รีเซต
สองเกม สองอารมณ์ : จากญี่ปุ่นถึงเมืองจีน และ "ช่องว่าง" ของทีมไทยใน ACL ... by "บีม ภควิชญ์"

สองเกม สองอารมณ์ : จากญี่ปุ่นถึงเมืองจีน และ "ช่องว่าง" ของทีมไทยใน ACL ... by "บีม ภควิชญ์"

สองเกม สองอารมณ์ : จากญี่ปุ่นถึงเมืองจีน และ "ช่องว่าง" ของทีมไทยใน ACL ... by "บีม ภควิชญ์"
kentnitipong
31 มกราคม 2561 ( 17:35 )
8.2K

BEAM : หลังสิ้นเสียงนกหวีดที่ เซี่ยงไฮ้ สเตเดี้ยม ก็เป็นอันแน่นอนแล้วว่าเราจะมีตัวแทนจากประเทศไทยแค่ทีมเดียว ที่มีโอกาสได้หลุดเข้าไปเล่นในศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม

 

 

ผมมีโอกาสได้ดูเกมรอบเพลย์ออฟของทั้ง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ผ่านทางการถ่ายทอดสด โดยเราคงทราบผลกันแล้วว่า “กิเลนผยอง” บุกไปโดน คาชิว่า เรย์โซล แผดเผา ในขณะที่ “กว่างโซ้งมหาภัย” สู้สุดใจก่อนพ่ายให้กับ เซี่ยงไฮ้ เอสไอพีจี ไปด้วยสกอร์ฉิวเฉียด

ในการที่จะบุกไปงัดกับทีมที่มีดีกรีสูงกว่า สองรูปแบบการเล่นที่มักจะถูกเลือกมาใช้คือ “เล่นให้รัดกุม” หรือ “เล่นแบบไม่มีอะไรจะเสีย”

“กิเลนผยอง” เลือกแบบแรกในการไปเยือนประเทศญี่ปุ่น ในขณะที่ “กว่างโซ้งมหาภัย” ไปเยือนเมืองจีนโดยเลือกที่จะทำแบบหลัง

ทั้งสองทีมใช้ “วิธีการ” ที่แตกต่างกันไป แต่สุดท้ายทุกอย่างก็จบลงด้วยเสียงชื่นชมจากแฟนบอลตัวเอง แม้ว่าจะไม่มีใครได้ไปต่อก็ตาม

 

 

เริ่มจาก “กิเลนผยอง” จัดชุดใหญ่ลงสนาม ขาดเพียง กวินท์ ธรรมสัจจานันท์ ที่เดินทางไปเบลเยี่ยมก่อนเพื่อน และ จาจ้า ที่เพิ่งย้ายเข้ามาไม่นานเป็นตัวสำรอง แต่ผู้เล่นระดับสตาร์อย่าง ธีรศิลป์ แดงดา และธีราทร บุญมาทัน นั้นยังลงรับภารกิจสุดท้ายกับทัพกิเลน โดยเป้าหมายมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นคือการส่ง เมืองทองฯ เข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มให้ได้

เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ลงเล่นเกมนี้ด้วยความรัดกุมไม่ผลีผลาม ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็กลับหลัง สถิติการครองบอลหลังเกมที่สูงถึง 48% และจ่ายบอลสำเร็จ 82% บ่งบอกความจริงข้อนี้ได้ดี

ในช่วงแรกเกมดำเนินไปด้วยความสูสี จนกระทั่งลางร้ายเริ่มมาเยือน เอสซีจี เมืองทองฯ เมื่อ เซลิโอ ที่ไม่สมบูรณ์ตั้งแต่ก่อนเกม เกิดอาการบาดเจ็บกำเริบ ต้องออกไปปฐมพยาบาลอยู่พักนึง และโดนเปลี่ยนตัวออกในที่สุด

เมื่อ เซลิโอ เล่นต่อไม่ไหว ก็ทำให้กุนซือ ธชตวัน ศรีปาน ต้องส่ง วัฒนา พลายนุ่ม ลงสนามมาผนึกกำลังกับ นุกูลกิจ ครุฑใหญ่ และ อดิศร พรหมรักษ์ ในแผนหลังสาม

แล้วประตูแรกที่ทาง เมืองทองฯ มาเสียก็เกิดจากการโดนตักข้ามหัวกองหลัง ก่อนจะปาดเข้ามาให้ “คริสเตียโน่” ซัดจ่อๆ เป็นประตู

ปีที่แล้วศูนย์หน้าชาวบราซิลที่ชื่อละม้ายคล้ายสตาร์ดังชาวโปรตุเกส ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นอิมพอร์ตที่ดีที่สุดคนนึงของแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งหากไม่นับผู้เล่นท้องถิ่น เขาคือผู้เล่นที่ขึ้นชาร์ตยิงประตู และแอสซิสต์มากที่สุด หลังกระหน่ำไป 12 ประตู และสร้างสรรค์โอกาสอีกถึง 10 ลูก นับเป็นเกือบครึ่งของประตูที่ คาชิว่า เรย์โซล ทำได้ในฤดูกาล 2017

จากที่ครึ่งแรกยังพอสู้กันได้ แต่ครึ่งหลังเหมือนหนังคนละม้วน โดยเฉพาะเมื่อโดนนำแล้วทำให้ทางฝั่งกิเลนผยองต้องเปิดช่องว่างระหว่างกองหลังกับผู้รักษาประตูมากขึ้น ทำให้ทาง คาชิว่าฯ ได้โอกาสอีกหลายครั้งจนเป็นที่มาของประตูที่สองจาก “คริสเตียโน่” เจ้าเดิม

รวมๆ ถือว่า เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เล่นได้ดีตามแท็กติก แต่มาดวงแตกในเรื่องของกองหลังที่ต้องแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ทำให้ต้องมาเร่งเอาคืน ก่อนจะแพ้ไป 3-0 แม้รูปเกมจะไม่ได้น่าเกลียดตามตัวเลขที่เห็น

ถ้าจะมีอะไรให้ติสำหรับ กิเลนผยอง ในวันนี้ ส่วนตัวแล้วขอชี้ไปที่การเล่นเกมรับที่ยังดูเบาเกินไปหน่อย หลายครั้งที่ เมืองทองฯ นั้นปล่อยให้ คาชิว่าฯ เล่นง่ายเกินไป และเมื่อไม่มีการขู่เจ้าบ้าน มันก็ทำให้ต้องโดนลงโทษในที่สุด สถิติการทำฟาวล์ที่น้อยกว่าเจ้าบ้านถึง 26-7 ครั้ง บ่งบอกความจริงข้อนี้ได้ดี

 

 

กลับมาดูอีกคู่นึง กับ “สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด” ที่ได้รับเสียงชื่นชมด้วยสไตล์การเล่นแบบ “กว่างจนตรอก” วิ่งสู้ฟัด ไม่มีอะไรจะเสีย

คือถ้าใครดูสองคู่ต่อกันจะรู้เลย สปีดบอลในการเข้าทำมันคนละแบบ คู่ เมืองทองฯ เหมือนหนังที่สร้างจากเรื่องจริง ในขณะที่คู่ เชียงรายฯ น่าจะถูกใจคอหนังแอ็คชั่นมากกว่า

ตลอดเกม “สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด” มีการครองบอลแค่ 34% ด้วยการเล่นบอลแบบฉาบฉวย ตัดได้ปุ๊บแทงบอลไปข้างหน้าปั๊บ จะเข้าเป้ามั้ยค่อยว่ากันอีกที ทำให้ทั้งเกมจ่ายบอลไป 240 ครั้ง สำเร็จแค่ 155 ที แต่ดูแล้วบอกได้ว่าบันเทิง

สิ่งที่เสียดายคือวันนี้เป็นวันที่ เคลตัน ซิลวา และกิลแบร์โต้ มาเชน่า ดันไม่เข้าฝักทั้งคู่ ไม่งั้นแล้วอาจจะมีลุ้นถึงต่อเวลาพิเศษ

ความโดดเด่นจึงมาตกอยู่กับแนวรับของกว่างโซ้งมหาภัย ไล่ไปตั้งแต่ ฉัตรชัย บุตรพรหม ที่เซฟสวยๆ ไปถึง 8 จังหวะ และกองหลังอย่าง วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ กับ อาทิตย์ ดาวสว่าง ที่รับผิดชอบหน้าที่ตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม

ที่จะขาดไปไม่ได้เลยคือคู่หูดาวรุ่งยู-23 อย่าง ชัยวัฒน์ บุราณ ที่รับบทวิงแบ็คซ้ายจำเป็นมาตั้งแต่เกมกับ บาหลี ยูไนเต็ด แล้ววันนี้ก็ยังทำได้อย่างไม่เคอะเขิน เมื่อเป็นนักเตะที่เข้าสกัดบอลสำเร็จมากครั้งที่สุดในสนามถึง 6 ครั้ง และ พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล ก็สามารถสร้างสรรค์โอกาสได้ 3 ครั้ง เท่ากับ ออสการ์ กองกลางกระเป๋าตุงชาวบราซิลของเจ้าถิ่น

 

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดที่เห็นจากทั้งสองเกมคือมันยังคงมี “ช่องว่าง” ที่รอให้ทีมประเทศไทยเติมเต็มในการก้าวขึ้นไปสู่ระดับที่สูงขึ้นไป

ผมยอมรับว่าถ้าเป็นใน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก แล้ว ผมพยายามเอาใจช่วยทุกทีมไทยในการลงแข่งขัน เพราะมันคือหมุดหมายที่ดีในการจะบ่งบอกว่าเราอยู่ในระดับไหนในเวทีระดับเอเชีย

เราเริ่มมีลีกที่แข็งแกร่ง มีโอกาสได้ลงเล่นเกมในระดับสูงมากครั้งกว่าเมื่อก่อน และทุกๆ การแข่งขันจะถูกนำมาใช้เป็นบทเรียนที่ต่อยอดให้ฟุตบอลสโมสรในไทยเติบโต

วันนี้เรายังก้าวผ่านช่องว่างนั้นไปไม่ได้ แต่ถ้าเรายังโตขึ้นในทุกๆ วัน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะได้มีตัวแทนจากประเทศไทยมากกว่าหนึ่งทีมใน ACL ซักทีครับ

 

“BEAM”

 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้