รีเซต
TRUE FOCUS : เปิดใจ "เขตพงศ์ กุลนาถศิริ" ผจก. สุโขทัย "ผู้ช่วยผลักดันนักเตะในทีมให้มองไปที่จุดหมายเดียวกัน"

TRUE FOCUS : เปิดใจ "เขตพงศ์ กุลนาถศิริ" ผจก. สุโขทัย "ผู้ช่วยผลักดันนักเตะในทีมให้มองไปที่จุดหมายเดียวกัน"

TRUE FOCUS : เปิดใจ "เขตพงศ์ กุลนาถศิริ" ผจก. สุโขทัย "ผู้ช่วยผลักดันนักเตะในทีมให้มองไปที่จุดหมายเดียวกัน"
Supanat
21 กุมภาพันธ์ 2561 ( 17:37 )
1.6K

TRUE FOCUS : รูดม่านเปิดฉากไทยลีก 2018 อย่างเป็นทางการมาได้สองแมตช์แล้ว ท่ามกลางความดุเดือดเลือดพล่านในทุกๆ สังเวียนลูกหนัง ซึ่งแต่ละทีมล้วนต่างประกาศว่า ปีนี้พวกเขาจะต้องสร้างผลงานเก็บแต้ม และเอาใจแฟนคลับ เราจึงเห็นได้ว่าในฤดูกาลนี้ ไทยลีก ถือได้ว่าร้อนแรงตั้งแต่เริ่มต้นเลยทีเดียว

 

 

และหนึ่งในหลายทีมที่ให้คำสัญญากับสาธารณะไปแล้วนั่นคือ สุโขทัย เอฟซี ที่ใช้สโลแกน ประจำปี 2018 ว่า “Be Better” หรือแปลเป็นภาษาชาวบ้านว่า ต้องดี….กว่าเดิม

นั่นหมายความว่า ในปี 2017 ที่ทีมรั้งอันดับ 15 แต่ในปี 2018 นี้ ต้อง จบที่อับดับเลขตัวเดียวตามที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานสโมสรสุโขทัย เอฟซี” ประกาศ

แต่กว่าที่ทัพค้างคาวไฟจะบินสู่ฝัน สรรพกำลังของนักเตะ – โค้ช – ทีมงานต้องรวมพลังกัน และหัวหอกสำคัญที่มองข้ามไปไม่ได้เลย คือ ตำแหน่งผู้จัดการทีม ที่เปรียบเหมือนผู้ปิดทองหลังพระ

สำหรับทีมสุโขทัยนั้น คือ “เสี่ยเขต- เขตพงศ์ กุลนาถศิริ” ที่เขายืนระยะกับบทบาทนี้มาเป็นปีที่ 4 แล้ว

 

 

สำหรับ “เขตพงศ์” นั้นเขามีภารกิจที่สำคัญ คือ การดูแลนักกีฬา เพื่อให้พร้อมสุดๆ สำหรับเกมการแข่งขัน และพาทีมสุโขทัย เอฟซี ก้าวสู่ความสำเร็จ โดยมี อันดับเลขตัวเดียวเป็นสิ่งชี้วัด
แต่ก่อนที่จะเจอบทพิสูจน์ และสรุปว่า “เขตพงศ์” จะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่ ขอพาไปค้นประวัติ และ จุดเริ่มต้นของเส้นทาง “นักบริหาร” ซึ่งบอกเลยว่า เขามาโดยตั้งใจ และพร้อมรับบทบาทนี้ตั้งแต่นาทีแรก ที่ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ต่อสายโทรศัพท์คุยข้ามประเทศ ชักชวนให้ช่วยทำทีมฟุตบอลของจังหวัด

“ตอนนั้นผมเรียนยัง ปริญญาโท ด้าน MA. Design Management ที่มหาวิทยาลัยนอร์ทัมเบรีย เมืองนิวคาสเซิ่ล ประเทศอังกฤษ ท่านประธานในฐานะคุณลุงของผม โทรศัพท์มาหาบอกว่า ลุงจะทำทีมฟุตบอลแล้ว ขอให้มาช่วยหน่อย ผมไม่ลังเลที่จะตอบตกลง แต่ด้วยที่ผมยังติดเรียนอีกครึ่งปี จึงไปแต่ชื่อ”

เหตุผลสำคัญที่ “ประธานสมศักดิ์” ตัดสินใจเลือก หลานชาย มาเป็นทีมบริหารคู่ใจ “เขตพงศ์” ประเมินว่า เพราะส่วนตัวเป็นคนชอบฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กๆ และเพื่อนดูบอลที่ถูกคอที่สุด คือ ผู้เป็นลุง จึงมีความสนิทสนม และรู้ทางกันว่า เมื่อได้อยู่คู่ ลุง-หลาน จะพาทีมสุโขทัย ที่ตอนนั้น ยังสู้ศึกในลีกภูมิภาคดิวิชั่น 2 โซนภาคเหนือ ก้าวไปสู่ลีกสูงสุดของประเทศได้

จากวันที่ “เขตพงศ์” ตอบรับตำแหน่งรองประธานสโมสร นับไปอีก 6 เดือน จนกระทั่งเรียนจบ ได้หิ้วความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมที่จะทำทีมฟุตบอลบ้านเกิดให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งในปีนั้น ฐานะรองประธานสโมสร เขามีส่วนช่วยทีมให้ไต่อันดับ จาก ลีกภูมิภาคดีวิชั่น 2 โซนภาคเหนือ สู่รอบแชมป์เปี้ยน ลีก และเลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1

 

 

แต่ตอนนั้น ความรู้สึกของ “เด็กหนุ่ม” วัย 30 ปี ที่คลั่งฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก มองว่าบทบาทรองประธานสโมสร ไม่ใช่ตัวตนของเขา และไม่มีความท้าทาย เขาจึงขอลดตำแหน่งตัวเอง เพื่อทำหน้าที่ ผู้จัดการทีม

“ผมไม่ชอบอยู่เบื้องหลัง ตำแหน่งรองประธานสโมสร แม้จะใหญ่ แต่ไม่ได้สนุกอย่างที่คิด และไม่ใช่ตัวของเรา เพราะผมชอบที่อยู่เบื้องหน้า ตอนที่ตัดสินใจแบบนั้น ผมคิดว่า ผมเป็นคนโนบอดี้ในสุโขทัย แม้จะเกิดที่นี่ แต่ไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ในจังหวัด ไปเรียนที่กรุงเทพ ไปเรียนที่เมืองนอก ดังนั้นผมมองตัวเองว่า ควรจะอยู่กับนักเตะ คอยดูแล และสนับสนุนนักเตะ อีกอย่างผมกับนักเตะก็อยู่วัยไล่เลี่ยกัน ”

ในระยะยืนกับตำแหน่งผู้จัดการทีม ที่เข้าสู่ปีที่ 4 แล้วนั้น “เขตพงษ์” ได้เรียนรู้รายละเอียดของฟุตบอลมากขึ้น เพราะสัมผัสโดยตรง และเรียนรู้จากประสบการณ์ของโค้ช ทั้ง ในตำรา และนอกตำรา ดังนั้นจากที่นั่งดูฟุตบอลผ่านจอทีวี หรือ ข้างสนาม เพื่อความสนุก ความบันเทิง ตอนนี้เขาบอกว่า เข้าใจฟุตบอลมากขึ้น

โดยหัวใจของการบริหารจัดการทีมฟุตบอล ซึ่งเป็นบทบาทอันสำคัญของ “ผู้จัดการทีม” คือ การสนับสนุน และช่วยผลักดัน นักเตะในทีม ให้มองไปที่จุดหมายเดียวกัน

“นักเตะทีมผมมี 30-40 คน ทุกคนล้วนมีปัญหา แต่วันแข่งขันต้องทำให้เขาเหล่านั้นมองเป้าหมายเดียวกัน โดย 11 คนที่ลงแข่ขัน คือ ตัวแทนของทีมที่ต้องแบกความคาดหวัง และทำหน้าที่ของตนเองให้สำเร็จ ตามที่เพื่อน ซึ่งเป็นตัวสำรอง หรือ นักเตะไม่ถูกส่งรายชื่อ คาดหมายไว้ นอกจากนั้นหน้าที่ของผม คือ การดูแล และบริหารความรู้สึกของทุกๆ คนในทีม บางทีเราซ้อมเครียด นักเตะอึดอัด นักเตะกดดัน เราต้องทำให้พวกเขาคลายความรู้สึกนั้นลง และเปลี่ยนเป็นพลัง เป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้เขาสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ดีที่สุด เพื่อทีม เพื่อทุกคน และเพื่อแฟนบอลที่ส่งเสียงเชียร์”

กับความคาดหวังของ “เขตพงศ์” ในฤดูกาล 2018 นี้ แน่นอนว่า คือการสนับสนุนในหน้าที่ของตนเอง เพื่อให้ทีมจบลีกที่อันดับเลขตัวเดียว

“ทีมสุโขทัย จบที่เลขตัวเดียวได้ เพราะปีนี้เราพร้อมแบบ พร้อม 100% แม้ ทีมอื่นๆ จะเสริมความแข็งแกร่งได้ไม่แพ้กัน แต่ผมถือคติว่าเราอย่ามองตรงนั้น เราต้องมองมาที่ตัวเราเอง ต่อให้คู่ต่อสู้มาแบบไหน เราเล่นให้เป็นระบบของเรา ผ่านเกมรุกที่ดุดัน และเกมรับที่เหนียวแน่น เราจะสู้กับทีมอื่นได้แน่นอน ดังนั้นเลกแรกนี้ผม หวังแต้มไว้ที่ 26 แต้ม และหากทำได้ เลกสองต้องไม่หยุด เราต้องดันทีมให้สูงขึ้น”

 

 

ส่วนที่แฟนคลับมีความกังวลกับข่าวของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ในปีนี้จะมีทีมตกชั้นมากถึง 5 ทีม จากปีอื่นที่ตกชั้นเพียง 3 ทีมรั้งท้าย แต่ “ผู้จัดการทีมสุโขทัย” มองว่าไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวล เพราะความพร้อมของทัพนักกีฬาตอนนี้ รวมถึงระบบที่เหมาะสม ผ่านรูปแบบของโค้ชเบ๊ – ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก การันได้แบบไม่ผิดพลาดว่าจบที่เลขตัวเดียวได้ในฤดูกาลนี้

ดังนั้น สิ่งที่แฟนคลับควรจะทำมากกว่าการกังวล คือ การส่งเสียงเชียร์ พร้อมส่งกำลังใจให้ทัพกีฬาค้างคาวไฟ แม้เสียงเชียร์จะจับต้องไม่ได้ แต่คือพลังแฝง ที่ทำให้นักกีฬาฮึกเฮิม พร้อมกับผลักให้พวกเราสร้างสรรค์ผลงานอันดีเยี่ยมออกมาให้เห็น

กับภาระกิจอันสำคัญของ “เขตพงศ์” ผู้จัดการค้างคาวไฟ ที่ปีนี้ เขายืนยันว่า จะทุ่มเทไปพร้อมๆ กับทัพนักกีฬาของทีม และพร้อมพิสูจน์ฝีมือให้เห็นวิสัยทัศน์ และวิธีคิดรูปแบบใหม่เพื่อสนับสนุนให้ทีม “ค้างคาวไฟ” บินไปสู่ฝันอันสูงสุด

“ผมไม่มีนิยามการทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ผมจะบอกนักเตะเสมอว่า หากคุณเล่นดี ทีมจะชนะเพราะพวกคุณ แต่หากคุณพยายามเต็มที่ พยายามจนสุดความสามารถแล้ว แต่ผลลัพธ์ คือ แพ้… ผมพร้อมจะรับผิดชอบเอง”

 

และนี่คือตัวตนของ “เสี่ยเขต- เขตพงศ์ กุลนาถศิริ”

 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้