รีเซต
คำต่อคำ : บทสัมภาษณ์ "ไมเคิ่ล ฟาลเคสการ์ด" คำตอบสุดท้ายในแนวรับ "ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด" ... by "บก.เก้น"

คำต่อคำ : บทสัมภาษณ์ "ไมเคิ่ล ฟาลเคสการ์ด" คำตอบสุดท้ายในแนวรับ "ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด" ... by "บก.เก้น"

คำต่อคำ : บทสัมภาษณ์ "ไมเคิ่ล ฟาลเคสการ์ด" คำตอบสุดท้ายในแนวรับ "ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด" ... by "บก.เก้น"
kentnitipong
30 มกราคม 2561 ( 08:51 )
1.9K

TRUE TALK : ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่ยอดเยี่ยมสำหรับคนที่รัก หลงใหล และคลั่งไคล้ในฟุตบอล (ไทย) อย่างผม หลังจากที่วางตารางงานตัวเองไว้อย่างชัดเจนว่า วันนี้ผมจะต้องมาสัมผัสบรรยากาศในงานเปิดตัวของอีกหนึ่งยักษ์ใหญ่แห่งวงการลูกหนังแดนสยามอย่าง “ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด” ให้ได้ เพราะนี่คือสัญญาณสำคัญที่กำลังบอกแฟนบอลทุกคนว่า ฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก กำลังจะกลับมาเปิดซีซั่นใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้…

 

 

แน่นอนครับว่าฟุตบอลตัดสินกันที่ “ประตู” แต่ “ผู้รักษาประตู” ก็ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่สามารถตัดสินผลแพ้-ชนะได้เหมือนกัน…

 

ภาพติดตาของแฟนบอลส่วนใหญ่ล้วนมองว่า “แข้งเทพ” คือทีมที่พร้อมจะเดินหน้าล่าประตูดุจเครื่องจักรสังหาร
ทุกคนล้วนแต่เชื่อว่า “เกมรุก” จะทำให้คุณชนะ
แต่เชื่อหรือไม่ว่าจริงๆ แล้ว “เกมรับ” ต่างหากที่จะทำให้คุณเป็นแชมป์… และนั่นคือสิ่งที่บอร์ดบริหาร รวมถึงทีมสต๊าฟของ “บียู” นั้นไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด จึงทำให้เกิดปฏิบัติการณ์เฟ้นหาแข้งในแนวรับกันขนานใหญ่

 

และเพื่อสมกับคอนเซปต์ของทีมในปีนี้อย่าง “CHANGE” ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด จึงไม่รีรอที่จะเซ็นสัญญาผู้รักษาประตูที่ว่ากันว่าน่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งในอาเซียน… เขาคนนั้นคือ

“ไมเคิ่ล ฟาลเคสการ์ด”

ผมเองไม่รีรอที่จะเดินเข้าไปหา นายทวารเจ้าของความสูงถึง 191 เซนติเมตรรายนี้ ไมเคิ่ล พูดคุยทักทายกับผมอย่างเป็นกันเองแม้ว่านี่จะเป็นการพบกันครั้งแรกของเราสองคนก็ตาม ผมได้มีโอกาสถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของเจ้าตัว ก่อนจะเข้าสู่ช่วงเวลาพูดคุยกันตามแบบฉบับ TRUE TALK ในวันนี้…

 

 

“แฟนบอลเยอะมากครับ (หัวเราะ) นักข่าวก็เหมือนกัน” ไมเคิ่ล เริ่มเปิดฉาก TRUE TALK กับผม ท่ามกลางสายตาของเหล่าแฟนบอลที่จับจ้องนายทวารลูกครึ่งฟิลิปปินส์ – เดนมาร์ก รายนี้อย่างไม่กระพริบ

“ถามว่าตื่นเต้นมั๊ย ผมคิดว่าตอนนี้ตัวเองยังตื่นเต้นอยู่พอสมควรนะ (หัวเราะ) โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมกับทีมในงานเปิดตัวครั้งนี้ รวมถึงภาพยนตร์สั้นเปิดตัวชุดแข่งใหม่ แน่นอนครับผมเองก็หวังว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนที่ยอดเยี่ยมของสโมสร เรามีผู้เล่นฝีเท้าดีทั้งเก่า และใหม่ เรามีทีมสต๊าฟระดับแถวหน้า บวกกับแรงสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมมากๆ จากบอร์ดบริหาร ผมเชื่อว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนที่นำ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ก้าวไปสู่เส้นทางของความสำเร็จ”

เมื่อผมได้เอ่ยปากถามเจ้าตัวว่า รู้จักฟุตบอลไทยมากน้อยแค่ไหนก่อนจะย้ายมาร่วมทัพ “แข้งเทพ” ? ไมเคิ่ล ตอบผมด้วยความมั่นใจว่า แน่นอน เค้าเองได้ศึกษาฟุตบอลไทยมาพอสมควร โดยเฉพาะกับอดีตเพื่อนร่วมทีมที่เคยผ่านเวทีไทยลีกมาแล้วอย่าง เบรนท์ แม็คกรัธ

“ฟุตบอลไทยเป็นลีกที่เติบโตรวดเร็วมากๆ มีการลงทุน มีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้น และสูสี อีกอย่างแฟนบอลที่นี่ก็ล้วนแต่เปี่ยมไปด้วยแพสชั่น ผมเชื่อว่าตัวเองได้ทำความรู้จัก และเรียนรู้ฟุตบอลไทยพอสมควรจากอดีตเพื่อนร่วมทีม (ที่ บรอนด์บี้ ไอเอฟ) อย่าง เบรนท์ แม็คกรัธ (อดีตศูนย์หน้าของ ศรีสะเกษ และการท่าเรือ เอฟซี) เบรนท์ เองก็ได้พูดถึงเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับฟุตบอลไทยให้ผมฟังมากมาย ซึ่งวันนี้ผมเองก็รู้สึกดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และวงการฟุตบอลไทย”

ไมเคิ่ล ยังกล่าวต่ออีกว่า การเข้ามายกระดับแนวรับของทีม และช่วยให้ทีมมีสถิติเกมรับที่ดีขึ้น คือหนึ่งในภารกิจหลักของเจ้าตัวที่ต้องทำให้ได้ เพื่อตอบแทนความไว้วางใจแฟนบอล เพื่อนร่วมทีม รวมถึงทุกๆ คนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรให้ได้ ในฐานะปราการด่านสุดท้ายของทีม

“แน่นอนครับ นี่เป็นเป้าหมายหลักของผมเลยหล่ะ ผมอยากจะพิสูจน์ฝีมือของตัวเอง และอยากจะช่วยทีมให้มีสถิติเกมรับที่ดีขึ้น เอาง่ายๆ เลย ผมอยากจะช่วยให้ทีมเสียประตูน้อยที่สุด ผมมั่นใจว่าถ้าเรามีเกมรับที่ดีขึ้น ทีมก็มีโอกาสในการคว้าโทรฟี่มากขึ้น”

“เพราะขึ้นชื่อว่าการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ผมคงไม่ปฏิเสธว่า โทรฟี่แชมป์ คือสิ่งที่ผมปรารถนา แต่ผมเองคงจะโฟกัสไปที่การลงเล่นแบบนัดต่อนัด และทำผลงาน ณ ปัจจุบันให้ดีที่สุดซะก่อน แล้วค่อยมาดูกันว่ามันจะดีพอที่จะทำให้ทีมคว้าโทรฟี่แชมป์ได้รึเปล่า”

เมื่อพูดกันถึงโปรแกรมศึกโตโยต้า ไทยลีก นัดเปิดสนามที่ ไมเคิ่ล จะต้องเตรียมรับมือกับแนวรุกระดับพระกาฬของทัพ “กิเลนผยอง” ทั้ง “จาจ้า” แจ็คสัน อเวลิโน่ โคเอลโญ่, “AK9” อดิศักดิ์ ไกรษร หรือแม้กระทั่งกัปตันทีมชาติไทยชุดเล็กอย่าง เจนรบ สำเภาดี ตรงนี้เจ้าตัวยืนยันกับผมชัดเจนว่า ตนให้เกียรติคู่แข่งเสมอในฐานะทีมยักษ์ใหญ่ แต่ก็มั่นใจว่าเพื่อนร่วมทีมทุกคนจะสามารถรับมือได้ และไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง

“ผมรู้ว่าพวกเขา (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด) เป็นหนึ่งในทีมที่ใหญ่ที่สุดในไทย แต่ผมเองย้ำกับตัวเองเสมอว่า ผมพร้อมเสมอกับทุกๆ แมตช์ ผมพร้อมเสมอกับทุกๆ โอกาสที่เข้ามา ผมจะทำผลงานให้ดีที่สุด ผมมั่นใจในสปิริตของทีมเรา ยิ่งถ้าเราสามารถเอาชนะพวกเขาได้ตั้งแต่เกมแรก ผมมั่นใจว่าชัยชนะจะช่วยให้เพิ่มความมั่นใจ เพิ่มความฮึกเหิมให้กับนักเตะ รวมถึงแฟนบอล ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ทุกคน”

 

ปฏิกิริยา – ความคล่องตัว – ความว่องไว
การสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมที่ชัดเจน
การตัดสินใจที่เด็ดขาด
ลูกกลางอากาศที่ต้องไม่มีคำว่าพลาดอยู่ในสารบบ

 

นี่คือคุณสมบัติของการเป็นผู้รักษาประตูที่ดีเท่าที่ผมนึกออก ณ ขณะนั้น ซึ่งคุณสมบัติสามข้อแรกที่ผมคิดไว้ เป็นสิ่งที่ผมเองยังไม่เคยเห็นกับตาเกี่ยวกับ ไมเคิ่ล แต่ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ถึง 191 เซนติเมตร ทำให้ผมค่อนข้างมั่นใจ (มากๆ) ว่าคุณสมบัติข้อที่สี่อย่าง “ลูกกลางอากาศ” น่าจะเป็นจุดแข็งที่ทำให้ ไมเคิ่ล ฟาลเคสการ์ด พร้อมจะสร้างความมั่นใจให้กับเพื่อนร่วมทีมได้ชัดที่สุด

“ใช่ครับ ด้วยส่วนสูง 191 เซนติเมตร ผมคิดว่านี่คงเป็นหนึ่งในข้อได้เปรียบของผมในการรับมือกับลูกกลางอากาศ ผมเองก็หวังจะใช้ความได้เปรียบตรงจุดนี้ในการช่วยเพื่อนร่วมทีมให้มากที่สุด แต่คุณก็รู้ว่าการจะเป็นผู้รักษาประตูที่ดีนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ส่วนสูงเพียงอย่างเดียว ผมยังคงต้องเรียนรู้ และพัฒนาตัวเองอย่างหนักทั้งจากการฝึกซ้อม และการลงเล่นในทุกๆ นัด”

“ส่วนที่หลายๆ คนกังวลว่าผมเองอาจจะมีปัญหาเรื่องการพูดคุย การสั่งการในสนามกับเพื่อนร่วมทีม โดยเฉพาะในแนวรับ ตรงนี้ผมไม่กังวลเลยครับ ผู้เล่นในทีมเราหลายๆ คนเข้าใจ และพูดภาษาอังกฤษได้ค่อนข้างดี อีกอย่างผมคิดว่าฟุตบอลคือภาษาสากล ทุกๆ คนในทีมเราล้วนแต่หายใจเข้าออกเป็นฟุตบอล ก็เลยไม่รู้สึกกังวลครับ”

“ฟุตบอลไทยมีแทคติก และวิธีการเล่นที่หลากหลาย ผมมองว่าการปรับตัวคืออีกปัจจัยที่สำคัญมากๆ ผมเองก็หวังที่จะปรับตัวได้เร็ว พร้อมนำประสบการณ์จากเดนมาร์ก ทั้งในระดับสโมสร และทีมชาติมาช่วยทีมให้มากที่สุด”

 

 

ทุกคนรู้ดีว่าการก้าวไปติดทีมชาติเดนมาร์กในระดับเยาวชน ถือเป็นโพรไฟล์ชั้นหรูที่ทำให้นายด่านรายนี้เป็นที่จับตามองจากสโมสรทั่วทั้งเอเชีย โดยเฉพาะในไทยเนื่องจากเจ้าตัวมีเลือดเนื้อเชื้อไขความเป็นฟิลิปปินส์อยู่ครึ่งหนึ่ง ทำให้ ฟาลเคสการ์ด สามารถค้าแข้งในไทยลีกได้ในโควต้าอาเซียนนั่นเอง

และทันใดที่ ไมเคิ่ล เอ่ยคำว่าทีมชาติออกมา… สิ่งที่ผุดออกมาจากปากของผมต่อมาเลยก็คือ คุณตั้งเป้ากับการได้เล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะ ทีมชาติฟิลิปปินส์ ชาติที่มีอันดับฟีฟ่า-แรงกิ้งดีที่สุดเป็นอันดับสองของอาเซียน (อัพเดต 18 มกราคม 2561)

“ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าการลงเล่นให้กับทีมชาติฟิลิปปินส์ ชุดใหญ่ นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากการเดินทางที่ไกลเอามากๆ ราว 15 ชั่วโมงได้ เนื่องจากตัวผมเองเล่นอยู่ใน เดนมาร์ก แต่ตอนนี้ผมย้ายมาเล่นในไทยลีก ช่องว่างของการเดินทางมันก็แคบลง ผมอยากจะโฟกัสการทำผลงานกับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ให้ดีที่สุดซะก่อน ผมเชื่อว่าถ้าผมโชว์ฟอร์มให้กับสโมสรได้ดี และทางสมาคมฟุตบอลฟิลิปปินส์ติดต่อมา ผมเองก็คงไม่ปฏิเสธ และพร้อมรับใช้ทีมชาติฟิลิปปินส์อย่างแน่นอน”

 

 

“ผมดีใจ และรู้สึกดีมากๆ ที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากแฟนๆ โดยเฉพาะในวันนี้ ผมเชื่อว่าพลังใจ พลังเชียร์ ตลอดจนแรงสนับสนุนจากแฟนบอลทุกคนคือ แรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดของสโมสร ผมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อทำให้พวกคุณมีความสุขหลังจบซีซั่น”

 

และนี่คือคำสัญญาที่เจ้าตัวมีต่อแฟนบอล “แข้งเทพ”… ในฐานะคำตอบสุดท้ายของแนวรับ “ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด” ที่พร้อมจะเปลี่ยนคำว่า “CHANGE” ให้เป็นคำว่า “CHAMP”

“ไมเคิ่ล ฟาลเคสการ์ด”

 

“บก.เก้น”

 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้