รีเซต
TRUE OPINIONS : มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะทำสิ่งเดิมซ้ำๆ แต่หวังผลลัพท์ที่แตกต่าง … by "จอน"

TRUE OPINIONS : มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะทำสิ่งเดิมซ้ำๆ แต่หวังผลลัพท์ที่แตกต่าง … by "จอน"

TRUE OPINIONS : มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะทำสิ่งเดิมซ้ำๆ แต่หวังผลลัพท์ที่แตกต่าง … by "จอน"
kentnitipong
19 กุมภาพันธ์ 2561 ( 18:11 )
5.2K

จอน : Insanity is doing the same thing over and over again and expecting different results.

“มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะทำสิ่งเดิมซ้ำๆ แต่หวังผลลัพท์ที่แตกต่าง”

 

นี่คือสุดยอดคำคมชื่อก้องโลกของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ยอดนักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน ที่ยังคงใช้งานได้เสมอ เหมาะเจาะกับเหตุการณ์หลายอย่างบนโลกใบนี้ แม้ลมหายใจของผู้กล่าวจะไร้สิ้นไปกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว

และผมขอใช้มันเปรียบเปรยกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้…

“ปราสาทสายฟ้า” เริ่มต้นเกมไทยลีก 2 นัดที่ ช้าง อารีน่า พวกเขาเก็บได้ 6 แต้มเต็ม เหนือ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี 2-1 และ บางกอกกล๊าส เอฟซี 1-0 ภายใต้บรรยากาศเกมอันแสนอึดอัด แต่ได้ผลลัพท์ที่ต้องการ พร้อมสถานะขึ้นนำเป็นจ่าฝูงร่วมกับทีมอย่าง การท่าเรือ เอฟซี และ สุโขทัย เอฟซี ที่เก็บชัยชนะได้หมดจดเช่นกัน

ทั้งสองนัด กว่า บุรีรัมย์ จะได้ประตูเพื่อบ่งบอกว่าเป็นผู้ที่ดีกว่า ก็ต้องรอจนถึงช่วงครึ่งหลัง รวมไปถึงอีกเกมในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่บุกไปเสมอ กว่างโจว เอเวอร์แกรนด์ 1-1 เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว และดูเหมือนว่า เขาไม่ใช่ บุรีรัมย์ ทีมเดิมที่เคยผิดพลาดเมื่อสองปีที่แล้ว

ย้อนหลังกลับไปเมื่อปี 2016 บุรีรัมย์ ผู้เกรียงไกร และไม่กลัวใคร พวกเขาเพิ่งสัมผัสกับการคว้า 5 แชมป์ในปีเดียวมา (ซีซั่น 2015) พวกเขาฮึกเหิม พวกเขามีทุกสิ่ง พวกเขามีทุกอย่าง และไม่หวั่นเกรงภัยใดๆ

ทว่าการเริ่มต้นด้วยการพ่ายแพ้ เอฟซี โซล 0-6 และ ซานตง เหลียวหนิง 0-3 ในเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก มันคือภัยที่สโมสรจากอีสานใต้ต้องพบเจอ และยังไม่ได้เตรียมใจ ความพ่ายแพ้ขาดลอยทำให้จิตใจที่แข็งแกร่งของพวกเขาเริ่มเปราะบาง สปิริตในทีมเริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ เรื่องราวมากมายจากภายในแคมป์บุรีรัมย์ ปรากฏออกสู่พื้นที่สาธารณะอย่างโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ให้ผู้คนได้พูดถึง

การแบกรับภาระความกดดันที่ต้องการเป็นแชมป์ต่อเนื่องทุกถ้วยในประเทศ บวกกับความทะเยอทะยานที่ต้องการความสำเร็จในถ้วยเอเชีย ทำให้พวกเขาเดินหมากผิด จนพลาดถ้วยไทยลีก และตกรอบเอซีแอลชนิดที่มีผลงานแย่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร

 

 

ผ่านไปสองปี บทเรียนลูกหนังดังกล่าวสอนให้พวกเขาเปลี่ยนวิธีเริ่มต้นงานใหม่ในซีซั่นนี้ พวกเขารู้ว่า มีงานหนักในประเทศทั้ง ไทยลีก, เอฟเอ คัพ และลีก คัพ แถมยังเป็นทีมเดียวที่ต้องลงเล่นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม อีก พวกเขาจึงละเมียดละไมมากขึ้น ชัยชนะถล่มทลายเพียงบางนัดไม่สำคัญเท่ากับการรักษาสามแต้มให้ได้ทุกเกม เราจึงเห็นบุรีรัมย์ รู้จักผ่อนเกมเมื่อนำแล้ว พะวงเรื่องเกมรับมากขึ้น ละเอียดกับการผลาญเวลา และสกอร์ไม่ได้สูงปรี๊ดอย่างที่เคย

อย่างเกมเมื่อวาน พวกเขาต้องเจอกับทีมแกร่งอย่าง บางกอกกล๊าส เอฟซี ซึ่งกว่าจะเจาะ “บลูแมชชีน” ได้ ก็ปาเข้าไปนาทีที่ 73 จาก ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ นักเตะที่สามารถแปรเปลี่ยน 1 แต้มเป็น 3 แต้ม เพียงชั่วเสี้ยววินาที

เมื่อขึ้นนำได้ บุรีรัมย์ ภายใต้การคุมทีมของ โบซิดาร์ บันโดวิช เฮ้ดโค้ชจากเซอร์เบีย ก็วางกลยุทธ์แบบฉบับยุโรปตะวันออกทันที คือ “ตีหัวเข้าบ้าน” เล่นเกมรับเป็นหลัก และใช้การโต้กลับเร็วจากความสามารถเฉพาะตัวของ ดิโอโก้ บวกกับความเร็วของ ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่ลงมาเพื่อเล่นเกมสวนกลับ

หากคุณกำลังคิดว่า บุรีรัมย์ จะยิง ยิง ยิง เพิ่มประตูได้เสีย แม้จะขึ้นนำไปแล้วเหมือนเช่นเมื่อก่อน คุณกำลังคิดผิด เพราะพวกเขามีบทเรียนมาแล้วว่า การใส่เต็มทุกเกมบนความหวังสูงปรี๊ด พอแบมือมาตอนท้ายฤดูกาลแล้วมันมีแค่แชมป์ร่วมของถ้วยลีกคัพ (ปี 2016) มันเจ็บปวดแค่ไหน

มันเป็นปีที่สนุก มีหลายทีมพร้อมจะท้าทายความยิ่งใหญ่ของ บุรีรัมย์ มีหลายทีมที่แข็งแกร่งขึ้น และอีกหลายทีมต้องดิ้นรนสุดขีดในการหนีตกชั้น จากโควตาสีแดงที่มากขึ้น

 

 

บุรีรัมย์ รู้ตัวว่าเขากำลังเจอความท้าทายใหม่ ในปีที่มี เอซีแอล ขนาบหน้าหลังในแทบทุกกลางสัปดาห์
พวกเขาเปลี่ยนไป พวกเขาไม่ใช่ทีมที่เหี้ยมโหด ชนะที 4 ลูก 5 ลูก อีกแล้ว
แต่จะเป็นทีมที่กำลังเดินทาง ออกล่าเป้าหมายใหญ่ ด้วยวิธีการใหม่

ที่เลือดเย็นกว่าเดิม…

 

“จอน”

 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้