รีเซต
TRUE FOCUS : ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รีวิว : สัปดาห์ของทีมจาก อังกฤษ ... by "เต้ BlackPearl"

TRUE FOCUS : ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รีวิว : สัปดาห์ของทีมจาก อังกฤษ ... by "เต้ BlackPearl"

TRUE FOCUS : ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รีวิว : สัปดาห์ของทีมจาก อังกฤษ ... by "เต้ BlackPearl"
kentnitipong
17 กุมภาพันธ์ 2561 ( 15:05 )
824

เต้ BlackPearl : กลับมาลงสนามกันอีกครั้งสำหรับศึกฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2017-18 หลังจากพักไปร่วม 2 เดือน ตอนนี้การแข่งขันเดินทางเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ 16 ทีมสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการประกบคู่ออกมาก็มีคู่ให้แฟนบอลทั่วโลกได้ร้องซี๊ดกันหลายคู่ สัปดาห์นี้จึงขออาสามารีวิว 4 คู่แรกกันหน่อยว่ามันสะใจคอบอลแค่ไหน แต่ที่แน่ๆถูกใจแฟนบอลลีกเมืองผู้ดีแน่นอน

 

 

ยูเวนตุส – สเปอร์ส : “ไก่เดือยทอง” ไม่ยอมตาย!

 

ถือเป็นอีกคู่ที่เจอกันถูกคู่ถูกเวลา เจ้าบ้าน ยูเวนตุส ยังคงรักษามาตรฐานได้ดีเหมือนเช่นเคย แม้ในลีกปีนี้จะไม่ง่ายเหมือนปีก่อนๆ เมื่อ นาโปลี ยกระดับมาตรฐานขึ้นมาท้าชิงแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา แบบเต็มตัว

สำหรับทีม ม้าลาย ก่อนแข่งเกมนี้พวกเค้าชนะติดต่อกันมา 11 นัด แถม 7 นัดหลังสุดยังเก็บคลีนชีทได้ทั้งหมดอีกด้วย เรียกว่าฟอร์มของ บุฟฟ่อน และผองเพื่อน ท้าทายฝีตีนการซัลโวประตูของ แฮร์รี่ เคน เป็นอย่างยิ่ง

ส่วน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ช่วงขวบปีหลังพัฒนาผลงานของตัวเองขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยในรอบแบ่งกลุ่มยูซีแอลปีนี้ ถึงขั้นแซง เรอัล มาดริด คว้าแชมป์กลุ่ม H มาครองได้เลยทีเดียว แนวรุกโหด แนวรับแข็งปึ๊ก ขาดอย่างเดียวคือความสำเร็จที่จับต้องได้เท่านั้น

ในส่วนของเกมการแข่งขัน เจ้าถิ่นเริ่มต้นได้ดีกว่า แค่ 10 นาทีแรก ก็ซัดขึ้นนำไป 2-0 จาก 2 ประตูของ กอนซาโล่ อิกวาอิน (1 จุดโทษ) หลังจากนั้นสเปอร์ส เหมือนถูกปลุกให้ตื่น จนมาได้ แฮร์รี่ เคน ยิงตีไข่แตก หยุดสถิติไม่เสียประตูของ จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน ลงได้

แต่ก่อนหมดครึ่งแรกมีหนึ่งจุดเปลี่ยนของเกม เมื่อ อิกวาอิน มีโอกาสซัดจุดโทษทำแฮททริค แต่กลับซัดบอลไปชนคานดังสนั่น ส่งผลให้ครึ่งหลังสเปอร์สกลับมาได้สำเร็จ จากฟรีคิกของ คริสเตียน อีริคเซ่น ส่งให้ไก่เดือยทองบุกมาแบ่งแต้มได้สำเร็จ แถมได้ประตูทีมเยือนกลับไปอีก 2 ลูก

 

 

เกมหน้ากลับไปเล่นที่เวมบลีย์ บอกเลยว่าหนักแน่นอนสำหรับรองแชมป์เก่า เพราะหากย้อนดูเฉพาะการเล่นในบ้านของสเปอร์สในแชมเปี้ยนส์ลีกปีนี้ พวกเค้ากดคู่แข่งนัดละ 3 ประตู ไม่เว้นแม้แต่เรอัล มาดริด ก็โดนมาแล้ว

ส่วนประตูของแฮร์รี่ เคน สร้างสถิติเกิดขึ้นมากมาย อาทิ ยิงประตูในการลงเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 9 นัดแรกได้ 9 ประตู ถือเป็นสถิติใหม่ เหนือกว่าทั้ง โรนัลดินโญ่, ซิโมเน่ อินซากี้, ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา และ ดีเอโก้ คอสต้า โดยที่ 4 คนนี้ยิงได้ 8 ประตูจาก 9 นัดแรก นอกจากนี้ แฮร์รี่ เคน ยิงไปแล้วในซีซั่นนี้รวม 33 ประตูจากทุกรายการ มากกว่านักเตะทุกคนใน 5 ลีกใหญ่ เห็นฟอร์มแบบนี้หนาวแทนม้าลายจริงๆ

 

***********

 

บาเซิ่ล – แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : เรือใบไร้ปราณี

 

 

หลังจากทราบผลการจับสลาก ต้องบอกว่าเป็นความโชคร้ายจริงๆ ของ บาเซิ่ล ทีมจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ต้องจับสลากมาชนกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่หากกัปตันเรือสั่งบุก ก็พร้อมหันหัวเรือถล่มคู่แข่งแบบเอาตาย ซึ่งแน่นอนใน แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อคเอ้าท์แบบนี้ หากบุกฝังคู่แข่งได้ก็ต้องทำ

แค่ครึ่งแรก เรือใบสีฟ้า ก็กดไปเน้นๆแล้ว 3 ดอก จาก อิลคาย กุนโดกัน, แบร์นาโด้ ซิลวา และเซร์คิโอ อเกวโร่ ก่อนต้นครึ่งหลังจะมาได้จาก กุนโดกัน อีกลูก ปิดกล่องสำเร็จ 4-0 ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นจากอังกฤษทีมที่สร้างสถิติชนะเกมเยือนในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยสกอร์ห่างที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำลายสถิติเดิมของ ลิเวอร์พูล ที่เอาชนะ พีเอสวี 3-0 เมื่อปี 2006-07 (สถิติ ณ ขณะนั้น เดี๋ยวพูดถึงหงส์แดงต่อข้างล่าง) ถึงตรงนี้โอกาสเข้ารอบของเรือใบสีฟ้าต้องบอกว่าสดใส

แข้งที่ต้องชมในเกมนี้ คงหนีไม่พ้น อิลคาย กุนโดกัน มิดฟิลด์ทีมชาติเยอรมัน ที่เห็นฟอร์มการเล่นตอนนี้แล้วหายสงสัยเลยว่า ทำไม เป๊ป ถึงไปดึงอดีตแข้งดอร์ทมุนด์รายนี้มาเล่น แม้จะเจ็บหนักพักไปถึง 6 เดือน แต่ผลงานเข้าตาเหลือเกิน ถ้า โยอาคิม เลิฟ ไม่มีชื่ออยู่ในแคนดิเดตไปลุยฟุตบอลโลก 2018 คงแปลกพิลึก ส่วน แบร์นาโด้ ซิลวา ตัวรุกทีมชาติโปรตุเกส เริ่มได้รับโอกาสลงเล่นมากขึ้นในช่วงหลัง พร้อมทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ ถือว่าซื้อมาไม่เสียของ

 

 

อีกหนึ่งเหตุผลที่ เป๊ป สั่งลูกทีมยิงขาดในเกมนี้ เนื่องจากว่าพวกเค้าเตรียมเจอเกมหนักในนัดต่อไปหลังจากนี้ ไล่ตั้งแต่ เอฟเอ คัพ ที่เตรียมบุกเยือน วีแกน จากนั้น รอชิงถ้วยแรก คาราบาว คัพ กับ อาร์เซน่อล ก่อนจะเจอ อาร์เซน่อล อีกครั้ง ต่อด้วย เชลซี ในพรีเมียร์ลีก ถือว่าในซีซั่นนี้ แมนฯ ซิตี้ ลุ้นอยู่ถึง 4 ถ้วยเลยทีเดียว

ส่วน บาเซิ่ล ไม่รู้จะพูดยังไง เอาเป็นว่า พวกเค้าคงต้องกลับไปลุ้นถ้วยในประเทศทั้ง 2 ถ้วยต่อ การมาถึงรอบนี้ได้ ถือว่า ราฟาเอล วิคกี้ พาทีมมาไกลเกินความคาดหมายแล้ว (สั้นจัง)

 

***********

 

เรอัล มาดริด – ปารีส แซงต์ แชร์กแมง : แชมป์เก่ายังคงความน่ากลัว

คู่นี้ถือเป็นซูเปอร์บิ๊กแมตช์อีกคู่นึงเลยทีเดียว เมื่อ เรอัล มาดริด ทีมแชมป์เก่า 2 สมัยติด ต้องโคจรมาเจอ ทีมมหาเศรษฐีแห่งแดนน้ำหอมอย่าง ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

พูดถึง เรอัล มาดริด ฤดูกาลนี้ฟอร์มไม่คงเส้นคงวา จนในลีกโดนบาร์เซโลน่า ทีมคู่ปรับแซงนำไปแล้วถึง 17 คะแนน แถมบอลถ้วย โกปา เดล เรย์ ยังมาตกรอบด้วยน้ำมือของทีมเล็กๆอย่าง เลกาเนส ซะอีก ทำให้ความหวังการคว้าโทรฟี่ในปีนี้ของ ซีเนอดีน ซีดาน เหลือเพียงฟุตบอลถ้วยยุโรปเท่านั้น

ส่วน ปารีส แซงต์-แชร์กแมง หวังเข้ารอบลึกฟุตบอลยุโรปให้ได้เสียที หลังจากโชว์ฟอร์มเทพในลีกในประเทศ แต่มาตกม้าตายเวลาเจอทีมยักษ์ใหญ่ในยูซีแอล มาตลอด ปีนี้เสริมโหดทุ่มสถิติโลกคว้า เนย์มาร์ รวมถึงได้ดาวรุ่งแห่งยุคอย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป้ มาเสริมความโหดในแดนหน้าร่วมกับ เอดินสัน คาวานี่ ทำให้หากไปได้ไม่ไกลอีก อูไน เอเมรี่ มีสิทธิ์หัวขาดได้

 

 

กรรมการเป่าปรี๊ด!!! ครึ่งแรกก็ทำเอาแฟนชุดขาว และซีดาน ต้องเครียดทันที เมื่อต้องมาเสียอเวย์โกลไปก่อน จากฝีเท้าของไอ้หนุ่ม อาเดรียง ราบิโอต์ ยังดีที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะมายิงจุดโทษพิศวงตีเสมอให้ทีมก่อนหมดครึ่งแรกช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นมาหน่อย

มาต่อครึ่งหลังเกมยังคงเสมอกัน โมเมนตั้มทำท่าจะเป็นฝั่งเปแอสเชที่ได้เปรียบไปก่อนในเกมแรก แต่ราชันชุดขาวยังไม่ยอมแพ้ ได้ CR7 และมาร์เซโล่ กด 2 ประตูในช่วง 10 นาทีสุดท้าย กลายเป็นว่า เรอัล มาดริด พลิกสถานการณ์กลับมากุมความได้เปรียบก่อนซะอย่างงั้น
2 ประตูในช่วงท้าย ส่งผลให้เปแอสเช ต้องเหนื่อยทีเดียวในเกมหน้า

ถามว่า เปแอสเช มีโอกาสแค่ไหน? แน่นอนว่าการกลับไปเล่นยังถิ่น ปาร์ค เด แพรงส์ โดยเฉพาะในซีซั่นนี้ เปแอสเช ซัดคู่แข่งกระจุยตลอด ไม่ว่าจะเป็นในลีก หรือในถ้วยยุโรป ยกตัวอย่างในรอบแรกของยูซีแอล พวกเค้าจัดการถล่ม บาเยิร์น มิวนิค 3-0, รัว อันเดอร์เลชท์ 5-0 และปิดท้ายด้วยกระซวก เซลติก อีก 7-1 การยิง เรอัล มาดริด อย่างน้อย 2 ประตู จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้แน่นอน กลับมามองฝั่งราชันชุดขาวดูแล้ว ไปเยือนเกมหน้าแฟนๆ โลส บลังโกส ก็ยังเสียวอยู่ หากเริ่มต้นไม่ดีโดนก่อน มีสิทธิ์เกมพลิกได้เหมือนกัน ดูแล้วแม้นำห่าง 2 ลูก แต่ทุกอย่างยังดู 50-50 ว่าใครจะผ่านเข้ารอบ

 

***********

 

เอฟซี ปอร์โต้ – ลิเวอร์พูล : เมื่อเครื่องจักรสีแดงทำงาน!

 

 

คู่ปิดท้าย ระหว่าง เอฟซี ปอร์โต้ ปะทะ ลิเวอร์พูล พูดถึงเจ้าบ้าน หากใครติดตามยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาตลอดคงจะพอทราบกันว่า เอฟซี ปอร์โต้ ยามเล่นในบ้าน แข็งโป๊กแค่ไหน ในฤดูกาลนี้เช่นกัน ยามเล่นในเอสตาดิโอ โด ดราเกา มา 18 เกม พวกเค้าพลาดท่าแพ้เกมในบ้านเพียงนัดเดียวต่อ เบซิคตัส เท่านั้น ในศึกยูซีแอล รอบแรก

ด้านฝั่ง ลิเวอร์พูล แม้ต้องเล่นรอบน็อคเอ้าท์โดยที่ไม่มี ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ อีกต่อไป แต่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ยังปลุงแต่งเกมรุกของทีมได้อย่างสุดยอด

3 ประสานแดนหน้า อย่าง โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และซาดิโอ มาเน่ ยามเล่นพร้อมกัน ถือว่ายังน่ากลัว ในวันที่ทุกอย่างเข้าที่ เช่นเดียวกับเกมนัดนี้ ลิเวอร์พูล เดินหน้าถล่มแหลก ครึ่งแรกนำ 2-0 จาก มาเน่, ซาล่าห์ ครึ่งหลังบวกอีก 3 จาก มาเน่ 2 ลูก (แฮตทริค) และเฟอร์มิโน่ รวมสกอร์แล้ว หงส์แดงบุกมาถล่มเน้นๆ 5-0 ชนิดที่เรียกว่า ปอร์โต้ แทบไม่ต้องลุ้นต่อนัดหน้า

แนวรุกหงส์แดงชั่วโมงนี้กำลังมั่นใจทีเดียว โดยเฉพาะ โม ซาล่าห์ ที่กดไปแล้ว 22 ประตู จาก 26 นัด สมราคานักเตะยอดเยี่ยมแอฟริกาคนล่าสุด จนได้ยินเสียงแฟนหงส์ต่างยกย่องว่าตอนนี้ ซาล่าห์ เป็นรอง เมสซี่ เพียงคนเดียวเท่านั้น (ขนาดนั้น!) เหลือแค่เกมรับที่หากรักษาความคงเส้นคงวาไว้ได้ทั้ง ลอริส คาริอุส, เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค รวมถึงแนวรับรายอื่นๆ รับรองว่ากาชื่อ หงส์แดง ออกจากสารบบไม่ได้แน่นอน

สรุปผ่านไป 4 คู่ ทีมอังกฤษทั้ง 3 ทีม ต่างเก็บผลการแข่งขันที่ดีได้ทั้งสิ้น ความซวยตกมาที่ทีมจากอังกฤษในสัปดาห์หน้า อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะลงเตะในสัปดาห์หน้า บุกไปเยือน เซบีย่า ของวินเชนโซ่ มอนเตลล่า ส่วน เชลซี เล่นในบ้านก็จริง แต่ต้องรับศึกหนักอย่าง บาร์เซโลน่า ส่วนคู่ประกอบรายการอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ดวลกับ เบซิคตัส และชัคเตอร์ โดเน็ทส์ค ต่างก็ถือว่าน่าติดตามทั้งสิ้น ผลจะออกมาหน้าไหน จะยิงกระจุยกระจายกันแบบ 4 คู่แรกหรือไม่ สัปดาห์หน้ามาว่ากันครับ…

 

“เต้ BlackPearl”

 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้