รีเซต
TRUE OPINIONS : Thai League World 1st "เข็นครกออกจากอก" ... by "ต็อกตั้ม พรรษิษฐ์"

TRUE OPINIONS : Thai League World 1st "เข็นครกออกจากอก" ... by "ต็อกตั้ม พรรษิษฐ์"

TRUE OPINIONS : Thai League World 1st "เข็นครกออกจากอก" ... by "ต็อกตั้ม พรรษิษฐ์"
kentnitipong
14 กุมภาพันธ์ 2561 ( 10:28 )
543

“เข็นครกขึ้นภูเขา” …

 

 

เรื่องเล่าโบราณนานนม นิยามไว้สำหรับสถานการณ์งานที่ยากลำบากยิ่ง ต้องใช้ความพยายามและอดทนอย่างมาก เพื่อจะทำให้สำเร็จหลายบริบท เปรียบเปรยไปถึงสถานการณ์ที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยก็มี ดังนั้นหากคุณกลายเป็นคนที่รอบข้างมองว่าจะสนับสนุนปลุกปั้นก็ยากราว “เข็นครกขึ้นภูเขา” แล้วละก็… มันไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

“ยกภูเขาออกจากอก”

เป็นสำนวนหมายถึงภาวะหมดวิตกกังวล ปลดเปลื้องภาระที่หนักอกหนักใจให้หมดไป ลดทอนความกดดันได้สำเร็จ

เปิดฉากไปแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับสัปดาห์แรกของศึก“ไทยลีก 2018” การกลับมาของลีกสูงสุดของบ้านเรา ทุกคู่ทุกโปรแกรม นักเตะใหม่ป้ายแดงของแต่ละทีมต่างลงโชว์ฟอร์มกันเต็มที่โดยเฉพาะกองหน้าที่พากันยิงกระจาย ชนะเป็นไปตามคาดบ้าง แพ้พลิกล็อกบ้าง แพ้อย่างน่าเบื่อซ้ำๆ ก็เกิดขึ้นอีกจนกลายเป็นภาพประจำไม่ต้องเดาก็ทายได้

เดือดทุกสังเวียน

น่าจะเป็นคำนิยามที่ลงตัวกับเกมไทยลีกนัดประเดิมสนามในปีนี้ เพราะทุกทีมต่างเอาจริงเล่นเพื่อสิ่งที่ต้องการ ทีมเป็นต่อมั่นใจว่าเหนือกว่าก็ไล่ล่าด้วยพลกำลังเพื่อเป้าหมาย 3 คะแนน ขณะที่ทีมรองเท่าที่ผ่านสายตาตัวเองเห็นได้ชัดเจนในสัปดาห์แรกว่าพวกเขานำด้วยระเบียบวินัย เล่นตามแทคติก ทั้งเกมหนักที่อัดกันโหดแทบทุกสนามเกมบริหารเวลาหรือการทำลายเกมฝั่งตรงข้ามต่างงัดมาใช้ตั้งแต่หัววันเรื่องถอดใจยังไม่เห็นผ่านตา

 

 

ส่วนเหตุผลที่ซ่อนอยู่ในความเดือดทุกสังเวียนคงไม่ต้องสืบค้นอะไรมากนัก หลักแท้ประการสำคัญไม่พ้นการตกชั้น 5 ทีม ไม่มีเวลามานั่งบิ้วเจรจากันมากนักทุกคะแนนสำคัญการแข่งขันมันสูงมาก ทีมใหญ่เจอทีมเล็กเกมจะออกมาเคี่ยวกว่าปกติ เพราะทีมเล็กเองก็ไม่อยากแพ้การงัดทุกกลเม็ดมาเพื่อแบ่งแต้มจะเกิดขึ้นทุกสนามยิ่งทีมรองบ่อนเล่นในบ้านด้วยแล้ว

ในมุมกลับทีมใหญ่ก็ต้องเน้นมากขึ้นเป็นพิเศษบุกหนักขึ้นเพื่อสามคะแนนที่เด็ดขาดเพราะหากปล่อยให้ยืดเยื้อมันจะจบยาก ทีมระดับกลางที่อาจจะรอดตัวสบายๆในอันดับ 13 – 14 – 15 จากปีก่อนๆ ปีนี้ปล่อยสบายค่อยเร่งในครึ่งฤดูกาลหลังคงไม่ทันกิน ดังนั้นใส่กันยับ

ภาพน่าประทับใจ

ถือเป็นเรื่องดีที่กลับให้ชื่นใจอีกครั้งในรอบหลายปี ภาพน่าชื่นใจที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา นครราชสีมา เมื่อเหล่าแฟนบอล “โคราช สวาทแคท” รวมใจกันกลับสู่สนามเรือนหมื่นอีกครั้ง (10,878 คน) ในเกมนัดเปิดฤดูกาลพบ บางกอกกล๊าส เอฟซี ซึ่งแรงเชียร์ก็ส่งให้ “แมวสีสวาด” ตัวนี้พลิกเอาชนะทีมเต็งได้ในเกมเปิดสนามได้สำเร็จ

 

 

 

ภาพนี้ถือว่าห่างหายไปกว่า 2 ปีเต็มๆ จากความจุของสนาม 24,641 ที่นั่ง กลับมียอดเฉลี่ย 5,613 คนเท่านั้น บ้างว่ามาจากการบริหารทีมที่ไม่ตรงใจจนแฟนๆ ไม่พอใจ ส่วนอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงก็ไม่อาจทราบได้ แต่สิ่งที่ออกมาเหมือนกันคือผลงานทีมไม่ดีขึ้นกลายเป็นเพียงทีมเอาตัวรอด

หวังว่านัดต่อๆไปแฟนบอล “โคราช” เข้ามาล้นสนามกันนานๆ นะครับจากประสบการณ์ส่วนตัวหากไม่ใช่ทีมที่ศักยภาพห่างจริงๆ ส่วนมากจะไปได้สวยหากมีแฟนบอลในสนามหนุนหลังมากๆ

เช่นกันกับ “การท่าเรือ” ที่เปิดบ้านถล่ม พัทยา ทีมซึ่งจบในอันดับสูงกว่าพวกเขาเมื่อฤดูกาลก่อน เกมนี้ถือเป็นเกมเปิดตัวทีมใหม่รวมทั้งนักเตะใหม่คนดูเลยมาแน่นขนัดจากสนามขนาด 7,000 ที่นั่ง แฟนบอลเข้ามาอัดแน่นถึง 6,517 คน ขาดไปเพียงแค่พื้นที่อัฒจันท์ที่เว้นว่างระหว่างกองเชียร์ 2 ทีม

 

 

ซูเปอร์สตาร์เหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้ “สิงห์เจ้าท่า”ทั้ง ดราแกน บอสโกวิช, นูรูล ศรียานเก็ม เช่นกันกับอดีตนักฟุตซอลที่โตมากับการท่าเรืออย่าง บดินทร์ ผาลา สร้างความแตกต่างได้อย่างยอดเยี่ยม แม้รวมๆ แล้วจะมาจากคามสามารถเฉพาะตัวกันเยอะยังไม่เห็นการประสานงานหรือระบบทีมที่ชัดเจนแต่เอาเถอะจ่าฝูงจบ คิดเสียว่านัดแรกคงยังไม่ลงตัว

เรื่องน่าผิดหวัง

ในเกมนัดเปิดสนามโดยปกติแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นประจำนั่นคือความไม่ลงตัวทั้งรูปแบบการเล่น รวมทั้งสภาพร่างกาย ไหนจะผู้เล่นใหม่ที่ยังไม่เข้าที่ ทว่าโดยมากปัญหาที่ค้างขามาจากปีก่อนๆ มักจะคลี่คลายไปในช่วงต้นของฤดูกาล ซึ่งมันก็เหมือนกันการทำงานทั่วไปที่ต้องนำปัญหาจากโครงการก่อนมาเร่งแก้เพื่อโครงการใหม่ที่ออกมาจะได้ไม่เจ็บซ้ำๆ วนไปมา

ทว่าเรื่องดังกล่าวไม่เกิดขึ้นในสนาม “ทรู สเตเดี้ยม” กับผลงานของ “ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด” โอเคหล่ะสกอร์ที่ออกมาแพ้ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในบ้าน 2-3 มันอาจจะเข้าใจได้ อย่างน้อยก็แพ้ทีมที่ชื่อชั้นเหนือกว่าไม่ได้เป็นเรื่องเสียหาย หรือพลิกล็อกอะไร

 

 

ทั้งนี้หากคุณได้ชมเกมตลอด เรื่องดังกล่าวไม่สอดคล้องเลยสักนิด เหล่าผู้เล่นใหม่ที่ลงมาประเดิมทำหน้าที่ได้น่าชมทีเดียว โดยเฉพาะ เอเวอร์ตัน ในแนวรับ การเล่นในบ้านนำ เมืองทองฯ ที่ศักยภาพลดลงจากปีก่อนชัดเจนด้วยเหตุผลเรื่องตัวผ้เล่น นำไกลถึง 2-0 กลับโดนตะบันซัดไม่เลี้ยงถึง 3 ประตูรวด ชนิดได้แต่ป้องปัดแทบไม่มีโอกาสได้สวน

ภาพพื้นที่ริมเส้นที่โดนโหมกระหน่ำแบบไม่ได้โงหัวไหนจะสถานการณ์ที่ “แบ็ก” โดนรุมกินโต๊ะครั้งแล้วครั้งเล่า มีเพียงกลางตัวรับที่ต้องทิ้งพื้นที่รับผิดชอบไปช่วยรองไม่เห็นแววผู้ช่วยหลักอย่ากลางริมเส้นมาสกรีนเตือนภัย… สุดท้ายทั้ง 2 ตำแหน่งก็พัง

ไม่แปลกเลยที่โอกาสจบสกอร์ส่วนใหญ่และ 3 ประตูของ “เมืองทอง” ในเกมนี้มาจากพื้นที่ริมเส้นนั่นแหละ

แถมมาตลอดจนครบ 90 นาทีเสียด้วย เจาะจนชนะ เจาะจนแบ็กขวาตัวจริงต้องเป๋ออกจากสนาม ซึ่งเรื่องนี้มันก็เรื่องเดิมๆ จากที่เราเห็น ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด เป็นมาหลายปีนั่นคือเกมรับ

เกมที่บอลถึงผู้รักษาประตูบ่อยมากทั้งการบุกของคู่แข่ง และส่งหลังแถมเกมที่แนวรับต้องทำงานหนักแทบตลอด

เกมที่ยิงได้ 2 ประตูแล้วไม่มีแต้ม ใช่ครับแฟน “แข้งเทพ” รู้ดีถึงเรื่องมันเกิดขึ้นบ่อยแม้แต่เกมสำคัญอย่างรอบชิงฟุตบอลถ้วย หรือเกม เพลยออฟ ระดับทวีป หลายครั้งพวกเขาไม่สามารถปิดเกมจากโอกาสที่เหนือกว่าได้

 

 

งานนี้นอกจากไปชื่นชมคู่แข่งที่ทำได้ยอดเยี่ยมคงต้องกลับมาพิจารณากันแล้วว่าอะไรคือปัญหาที่แท้จริง แผงเกมรับ ผู้รักษาประตู หรือวิธีเล่นวิธีปรับเปลี่ยนการเล่นระหว่างเกม ไหนจะภาพการสื่อสารที่สับสนจากการเปลี่ยนตัวคนที่ 2 สัญญาส่งมาที่ สุมัญญา ปุริสาย ออก กษิดิษ ซีกฮาร์ด แทนที่ จุดนี้ไม่ขอก้าวล่วงแทคติกของทีม

ทว่าภาพที่ออกมา สุมัญญา บอกทีมว่าเขาเล่นได้ ขณะที่ ปกเกล้า อนันต์ มีอาการบาดเจ็บ ทุกอย่างดูสับสน ต่อหน้าทีมงานแข้งเทพอย่างน้อย 4 คนในบริเวณนั้น เช่นกันกับผู้ตัดสินที่ 4 เกมหยุดเดินอยู่พักใหญ่สุดท้าย สุมัญญา เดินออกไปตามป้ายเปลี่ยนตัว ด้วยท่าทางงงๆ ทั้งนี้ต้องชื่นชมว่าเขาทำถูกแล้วเพราะต่อให้อะไรจะเกิดขึ้นในสนาม เมื่อมีการเปลี่ยนตัวคุณออก และไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงในฐานะนักเตะ คุณต้องเคารพป้ายนั้นไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่

จุดนี้คงต้องอธิบายเพิ่มเพราะคุณผู้ชมผู้อ่านอาจเข้าใจผิดว่าหากส่งเอกสารเปลี่ยนตัวแล้ว ป้ายชูขึ้นมาแล้วต้องเปลี่ยนตามนั้น แต่จริงแล้วไม่ใช่ การเปลี่ยนตัวจะเสร็จสิ้นเมื่อคนในสนามเดินออกมาแล้วตัวเปลี่ยนวิ่งลงไปโดยมีผู้ตัดสินอยู่ในเหตุการณ์อนุญาต

ดังนั้นจังหวะของ “สุมัญญา” หากเขายืนกรานไม่เดินออกไปแล้วทีมงานดึงตัว “กษิดิศ” ออกมาพร้อมแจ้งผู้ตัดสินที่ 4 ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงจากเหตุผลอะไรก็ว่าไปก็สามารถทำได้ เต็มที่จะโดนเล่นงานเรื่องถ่วงเวลาคาดโทษได้เท่านั้น แต่ในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั่นแปลว่าทีมต้องการเปลี่ยนตัวครั้งนี้ ซึ่งผลที่ออกมาตามที่เห็นกลาง “บียู” ต้านเมืองทองไม่ไหวราวเล่นด้วยจำนวนคนน้อยกว่าถือว่าเป็นผลการแข่งขันที่น่าผิดหวังเลยทีเดียว

เรื่องน่าประหลาดใจ

เรื่องน่าประหลาดใจที่สุดของฟุตบอลไทย ขอเลือกข่าว การท่าเรือ เอฟซี ขอความร่วมมือแฟนบอลสิงห์เจ้าท่า ไม่เดินทางไปชมเกมที่ เอสซีจี สเตเดียม ที่สโมสรเตรียมบุกไปเยือน เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในโตโยต้า ไทยลีก วันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้

 

 

เหตุผลเพราะทั้งสองทีตะลุมบอนกันหลายครั้งหนักขนาดมีคนเจ็บพักนานครึ่งปีก็มีมาแล้ว และเกรงจะเกิดเหตุซ้ำรอย จึงออกโรงขอความร่วมมือสาวกของทีมไม่เดินทางไปเชียร์ แต่จะมีการตั้งจอยักษ์เชียร์ทีมรัก ที่แพท สเตเดียม โดยมีอาหาร และเครื่องดื่มไว้รับรอง

แบบนี้แปลว่ารับสภาพว่าแก้ไข หรือป้องกันไม่ไหแล้วใช่ไหมหนอ ยิ่งอ่านท้ายหนังสือขอความร่วมมือที่ลงชื่อมาดามแป้ง คัดท้ายด้วยแล้ว

สโมสรฯ จึงใคร่ขอความร่วมมือจากแฟนบอลสิงห์เจ้าท่าทุกท่าน ปฎิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยที่กำหนดไว้ โดยงดเว้นการเดินทางไปร่วมชม และเชียร์การแข่งขันระหว่างทีมการท่าเรือ เอฟ.ซี. และทีมเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ในวันเสาร์ที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ ทั้งนี้สโมสรได้เตรียมพื้นที่สำหรับแฟนบอลท่าเรือที่ต้องการชมการถ่ายทอดสดในวันดังกล่าว ณ สนามแพท สเตเดี้ยมไว้แล้ว

สโมสรหวังอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกท่านด้วยดีเหมือนเช่นเคย

ด้วยรัก
มาดามแป้ง “นวลพรรณ ล่ำซำ”
ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟ.ซี.

 

ยังไงก็เลิกตีกันเถอะครับเห็นแล้วเจ็บแทน เสียดายโอกาสได้ดูเกมดีๆ

 

ขอแสดงความยินดี

สุดท้ายเรื่องที่ดีมากจนอดแสดงความยินดีไม่ได้นั่นคือการกลับมาของ เจนรบ สำเภาดี เพื่อให้เห็นภาพขอเล่าเรื่องตรงๆ ในรอบปี 2017 ที่ผ่านมาหากเราจะหากองหน้าทีมชาติไทยที่โดนกร่นด่า แซะ ล้อเลียนมากที่สุดในประเทศ คงไม่มีใครเบียด เจนรบ ไปได้ ทั้งๆ ที่เขาเป็นกัปตันทีมพาทีมชาติไทยได้เหรียญทองซีเกมส์ ที่มาเลเซีย

 

 

ทว่าในสีเสื้อ “บีอีซี เทโร” เขาแทบไม่มีโอกาสโดยเฉพาะศูนย์หน้า จากนักเตะแถวหน้าของรุ่นกลายเป็นนักเตะร้างสนามขาดเกินไปเรื่อยในสีเสื้อทีมชาติ แน่นอนเสียงเรียกหากองหน้าคนใหม่ที่ไม่ใช่เขาดังขึ้นแทบทุกเกมจากแฟนๆ ในโลกออนไลน์ สื่อเองก็จิกกัดกันยับ

จนสุดท้ายเรื่องดูเงียบๆ ลงไปเมื่อประธานเทคนิคของสมาคมฟุตบอลฯ ยืนยันว่านี่กองหน้าที่ดีที่สุดในรุ่นอายุนี้ ทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ตกรอบแรกชิงแชมป์เอเชีย ทุกสายตาจับจ้องเรียกร้องความรับผิดชอบไปที่โค้ช โซรัน ยานโควิช แทนที่นักเตะคนใดคนหนึ่ง

จบฤดูกาลท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ เอสซีจี เมืองทองฯ ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน ไปญี่ปุ่น นักเตะมากหน้าหลายตาสลับสับเปลี่ยนเข้าออกทีม หนึ่งในนั้นคือ “เจนรบ” ผมยังจำได้กับมุกตลกเสียดสีว่า อนาคตของเมืองทองฯ อยู่ในมือของ เจนรบ และก็ สิโรจน์ ฉัตรทอง พร้อมด้วยเสียงหัวเราะ และคอมเมนท์แบบโหดร้ายสุดๆ เป็นคำปรามาสที่รุนแรงราวกับทั้งคู่ถูกฟันธงไปแล้ว ว่าเอ็งมันก็แค่ “ครก” ที่ไม่มีทางขึ้นสู่ยอดเขาได้หรอกแม้ว่าใครจะพยายามเข็นก็ตาม

แน่นอนจากผลงานที่ออกมานักเตะทั้ง 2 คนเถียงได้ยาก และช่องทางเดียวที่จะเถียงได้นั่นคือผลงานในสนาม

เมื่อนัดแรกมาถึง สิโรจน์ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครึ่งแรกผ่านไปอย่างรวดเร็ว “แข้งเทพ” ขึ้นนำพร้อมรูปเกมที่เล่นเข้าตานัก ทางแรกที่โค้ช ธชตะวัน ศรีปาน เลือกใช้คือดึง สิโรจน์ ออก เจนรบ ลงมาแทนที่ในตำแหน่งเดียวกันในฐานะตัวรุกริมเส้นด้านขวาแต่ที่ต่างออกไปคือ เจนรบ หาโอกาสเข้ากรอบเขตโทษบ่อยครั้ง เช่นกันกับความมั่นใจไปกับบอล บวกปะทะ เต็มไปด้วยความหิวกระหายเพื่อสร้างผลงาน

ประตูแรกของเขาเป็นหลักฐานที่ดีเพื่อยืนยันว่า เด็กคนนี้ซ้อมมาหนัก และมีทักษะที่ยอดเยี่ยม การวิ่งเลี้ยงไลน์ อ่านจังหวะที่ได้เปรียบบวกกับการตัดสินใจยกบอลข้ามผู้รักษาประตูเช็ดคานเข้าไป พาทีมไล่มา 1-2 ทั้งๆที่เพิ่งตกเป็นรอง 0-2 ไม่กี่นาทีเท่านั้น เชื่อหรือไม่ ไม่ว่ากันการเล่นแบบนี้หากเป็นนักเตะไม่มีทักษะรับรองมีข้ามคานไม่ได้ลุ้น หรือยิงติดประตูเป็นเรื่องปกติ

ประตูที่ 2 และ 3 บางคนอาจจะมองว่าง่ายๆแต่นี่คืออีกสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับตำแหน่งกองหน้านั่นคือทำยังไงจะไปอยู่ถูกที่ถูกเวลาให้บอลผ่านมาแล้วยิงเป็นประตูได้ เพราะไม่ว่าเพื่อนจะเปิดแม่นแค่ไหน เพื่อนจะดึงกองหลังไปไกลเท่าใด หากคุณไม่พาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ทำประตู ยังไงก็ไม่มีสกอร์

ยิ่งสีหน้าที่เขาแสดงออกมาทั้งสามประตูมันไม่ต่างอะไรจากคนที่กดดันมากๆแล้วทำสำเร็จได้ตามเป้าหมายโดยเฉพาะประตูแฮตทริก เหมือน “ภูเขาที่ทับอก”จนหายใจไม่เต็มปอดมาร่วมปี เจ้าตัวได้ถีบมันออกไปแล้ว

 

 

เอาเป็นว่าขอแสดงความยินดีกับเจ้าตัวอีกครั้ง ทว่าทางทีดีขอให้รักษาฟอร์มดีๆ แบบนี้ไว้นานๆ เพราะเจ้าตัวคงทราบดีว่ามีอีกหลายฝ่ายพร้อมซ้ำหากเขาพลาดอีกครั้ง หรือทำอะไรให้เป็นที่หมั่นไส้ได้ ทางที่ดีขออนุญาตชี้นำว่ามุ่งเน้นที่ผลงานในสนามเป็นดีที่สุด เพราะ “การกระทำเสียงดังกว่าคำพูดเสมอ”

 

“ต็อกตั้ม”

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้