HEALTH : ผลงานของทีมฟุตบอลไทยในสภาวะ "อากาศหนาว" ... by "พี่หมอเอก"

พี่หมอเอก : หลังจากทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีเสร็จสิ้นภารกิจการแข่งขันชิงแชมป์เอเชียท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บที่ประเทศจีน หนาวขนาดที่ในรอบชิงชนะเลิศรายการนี้ระหว่าง อุซเบกิสถาน กับ เวียดนาม ต้องลงแข่งขันกันในสภาพสนามที่มีหิมะขาวโพลน และแสนจะหนาวเหน็บกันเลยทีเดียว

ถัดจากนั้นก็ถึงคิวของสองสโมสรฟุตบอลชั้นนำของเมืองไทยคือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ต้องเดินทางไปแข่งขันศึก เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2018 รอบคัดเลือกรอบสาม ท่ามกลางอากาศแสนหนาวเหน็บของประเทศญี่ปุ่นและประเทศจีนตามลำดับ

ผลงานของทั้งทีมชาติ และทีมสโมสรของเราทั้งสองทีมนั้นสะท้อนให้เห็นว่าการจะก้าวไปสู่ระดับเอเชียนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าหากเราได้มีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ก็น่าจะประสบความสำเร็จในระดับเอเชียแล้วก้าวต่อไปสู่ระดับโลกได้ เพราะคนไทยถ้าได้ตั้งใจทำอะไรแล้วไม่แพ้ชาติใดในโลกครับ

หลังกลับมาจากจีน ได้มีทั้งแฟนบอล ทั้งเพื่อนร่วมงานทักทายถามไถ่เรื่องอากาศหนาวเย็นที่จีนว่าหนาวขนาดไหน แล้วอากาศหนาวเย็นที่ว่านี้มีผลต่อร่างกาย และการเล่นบ้างหรือไม่ รวมถึงการเตรียมตัวสำหรับการลงแข่งขันในสภาพอากาศหนาวจัดแบบนั้นครับ

สำหรับข้อมูลทางวิชาการของการปรับตัวกับการออกกำลังกายในสภาพอาการที่สุดโต่งทั้งร้อนจัด หนาวจัด นั้นมีการศึกษาวิจัยมาเป็นเวลานาน และมีข้อมูลอยู่มากพอสมควร เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์เลือดอุ่นที่สามารถปรับอุณหภูมิร่างกายให้เข้ากับสภาพอากาศแวดล้อมได้เพียงช่วงแคบๆ แค่นั้น และการปรับตัวนั้นก็เพื่อปกป้องการทำงานของอวัยวะภายใน และเพื่อปกป้องชีวิตที่บอบบางของมนุษย์เท่านั้นครับ

การที่ต้องแข่งขันกีฬาที่มีการใช้ร่างกายอย่างมากแบบฟุตบอลนั้นถือเป็นการใช้งานร่างกายอย่างหนักบนสภาพแวดล้อมที่แค่การใช้ชีวิตแบบปกติยังลำบากจึงจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี

ในด้านการปรับสภาพร่างกายเข้ากับสภาวะแวดล้อมนั้นมีผลการศึกษาด้านสรีระวิทยาว่าในสภาพอากาศหนาวนั้นร่างกายจะปรับสภาพได้น้อยกว่าและไม่สามารถปรับตัวได้สมบูรณ์และดีเท่ากับการปรับตัวกับสภาพอากาศร้อนครับ

ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวเย็นนั้น ร่างกายของเราจะมีการตอบสนองเพื่อรักษาความร้อนและสร้างความร้อนในร่างกาย เช่นการสั่งงานให้มีขนลุก สั่น เกร็ง นั่นก็เพื่อทำให้เกิดความร้อนมากขึ้นจากการเกร็งกล้ามเนื้อ

มีอาการมือเท้าเย็นอันเนื่องมาจากร่างกายต้องทำให้เลือดอุ่นๆ ไหลเวียนไปที่อวัยวะภายในให้เพียงพอ…

มีเหงื่อออกน้อยลง ถึงแม้ว่าจะออกกำลังกายก็ตาม

แม้กระทั่งระบบภายในของร่างกาย เช่น ระบบการนำพลังงานไปใช้ในร่างกายก็จะมีการใช้พลังงานจากไขมันสะสม มีการสลายไขมันเพื่อใช้เป็นพลังงานมากกว่าที่ปกติมีการใช้พลังงานจากไกลโคลเจนซึ่งสะสมไว้ในกล้ามเนื้อ และตับนำมาเปลี่ยนเป็นน้ำตาลซึ่งมีอินซูลินเป็นตัวนำเอาน้ำตาลเหล่านั้นเข้าไปใช้เผาผลาญในเซลล์ เนื่องจากในสภาพอากาศหนาวนั้นอินซูลินจะถูกทำให้ปล่อยออกมาน้อยลง อาจน้อยถึงประมาณครึ่งหนึ่งของภาวะปกติ

กรณีนี้ หากไม่มีการเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนมาทำการแข่งขันในอากาศหนาวจัดก็จะส่งผลให้เกิดอากาศหมดแรง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นตะคริว ปฏิกิริยาตอบสนองช้าลง บาดเจ็บได้ง่ายขึ้น

ดังที่เราจะสังเกตได้ว่านักฟุตบอลหลายๆ คนที่มีการปรับสภาพร่างกายได้น้อย จะมีการเคลื่อนไหวช้า ตอบสนองช้า หรือบางครั้งก็อาจบาดเจ็บได้ง่าย จากที่เล่นดีๆในสภาพอากาศที่คุ้นเคยกลายเป็นฟอร์มหดหายไปดื้อๆ เลยครับ

ดังนั้นการเตรียมสภาพร่างกายก่อนเดินทางไปทำการแข่งขัน การเตรียมการเรื่องโภชนาการเพื่อการทำงานของร่างกายที่เปลี่ยนไป รวมถึงการเดินทางไปถึงก่อนลงแข่งขันเพื่อให้ร่างกายมีการปรับสภาพประมาณ 48-72 ชั่วโมงก็เป็นส่วนสำคัญ

จะเห็นว่านอกจากเรื่องความสามารถของนักกีฬาและการวางแผนการเล่นของโค้ชแล้ว ความรู้ความเข้าใจทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์การกีฬามีความสำคัญไม่แพ้กันเลยทีเดียวครับ

ดังนั้นการจะก้าวไปสู่ระดับเอเชียได้นั้นเราจำเป็นที่จะต้องมองให้รอบด้านเพื่อการพัฒนายกระดับให้ทัดเทียมประเทศอื่นๆ ได้ครับ

“พี่หมอเอก”

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports