รีเซต
TRUE FOCUS : สิ่งที่ผมได้เห็นจากเกม บุรีรัมย์ บุกเจ๊า ยักษ์ใหญ่ถึงแดนมังกร ... by จอน

TRUE FOCUS : สิ่งที่ผมได้เห็นจากเกม บุรีรัมย์ บุกเจ๊า ยักษ์ใหญ่ถึงแดนมังกร ... by จอน

TRUE FOCUS : สิ่งที่ผมได้เห็นจากเกม บุรีรัมย์ บุกเจ๊า ยักษ์ใหญ่ถึงแดนมังกร ... by จอน
armcasanova
15 กุมภาพันธ์ 2561 ( 10:57 )
18.9K

นัดแรกของฟุตบอลแบบทัวร์นาเมนต์ มันไม่มีอะไรง่าย และยิ่งเป็นเกมเยือนด้วย ก็ยิ่งยากไปอีกเท่าตัว แต่สิ่งที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ทำให้เห็นเมื่อวาน กับ 1 แต้มสุดล้ำค่าจาก เทียนเหอ สเตเดี้ยม มันทำให้แฟนบอลต่างก็ประทับใจ อะไรที่ว่ายาก หากตั้งใจทำ มุมานะ บวกกับการวางแผนที่ดี มันก็อาจจะไม่ได้ยากขนาดนั้น

การกลับมาครั้งแรกในรอบ 2 ปี ของ “ปราสาทสายฟ้า” หลังเว้นว่างไปรักษาบาดแผลจาก เอซีแอล
พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น แม้กับทีมเต็งอย่าง “กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์” ก็ยังเปิดบ้านล้มไม่ได้
และนี่คือสิ่งที่ผมได้เห็นจากเกมเมื่อวาน…

  • เปิดฉากไม่ดี เสียประตูเร็ว จนเกือบคิดว่าไม่น่ารอด

กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ เริ่มเกมได้สมราคาเต็ง และความเป็นอดีตแชมป์เก่า 2 สมัยใน 5 ปีหลังสุดของถ้วยใบเขื่องใบนี้ ถึงแม้ซูเปอร์ลีกของจีนยังไม่เปิดฤดูกาล แต่การที่พวกเขาเล่นเกมอุ่นเครื่องกับทีมดังของยุโรปอย่าง บรอนด์บี้ (เดนมาร์ก), เซนิตฯ (รัสเซีย), โคเปนเฮเก้น (เดนมาร์ก), มิดทิลแลนด์ (เดนมาร์ก) และ สลาเวีย ปราก (สาธารณรัฐเช็ก) ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา นั่นหมายถึงว่า การเตรียมความพร้อมล่าแชมป์สมัยที่ 3 มันเต็มเหนี่ยวสุดๆ

ลูกทีมของ ฟาบิโอ คันนาวาโร ตำนานนักเตะทีมชาติอิตาลี บดขยี้ บุรีรัมย์ ตั้งแต่ต้นจนแทบไม่ได้พัก และได้ประตูออกนำไปอย่างรวดเร็วจากลูกโหม่งของ ริคาร์โด้ กูลาร์ต ในนาทีที่ 16 โดยก่อนหน้านั้นเพียง 1 นาที กว่างโจว เกือบได้ประตูขึ้นนำไปก่อนแล้ว จากลูกที่ กูลาร์ต แทงทะลุช่องแนวรับให้กับ อลัน แนวรุกเพื่อนร่วมชาติบราซิล หลุดเข้าไปยิงทางกราบขวาของกรอบเขตโทษ แต่บอลเหินข้ามคานไป

1-0 อย่างรวดเร็ว บนสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าประเทศไทย 10 กว่าองศา ในเกมเยือนที่มีแฟนบอลเข้ามาเชียร์เจ้าบ้านเกือบ 30,000 คน และด้วยรูปเกมที่ถูกเพรสซิ่งเร็ว จนทำให้นักเตะบุรีรัมย์ เกิดอาการเกร็งอย่างเห็นได้ชัด การจ่ายบอลเกิดอาการขาดๆ เกินๆ ต่อบอลไม่ได้ในช่วงแรก ผมเชื่อว่า วินาทีนั้น ใครๆ ก็ต้องคิดว่า บุรีรัมย์ ไม่น่ารอดจากความพ่ายแพ้ในเกมนี้…

  • จบครึ่งแรกที่ 0-1 และการแก้เกมสุดเฉียบ

แม้จะโดนนำเร็ว และโดนบุกเข้าใส่ต่อเนื่องทั้งภาคพื้นดินจากความสามารถเฉพาะตัวของ อลัน บวกกับการโจมตีทางอากาศของ กูลาร์ต แต่ที่น่าชื่นชมเลยก็คือ การคืนสติสมาธิได้เร็ว และการยืนคุมเกมรับของสามประสานอย่าง ประวีณวัช บุญยงค์, อันเดรส ตูเญซ และ พรรษา เหมวิบูลย์ ที่ยังทำหน้าที่ของตนเองได้ดี บวกกับการเซฟที่เชื่อใจได้ของ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ก็ทำให้การตามหลังเพียง 1 ประตู ตอนจบครึ่งแรก ยังคงเหลือความหวังการมีแต้มกลับบ้านอยู่

“ไม่ร้อนรนตามผลสกอร์ถูกนำ เสียแล้วก็แล้วไป และไม่สูญเสียสมาธิจนต้องสังเวยประตูที่สอง”

เมื่อตามหลังแค่ 1 ประตู เริ่มต้นครึ่งหลัง โบดิซาร์ บันโดวิช ก็เลยแก้เกมทันทีด้วยการส่ง เอ็ดการ์ ซิลวา หัวหอกร่างโย่งลงสนามมาแทนที่ของ “เจ้าเช็ค” สุภโชค สารชาติ และนั่นคือหมากอันแหลมคมของเขา

ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา บันโดวิช เพิ่งทำให้เกมครึ่งหลัง เปลี่ยนจากไปคนละทิศมาแล้ว ในการเปิดหัวไทยลีกด้วยการชนะ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 2-1 ด้วยการถ่าง ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ ออกด้านข้าง เพื่อให้ห่างจาก โจเอล ซามี่ ปักหลักกับเอ็ดการ์ ซึ่งทำให้ พื้นที่ซ้ายขวาของ ซามี่ โจเอล กองหลังราชบุรี มีช่องโจมตี จนเกิด 2 ประตูนำมาซึ่งชัยชนะ

เกมเมื่อวานก็เช่นกัน เขาแก้หมากได้ยอดเยี่ยม การส่งเอ็ดการ์ลงมาพิงบอล เก็บบอลในแดนหน้า จ่ายบอลออกข้าง หรือพาบอลไปเองในบางจังหวะ นั่นคือความคิดที่ถูกต้อง และก็เป็นตัวเอ็ดการ์เองเนี่ยแหละ ที่ทำให้ทีมได้ฟรีคิก จนนำไปสู่ประตูตีเสมอ 1-1

  • เกือบหักคออดีตแชมป์คาแดนมังกร

ลูกแตะลอดขาสุดเหนือชั้นของ จักรพันธ์ แก้วพรม
ลูกโหม่งชนคานของ ศศลักษณ์ ไหประโคน
ลูกลากบอลทะลุกินแดนจนเข้ามาในกรอบเขตโทษ ก่อนซัดไปติดนายทวารของ เอ็ดการ์

เหล่านี้ คือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลัง หลังจากที่ “เซราะกราว” ได้ประตูตีเสมอ นี่ยังไม่นับการโต้กลับสวยๆ อีกหลายครั้ง ซึ่งสุดท้ายการออกบอลในจังหวะสุดท้ายพลาดไป โดยเฉพาะการจ่ายของ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ ที่ยังไม่เฉียบขาดพอ ไม่เช่นนั้น เราอาจจะได้เห็น “ปราสาทสายฟ้า” คว้าสามแต้มกลับอีสานใต้ได้

การเปิดรังเหย้า เตรียมงานมาเพื่อชนะฉลองวาเลนไทน์ และตรุษจีนพร้อมกันของ กว่างโจว พวกเขาลืมไปเสียสนิทว่า หากนำแค่ 1 ลูก แล้วยิงลูกสองไม่ได้ ก็มีสิทธิ์โดนตีเสมอได้ทุกเมื่อ

ช่วงท้าย กลับกลายเป็นกว่างโจวที่ดูร้อนรน และพยายามใช้วิธีเดิมๆ นั่นคือลูกกลางอากาศในการโจมตี แต่บทเรียนที่มีของบุรีรัมย์ พวกเขารู้ว่าควรจัดการอย่างไร และแน่นอน การยืนคุมโซนที่ดี บวกความสูงใหญ่ของ อันเดรส ตูเญซ กับ พรรษา เหมวิบูลย์ ทำให้เก็บกินได้เกือบทั้งหมด

  • การสอบผ่านฉลุยของนักเตะใหม่ และ เหล่าลูกเจี๊ยบสายฟ้า

ยู จุน ซู เป็นนักเตะใหม่ที่แสดงผลงานได้ตามมาตรฐาน ไม่ได้ดีเว่อร์วัง แต่ไม่เลวร้ายเลยสักนิด ต้องดูกันยาวๆ ว่าเขาพร้อมจะเป็นตัวแทนโควตาเอเชียของ โก ซุน กิ ได้ดีแค่ไหน

แต่ในส่วนของ เอ็ดการ์ ซิลวา และ ประวีณวัช บุญยงค์ ต้องบอกเลยว่า สอบผ่านแน่นอน.. เอ็ดการ์ เป็นดาวยิงที่มีพิษสงรอบด้าน เขารอบจัด มีเทคนิคดี แม้จะยิงไม่ได้เป็นกอบเป็นกำเหมือน ชาช่า แต่ทว่าดูน่าค้นหา และมีมิติการทำเกมรุกที่เข้ากับเขาได้หลากหลาย ส่วน ประวีณวัช บุญยงค์ เขาไม่ใช่ “อ้วน สายฟ้า” ซะแล้ว เขาเรียนรู้แทคติกได้เร็ว และทำได้ดีทั้งสองเกมที่ได้โอกาส แน่นอน โอกาสสำหรับคนที่มีผลงาน มีให้เสมอที่ บุรีรัมย์

มากันที่เหล่าลูกเจี๊ยบสายฟ้า… ย้อนหลังกลับไปเมื่อสองปีที่แล้ว บุรีรัมย์ เปิดสนามในเอซีแอล 2016 ด้วยการพ่าย เอฟซี โซล 0-6 คาบ้าน ในเกมนั้น พวกเขามีดาวดังทั้งทีม ซึ่งนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงสนามในเกมวันนั้นคือ ชิติพัทธ์ แทนกลาง ที่อายุ 24 ปี แต่มาในวันนี้ พวกเขามีนักเตะที่เพิ่งผ่านการเป็นแชมป์ โค้กคัพ 2017 (ยู-19 ชิงแชมป์ประเทศไทย) ถึง 3 คน ลงสนาม นั่นคือ รัตนากร ใหม่คามิ, สุภโชค สารชาติ และ ศุภชัย ใจเด็ด (ตัวสำรอง) โดยมี “เจ้าพี” ศศลักษณ์ ไหประโคน อีกคนที่อายุเพียง 22 ปี

มันเป็นวันที่ได้แต้มจากทีมยักษ์ใหญ๋ในเอเชีย แบบที่มีนักเตะแห่งอนาคตลงสนามถึง 4 คน
มันเป็นวันที่แสดงให้เห็นว่า บุรีรัมย์ พร้อมที่จะสร้างปรากฏการณ์สนั่นเอเชียอีกครั้งแบบที่เคยทำได้เมื่อปี 2013

1 แต้มที่มีในวันนี้ มันสุดล้ำค่าจริงๆ
เหลืออีก 5 เกม ในบ้าน 3 นอกบ้าน 2 ที่ต้องเอาใจช่วยพวกเขา
หากอยากเห็นรอบเพลย์ออฟ เอซีแอล เกิดขึ้นในเมืองไทย 2 ปีติดต่อกันเป็นครั้งแรก….

“จอน”

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้