รีเซต
TRUE OPINIONS : ห้าทีมลีกอังกฤษกับโอกาส "ทวงความเป็นเลิศ" ในฟุตบอลยุโรป ... by "บีม ภควิชญ์"

TRUE OPINIONS : ห้าทีมลีกอังกฤษกับโอกาส "ทวงความเป็นเลิศ" ในฟุตบอลยุโรป ... by "บีม ภควิชญ์"

TRUE OPINIONS : ห้าทีมลีกอังกฤษกับโอกาส "ทวงความเป็นเลิศ" ในฟุตบอลยุโรป ... by "บีม ภควิชญ์"
kentnitipong
22 กุมภาพันธ์ 2561 ( 17:56 )
862

บีม ภควิชญ์ : ฤดูกาล 2017/18 คือปีที่สโมสรใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเข้ารอบน็อคเอ้าท์รายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึงห้าทีม และเป็นชาติแรกที่สามารถทำเช่นนี้ได้สำเร็จ

 

 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และสเปอร์ส จบรอบแบ่งกลุ่มสุดหรูด้วยตำแหน่งหัวตาราง ในขณะที่ เชลซี คว้าที่สองตามหลัง โรม่า ทีมดังจากลีกอิตาลี

นับเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทีมจากแดนผู้ดีแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง หลังต้องมีฟอร์มการเล่นดำดิ่งในฟุตบอลยุโรปมาพักใหญ่ สังเกตจากการที่สามปีหลังมานี้มีเพียง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงทีมเดียว และหนเดียวเท่านั้นที่สามารถหักด่านกรุยทางเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ

ด้วยผลงาน และความแข็งแกร่งแล้ว ผมอดคิดเล่น ๆ ไม่ได้ว่ามันถึงเวลาหรือยัง ที่ขวบปีอันงดงามของสโมสรจากแดนผู้ดีในเวทีระดับยุโรปจะย้อนกลับมาเหมือนเมื่อช่วง 10 ปีก่อนอีกคำรบ

 

 

ย้อนไปในฤดูกาล 2007/08 กับ “All English Final” ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เชลซี พร้อมด้วยการมีทีมแดนผู้ดีตบเท้าเข้ารอบสี่ทีมสุดท้ายเป็นว่าเล่น ทุกคนคงไม่คิดว่า ณ ปัจจุบันทีมจากลีกอังกฤษจะค่อย ๆ เงียบหายไปจากรอบลึก ๆ ของฟุตบอลยุโรป

พูดเลยว่าในยุคนั้นทีมจากอังกฤษสามารถต่อกรได้กับทุกทีม โดยเฉพาะ “ปีศาจแดง” ที่เข้าชิงถึง 3 ครั้งในรอบ 4 ฤดูกาล การแจ้งเกิดของ “คริสเตียโน่ โรนัลโด้” ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นที่เกรงใจจากทั่วทุกทีมในยุโรป และการได้แชมป์แค่ครั้งเดียว ก็โทษใครไม่ได้ นอกจากฟ้าดันส่ง “ลีโอเนล เมสซี่” มาเกิดทับไลน์กันพอดี

ในขณะที่คำว่า “แชมป์ยุโรปห้าสมัย” ของ ลิเวอร์พูล ก็ไม่ใช่แค่คำคุยโม้โอ้อวด เมื่อ หงส์แดง ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทีมแกร่งในเวทีระดับทวีป แม้ว่าจะมีฟอร์มการเล่นในลีกที่ย่ำแย่แค่ไหน แต่ช่วง 2004-2009 พวกเขาเข้ารอบรองชนะเลิศหรือมากกว่าถึง 3 ครั้ง ก่อนจะคว้าแชมป์ได้ 1 สมัย และหนึ่งในนั้นที่ต้องตกรอบก่อนได้ตัดเชือกก็ไม่ได้มาจากน้ำมือของคนไกลตัวที่ไหน แต่เป็น “เชลซี” เพื่อนร่วมลีกเอง

มิฉะนั้นแล้วหาทีมจากลีกอื่น กิน ลิเวอร์พูล ยากส์ !!!

 

 

พูดถึง “ลิเวอร์พูล” แล้ว อดคิดไม่ได้ว่าการที่ทีมจากอังกฤษมีผลงานโดยรวมในช่วงหลายปีหลัง ส่วนสำคัญนั้นมาจากการที่ หงส์แดง มักจะขาดเช็คชื่อ และเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มาแทนที่พวกเขาในโควต้า UCL

โอเค “เรือใบสีฟ้า” เป็นทีมที่แข็งแกร่งทั้งในแง่ของเงินทุน และคุณภาพผู้เล่น แต่ช่วงที่ทีมของ “ชีค มานซูร์” ได้รับโอกาสเข้ามาเล่นฟุตบอลยุโรปในช่วงแรกเริ่ม พวกเขาเป็นสโมสรที่มีค่าสัมประสิทธิ์น้อยมาก ๆ

ด้วยเหตุนี้ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องเจองานยากในรอบแบ่งกลุ่มสองปีติด ทั้งปี 2011 ที่ต้องเจอกับ บาเยิร์น, นาโปลี และบียาร์เรอัล ต่อด้วยปี 2012 ที่มี ดอร์ทมุนด์, เรอัล มาดริด และอาแจ็กซ์ เป็นเพื่อนร่วมกลุ่ม และทำให้พวกเขาต้องจบอันดับสุดท้ายของตาราง

เหมือนฟ้าชังหรือสวรรค์แกล้ง เมื่อผ่านรอบแบ่งกลุ่มได้เป็นครั้งแรกในฤดูกาล 2013/14 “เรือใบสีฟ้า” ต้องมาพบปะกับ “บาร์เซโลน่า” ถึงสองปีซ้อน ก่อนจะต้านความแกร่งไม่ไหว และตกรอบ 16 ทีมทั้งสองหน

 

 

สำหรับในฤดูกาลนี้ ที่ทีมจากอังกฤษเข้ารอบมาถึงห้าทีม ทางสมาคมฟุตบอลอังกฤษคงอดหวังไม่ได้ว่าอยากจะให้ทุกทีมไปให้ไกลที่สุด เพื่อชื่อเสียงของลีกและค่าสัมประสิทธิ์ที่มีผลต่ออันดับในตาราง

จากตอนที่ผมเขียนบทความนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ น่าจะลอยลำเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายแบบสบาย ๆ หลังไล่ถล่ม บาเซิล ไป 4-0 ในขณะที่ ลิเวอร์พูล ก็คงไม่มีอะไรต้องเหนื่อยในนัดสอง หลังบุกไปปูพรมใส่ ปอร์โต้ แบบไม่ต้องลุ้น ทั้งๆ ที่ทั้งสองทีมเป็นฝ่ายออกไปเยือนก่อนซะด้วยซ้ำ

ในส่วนของ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มีโชว์ลูกฮึดให้เห็น หลังบุกไปเยือน ยูเวนตุส ทีมแกร่งจากลีกอิตาลี แม้จะโดนนำก่อน 2-0 ตั้งแต่ไม่ถึง 10 นาทีแรก แต่ สเปอร์ส ก็ตามตีเสมอได้จากฝีเท้าของ แฮร์รี่ เคน และคริสเตียน อีริคเซ่น

แน่นอนว่างานนี้ทีมที่หนักที่สุดย่อมเป็น เชลซี อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะต้องชนกับคู่แข่งระดับเต็งแชมป์อย่าง “บาร์เซโลน่า” แถม สิงโตน้ำเงินคราม ก็อยู่ในช่วงฟอร์มคาดเดาไม่ได้อีกต่างหาก

ประเด็นคือแม้ตามหน้าเสื่อจะดูเป็นรองตลอดในการพบกันทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ เชลซี มีสถิติในการเจอกับเจ้าบุญทุ่มจากแดนกระทิงดุที่ค่อนข้างดี ก่อนจะเสมอกันไปในเกมแรก 1-1

ทีมที่น่าเป็นห่วงที่สุดดันกลายเป็น “ปีศาจแดง” ที่โดน เซบีย่า ออกหมัดซ้าย-ขวา จนแทบเอาตัวไม่รอดจากสนาม รามอน ซานเชซ ปิซฆวน และหากในรังตัวเองยังเล่นรอโดนอย่างนี้ บอกเลยว่าน่าเป็นห่วง เพราะถ้าเสียประตูแม้แต่ลูกเดียวบอกเลยว่า “มีงานเข้า”

 

 

“ถ้า” ทีมจากอังกฤษสามารถเข้ารอบได้ทั้งหมด เราจะมีทีมจากแดนผู้ดีถึง 5 ทีม จากทั้งหมด 8 ที่ว่างในรอบก่อนรองชนะเลิศ

เอาจริง ๆ จำนวน 2-3 ทีม ก็ถือเป็นย่างก้าวที่ดีแล้ว หากนับว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมาพวกเขามักจะจอดป้ายแค่รอบแบ่งกลุ่มหรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย

เรื่องอย่างนี้ปล่อยให้ล้มเหลวนาน ๆ คงไม่ดี เพราะอย่าลืมว่าการเข้ารอบลึก ๆ ฟุตบอลยุโรปเป็นดัชนีชี้วัดความแข็งแกร่งของลีก และทีมจากเกาะอังกฤษคงไม่อยากย่ำตามรอยเท้าของทีมจากประเทศอิตาลีที่เคยยิ่งใหญ่เรืองรองในอดีต แต่ ณ ปัจจุบันนอกจาก “ยูเวนตุส” แล้ว แทบจะหายไปจากสารบบไปเลย

 

“บีม ภควิชญ์”

 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้