้ไขกันทั้งนั้น ยกเว้น เมืองทองฯ ทีมเดียวที่ลงเล่นได้เหมือนกับทุกอย่างเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว

การรับส่งต่อบอลเป็นไปอย่างรู้ใจ และการเข้าสู่พื้นที่สุดท้ายสามารถทำได้น่ากลัวแทบทุกครั้ง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหากดูจากคุณภาพ และประสบการณ์ของผู้เล่น

การย้ายเข้ามาของ “จาจ้า” น่าจะช่วยเติมเต็มช่องว่างของ “มุ้ย” ได้ไม่ยาก ในขณะที่ผู้รักษาประตูอย่าง กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล ก็พร้อมก้าวมาแทนที่ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ หลังวนเวียนเก็บเลเวลอยู่นาน

 

***********

 

2. “กว่างโซ้งมหาภัย” ต้องแก้ปัญหาอย่างด่วน

 

 

ถัดจากทีมที่โชว์ฟอร์มได้สมราคาเต็งแชมป์ ก็มาถึงทีมที่ทำผลงานได้น่าผิดหวัง

สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ลงเล่นรายการนี้ไปสามนัดในฐานะหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์ ก่อนจะบันทึกสถิติในเวลา 270 นาทีได้ว่า เสมอ 1 แพ้ 2 และยิงประตูใครไม่ได้เลย

หากจะมองถึงสาเหตุส่วนหนึ่งของฟอร์มที่ผิดไป อาจจะมาจากการหมุนเวียนผู้เล่นต่างชาติที่ทาง “กว่างโซ้งมหาภัย” มีการเปลี่ยนแปลงโควต้าทั้งหมด และต้องใช้เวลาในการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ของทีม

ตรงนี้ถือว่าน่าเห็นใจทาง เชียงรายฯ เหมือนกัน ที่ไม่มีทางเลือกในเรื่องนี้เลย เพราะในฤดูกาลที่แล้ว ราฟาเอล โคเอลโญ่ กับ แจนด์สัน ดอส ซานโตส ทำผลงานไม่ได้ตามมาตรฐานที่ทีมตั้งไว้ ในขณะที่ผู้เล่นที่เล่นได้ดีอย่าง เฟลิเป้ อเซเวโด้, วานเดอร์ หลุยส์ และเอเวอร์ตัน กอนซาเวส กลับเก็บข้าวของย้ายถิ่นฐานไปซบอกทีมอื่นซะอย่างนั้น

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทีมดันต้องมาเสีย “ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์” ให้กับ บางกอกกล๊าส เอฟซี ก่อนทัวนาเมนต์จะเริ่มแค่ไม่กี่วัน ส่งผลให้ต้องมายกเครื่องการทำเกมกันใหม่หมด และใครๆ ก็มองออกว่าตอนนี้ทีมกำลังเกิดช่องโหว่ในแดนกลางที่รอการเติมเต็มอย่างเร่งด่วน

แต่ผมยังเชื่อว่าด้วยคุณภาพของ เคลตัน ซิลวา และวิคเตอร์ คาร์โดโซ่ ประกอบกับแข้งพลังหนุ่มของเชียงรายฯ น่าจะพอพาทีมถูไถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ แล้วค่อยมาหวังว่าทีมจะลงตัวทันเวลากระโดดขึ้นรถไฟสายลุ้นแชมป์อีกทีนึง

 

***********

 

3. “พยัคฆ์ล้านนา” รอดตัวไปได้

 

 

ต่อจาก “ทีมพี่” อย่าง สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ก็ขอแวบมาดู “ทีมน้อง” อย่าง เชียงใหม่ เอฟซี บ้าง

เอาจริง ๆ แล้วตอนที่ยังไม่ทันเริ่มฟาดแข้งรายการนี้ “พยัคฆ์ล้านนา” ก็ส่อแววดราม่าเปิดหัวรายการก่อนซะเลย

หลังมีกระแสข่าวที่บอกต่อกันมาในกลุ่มแฟนคลับที่ทางแกนนำรับสารมาจากทางสโมสรว่าในรายการบอลลีโอฯ ทางทีมจะจัดผู้เล่นชุดผสมระหว่าง เชียงใหม่ เอฟซี และเจแอล เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ทีมเก่าของประธานใหม่ “ชูชัย เลิศพงศ์อดิศร” เนื่องจากทางทีมพยัคฆ์เพิ่งรวมตัวกันลงซ้อมกันได้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาไม่กี่วัน จึงเกรงว่าจะไม่พร้อมลงเล่นในรายการนี้

แน่นอนว่าฟีดแบ็คตีกลับ “เละ” สิครับแบบนั้น เพราะในสายตาแฟนบอลกลุ่มใหญ่ เชียงใหม่ เอฟซี และเจแอล เชียงใหม่ ยูไนเต็ด นั้นมีฐานะเป็นคู่แข่งร่วมเมือง จะเอามาจัดตัวลงเล่นรวมกันมันก็เหมือนเอา ปีศาจแดง มาจัดทัพร่วมกับ เรือใบสีฟ้า หรือ เอา ปืนใหญ่ มารวมกับ ไก่เดือยทอง ถึงตอนนี้จะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดร่วมกันบ้าง แต่ในฐานะผู้สนับสนุนทีมมันก็ยังไม่สนิทใจร้อยเปอร์เซนต์

โชคดีที่สุดท้ายสโมสรรับฟังเสียงของแฟนคลับ และจัดตัวโดยใช้ผู้เล่นของ “เชียงใหม่ เอฟซี” ทั้งหมด

ที่จั่วหัวว่า “รอดตัวไปได้” เพราะทีมที่เพิ่งรวมตัวกันซ้อมได้แค่ 5 วัน ลงเล่นด้วยความมุ่งมั่น และมีแนวทางชัดเจน จนได้รับเสียงชื่นชมจากแฟนบอลในสนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี

โดยเฉพาะนักเตะใหม่อย่าง “มุสตาฟา อาซัดซอย” ที่ยืมตัวมาจากกว่างโซ้งมหาภัย สามารถฉายแววได้โดดเด่นกว่าเพื่อนในเกมกับ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และเอาจริงๆ สามารถเรียกได้ว่าเกินหน้าเกินตานักเตะต่างชาติบางคนของ “ทีมพี่” ด้วยซ้ำ

แต่ “พยัคฆ์ล้านนา” ยังประมาทไม่ได้ เพราะตอนนี้ทีมมีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นค่อนข้างเยอะ แต่ยังขาดตัวตายตัวแทนในบางตำแหน่ง และหากยังต้องการจะเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดในปีเดียว ทีมก็ยังต้องเสริมผู้เล่นเข้ามามากกว่านี้ ส่วนจะเป็น ผู้เล่นหลัก หรือ ผู้เล่นรอง ก็คงต้องว่ากันไปตามงบประมาณของทีม

 

***********

 

4. “เดอะ ทีเร็กซ์” ม้ามืดของรายการ

 

 

ในทุก ๆ การแข่งขันฟุตบอล เรามักจะเห็น “ม้ามืด” อย่างน้อยหนึ่งทีม และ “ขอนแก่น เอฟซี” คือผู้สมควรได้รับฉายาดังกล่าวใน ลีโอ ปรีซีซั่น คัพ 2018

หากใครคิดว่าการเอาชนะจุดโทษ บางกอกกล๊าส เอฟซี นั้นว่าช็อคแล้ว การบุกมาเฉือน สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ถึงแดนเหนือ จนสามารถคว้าอันดับ 3 ไปครอง เป็นการส่งสัญญาให้กับทีมใน T2 อย่างแท้จริง

ด้วยดีกรีผู้เล่นต่างชาติที่มีชื่อชั้นไม่เป็นรองทีมไหนอย่าง ดาวิด บาลา, บาโบ้ มาร์ค แลนดี้ หรือ ดาร์โก้ ทาเซฟสกี้ และผู้เล่นไทยทั้งวัยสดและวัยเก๋า ทำให้ เดอะ ทีเร็กซ์ ถูกยกเป็นทีมในกลุ่มลุ้นเลื่อนชั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้จะสถานะเป็นแค่น้องใหม่สำหรับลีกสอง

ประกอบกับผู้นำทัพอย่าง “อนุรักษ์ ศรีเกิด” ที่ถือว่าเป็นโค้ชเนื้อหอมไม่เบา นั้นมีสไตล์การเล่นที่ดุดัน และไม่เกรงกลัวใคร

หากใครดูเกมที่ ขอนแก่น เอฟซี สามารถบุกมาชนะ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ได้นั้น เราจะเห็นการบีบวิ่งไล่เพรสซิ่่งตั้งแต่แดนหน้าอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่หากเป็นทีมอื่นแล้วต้องโคจรมาเจอทีมที่ใหญ่กว่าอาจเลือก “เพลย์เซฟ” โดยการรับลึกแล้วรอสวนกลับแทน

ประเด็นคือใครก็ช่างมือดี จับฉลากให้ “เชียงใหม่ เอฟซี” กับ “ขอนแก่น เอฟซี” มาพบกันตั้งแต่นัดแรกของการแข่งขันฟุตบอล T2 ฤดูกาล 2018 ที่กำลังจะฟาดแข้งเร็ว ๆ นี้

ปีนี้ขอให้ทุกท่านจับตาดูลีกพระรองให้ดี ๆ ผมว่าหากไม่นับดีกรีผู้เล่นแล้ว มีหวดกันมันส์ไม่แพ้ T1 แน่ เพราะแต่ละทีมเสริมทัพเสริมแนวทางกันแบบโหดๆ กันทั้งนั้นเพื่อเป้าหมายจะก้าวขึ้นสู่ลีกสูงสุดให้ได้

 

***********

 

นอกจากทั้ง 4 ทีมที่กล่าวไปข้างต้น เรายังมี การท่าเรือฯ, บีจี และ พัทยาฯ ที่ร่วงรอบแรกรายการนี้และต้องเก็บปัญหาของตนเองไปแก้ไข เพราะถึงจะเป็นแค่บอลอุ่นเครื่อง แต่การที่ทีมอื่น ๆ ทำได้ดีกว่าย่อมเป็นบทเรียนย้อนกลับมาให้ขบคิดก่อนจะถึงเวลาแข่งขันจริงว่าทีมเรายังขาดเหลืออะไร เพื่อที่จะปรับจูนได้ทันเวลา

 

 

ส่วน “สวาทแคท” ที่แฟนบอลตัวเองกาหัวไว้ว่าไม่น่ารอด กลับเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยหักด่านทีมที่มีดีกรีเหนือกว่าตนเองทั้งนั้นเลย

ส่วนตัวแล้วผมมองว่า โคราชฯ มีเสน่ห์ของตัวเองนะ รู้สึกว่าเป็นทีมที่ช่วยกันเล่นได้ดี ถึงจะไม่ได้มีงบพอจะผลักดันไปถึงระดับมีลุ้นอะไรกับเขา แต่เรื่องตกชั้นถ้าแฟนบอลเข้าไปเชียร์กันเยอะ ๆ ผมว่าตกยาก

สุดท้ายแล้วแต่ละทีมคงได้ “การบ้าน” ที่แตกต่างกันไปจากการลงเล่นในรายการ “ลีโอ ปรีซีซั่น คัพ 2018” ที่ต้องนำกลับไปทำส่งอาจารย์กัน

แล้วเรามาคอยชมกันครับ ว่า “อาจารย์ไทยลีก” จะออกเกรดอะไรให้กับเด็ก ๆ เมื่อถึงเวลาลงสนามสอบแข่งขันจริง ที่ไม่มีที่ว่างให้กับ “ผู้ไม่พร้อม” อีกต่อไป

 

“BEAM”

 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้