รีเซต
TRUE OPINIONS : ผมเห็นอะไรบ้างจากฟอร์มของ "บุญจัง, มุ้ยซัง, ชนาคุง" นัดแรก เจลีก 2018 ... by "จอน"

TRUE OPINIONS : ผมเห็นอะไรบ้างจากฟอร์มของ "บุญจัง, มุ้ยซัง, ชนาคุง" นัดแรก เจลีก 2018 ... by "จอน"

TRUE OPINIONS : ผมเห็นอะไรบ้างจากฟอร์มของ "บุญจัง, มุ้ยซัง, ชนาคุง" นัดแรก เจลีก 2018 ... by "จอน"
kentnitipong
24 กุมภาพันธ์ 2561 ( 19:03 )
15.8K

จอน : สิ้นสุดการรอคอยเสียทีของเหล่าแฟนบอลไทย ที่ชะเง้อมองเวลา ดูนาฬิกามานานนับเดือน ในที่สุดก็ได้ฤกษ์เปิดสนามไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับเจลีก 2018

 

 

โดยเวทีลีกสูงสุดของดินแดนอาทิตย์อุทัยในปีนี้ มีนักเตะไทยถึง 3 คน ได้แก่ ธีรศิลป์ แดงดา (ซานเฟรชเช่ ฮิโรชิม่า), ธีราทร บุญมาทัน (วิสเซล โกเบ) และชนาธิป สรงกระสินธ์ (คอนซาโดเล ซัปโปโร)

ทั้งหมดต่างอยู่ในสัญญายืมตัวมาจาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ยอดทีมของไทยลีก ที่หาญกล้าปล่อยตัวทั้งสามไปตามหาความฝันที่ดินแดนปลาดิบ ซึ่งต้องขอชื่นชมความใจถึงพึ่งได้ของ “กิเลนผยอง” ด้วย ที่กล้าปล่อยแข้งตัวหลักถึงสามรายออกไปล่าฝันพร้อมกัน

ผมเองได้ชมทั้งสองเกม ที่สามคนลงสนาม จากการถ่ายทอดสด เจ ลีก วีกแรก ต้องบอกว่า มันเป็นยิ่งกว่าความฝันเลยนะ ไม่ใช่แค่ความฝันของนักบอล แต่เป็นความฝันของแฟนบอลอย่างเราๆ เมื่อมีหนึ่งนักเตะไทยสามารถทำประตูได้ และกลายเป็นประตูชัยในเกมระดับเจลีกซะด้วย จนทำให้เขาได้รับตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปครอบครอง นั่นคือ “ธีรศิลป์ แดงดา”

ส่วน ชนาธิป สรงกระสินธ์ และธีราทร บุญมาทัน ต่างก็ได้ลงสนามตั้งแต่เกมแรกเช่นเดียวกัน
และนี่ คือ สิ่งที่ผมเห็นทั้งหมดจากสองเกมที่เพิ่งจบลงไป

“โก๋อุ้ม สู่ บุญจัง 15 นาทีก็เพียงพอ”

“บุญจัง” เริ่มต้นแมตช์แรก เจ ลีก ด้วยการออกสตาร์ทบนม้านั่งสำรอง จากคนสำคัญของสโมสรในไทยลีก เขาเริ่มต้นงานใหม่ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไปที่ข้างสนาม

 

 

แต่เมื่อทีมต้นสังกัดอย่าง วิสเซิ่ล โกเบ ที่ถูก ซางัน โทสุ ออกนำตั้งแต่ไก่โห่ ยังไม่สามารถตีเสมอได้ และจำต้องเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่น จนกระทั่งการเปลี่ยนคนสุดท้าย ได้รับเสียงเฮลั่นจากแฟนบอลไทย เพราะเป็นการให้โอกาส ธีราทร บุญมาทัน ลงทำหน้าที่ ในช่วงนาทีที่ 75

เขากลายเป็นตัวสำรองคนสุดท้ายที่โดดเด่นเหนือตัวสำรองคนก่อนหน้า เขามีโอกาสยิงฟรีคิกในมุมที่ถนัด และสามารถปั่นให้เข้ากรอบจนโดนปัดไปชนคานได้ ชนิดที่ ลูคัส โพดอลสกี้ กองหน้าดีกรีแชมป์โลกกับทีมชาติเยอรมัน ต้องหลบให้ยิง เพราะเชื่อมั่นในวิถีการยิงของเขา

นอกจากนี้ ธีราทร ยังได้โอกาสเปิดเตะมุมถึง 4 ครั้ง ในช่วงแค่ 15 นาทีหลังของเกม ซึ่งมากกว่า โอกาสเตะมุมของ ซางัน โทสุ ทั้งทีม จำนวนถึง 2 เท่าตัว แถมยังมีจังหวะสกัดบอลจากการสวนกลับในพื้นที่สุดท้ายให้เห็นอีก 1 ครั้งด้วย ชนิดที่สะใจกองเชียร์ชาวไทยเลยทีเดียว

และในที่สุด วิสเซล โกเบ ก็ตามตีเสมอได้สำเร็จจาก ไมค์ ฮาเวนาร์ ทำให้การเป็นผู้เล่นไทยคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ได้ลงสนามในเกม เจลีก ของเขา เปิดตัวได้ดีเกินคาด แม้จะใช้เวลาเพียง 15 นาที ก็ตาม

หลังจากนี้ ต้องดูกันต่อว่า ความฟิตของ “อุ้ม” จะถึงหรือยังกับเกม เจ ลีก แบบ 90 นาทีเต็ม ที่ใช้พละกำลัง และความเร็วสูง โดยเฉพาะผู้เล่นทางกราบ ซึ่งหากเขาฟิตถึงเมื่อไร ผมคิดว่า ตำแหน่งตัวจริงของทีม และนักเตะที่ได้หยิบบอลเวลาเล่นลูกเซตพีซของ โกเบ ต้องเป็น “บุญจัง” แน่นอน

 

************

 

เกิดมาเพื่อเป็น ซูเปอร์สตาร์ : ธีรศิลป์ แดงดา

เกมที่สอง ซึ่งเพิ่งจบลงไปไม่นาน เป็นเกมนัดเปิดสนามในฝันของคนไทย เมื่อ ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า ของ ธีรศิลป์ แดงดา โคจรมาพบ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ โดยทาง True4U ได้ถ่ายสดยิงตรงมาจากญี่ปุ่น

เกมนี้ ต้องยอมรับนับถือหัวใจของการดูแลเอาใจใส่ในเรื่องการจัดการนักเตะต่างชาติของ เจ ลีก เพราะได้มีการจัดพิธีเล็กน้อย เพื่อให้เกียรติกันก่อนเกมจะเริ่มขึ้นด้วย

และนี่คือ เกมแห่งประวัติศาสตร์ ที่มีนักเตะไทย เป็นตัวจริงของสองทีมที่พบกันบนฟุตบอล เจ ลีก ครั้งแรก

 

 

ตั้งแต่เริ่มเกม ทุกวินาทีที่ทั้ง เจ และ มุ้ย ได้บอล ยอมรับเลยว่า ผมใจตุ้มๆ ต่อมๆ ตื่นเต้นไปกับฟอร์มการเล่นของทั้งคู่ และในที่สุด วินาทีที่คนไทยรอคอยก็มาถึง เมื่อ ธีรศิลป์ แดงดา ได้โอกาสโหม่งสะบัดเข้าเสาไกล ในกรอบเขตโทษระยะประมาณ 7 หลา จนนำมาซึ่งประตูแห่งประวัติศาสตร์ของคนไทย สานต่อความเป็นตำนานนักเตะของเขาอีกขั้น

 

เขา คือ นักเตะไทยคนแรกที่ทำประตูได้ในศึกเจ ลีก
เขาเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ตั้งแต่แมตช์แรกที่ลงสนาม
เขาทำประตูชัย และเป็นฮีโร่ของทีมได้ตั้งแต่แมตช์แรก

เขา คือ ธีรศิลป์ แดงดา ผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างแท้จริง

 

ตลอดทั้งเกม ธีรศิลป์ ไม่ได้โชว์พิษสงแค่กองหน้าที่รอทำประตูเท่านั้น แต่เขายังมีจังหวะเก็บบอลบังบอลจนเรียกฟาวล์ให้ทีมได้ฟรีคิกตำแหน่งที่น่ารักน่าลุ้น, มีจังหวะการเล่นกับเพื่อนแบบวันทัชสวยๆ หลายครั้ง และมีจังหวะเอาตัวรอดบนพื้นที่แคบๆ ให้เห็นอีกด้วย ซึ่งทั้งหมด คือ ความร้ายกาจในตัวที่เขาแสดงให้เห็นอยู่บ่อยๆ ในไทยลีก แต่ตอนนี้ มันกำลังออกสู่สายตาลีกเบอร์ 1 ของทวีป

 

 

ฟอร์มในวันนี้ ขาดแค่เพียงการลากบอลด้วยสปีดต้นของเขาที่ยังไม่มีให้เห็น อาจเพราะต้องรับบทกองหน้าที่ต้องทำประตู ไม่ต้องลงมาล้วงบอลต่ำเหมือนที่เล่นให้กับ “กิเลนผยอง” ซึ่งทำให้เขามีเวลา มีพื้นที่อยู่กับลูกบอลน้อยเกินไป

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะเขาก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาคือยอดกองหน้าผู้ปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์ได้อย่างยืดหยุ่น จะเป็นกองหน้าด้านข้าง หรือกองหน้าผู้สร้างสรรค์โอกาส หรือ กองหน้าแบบโป้งปิดบัญชีในวันนี้ เขาก็ทำได้ดีทั้งหมด

เพราะความสามารถที่มีในตัวของเขา มันเพียงพอ และเหลือเฟือจริงๆ กับ เจลีก

 

***********

 

ชนาคุง ในวันที่ต้องหลีกทางความสตาร์ให้มุ้ยซัง

ซีซั่นที่ 2 ใน เจ ลีก ของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักเตะหนุ่มสุดทะเล้นที่เพิ่งผ่านการสัมผัสมรสุมชีวิตรักไปไม่นาน วันนี้เขาได้ลงสนามเป็นตัวจริง โดยมีแววตามุ่งมั่น บ่งบอกถึงความเอาจริงเอาจัง และที่สำคัญที่สุด วันนี้เขาได้ลงสนามในตำแหน่งที่ถนัดที่สุด นั่นคือ เพลย์เมกเกอร์หลังกองหน้า

แต่จังหวะแรกที่ผมเห็นของเขา คือ การตัดเกมคู่แข่งในนาทีที่ 5 และขาดการติดต่อกับเกมไปหลังจากนั้น

เหมือนว่าเขาจะเกร็ง และเล่นไม่ออก จากการถูกประกบติด ล้อมหน้าล้อมหลัง เพราะการทำการบ้านมาเป็นอย่างดีของ ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า ที่มีธีรศิลป์ คอยบอกแนวทางการจัดการกับน้องชายคนโปรดคนนี้

 

 

ชนาธิป ได้บอลจำนวนครั้งเยอะกว่าที่เราเคยเห็นเมื่อปีที่แล้ว แต่เขาได้อยู่กับลูกบอลน้อยจนเกินไป เพราะการเข้าถึงเร็ว แถมยังมีจังหวะจ่ายบอลไปในกรอบเขตโทษที่พลาดย้อนหลังเพื่อนเสียอีก

ครึ่งหลังแม้ว่าอะไรจะดูดีขึ้น เมื่อ “เจ” ได้โหม่งในกรอบเขตโทษ นาทีที่ 55 แต่บอลก็เบาเกินไป แถมโอกาสยิงอีกครั้งในนาทีที่ 60 ด้วยเท้าซ้ายก็ไปติดบล็อคออกหลัง (ไม่ติดก็ไม่เข้าอยู่ดี)

ท้ายที่สุด ผลงานที่มีกับเวลา 70 นาทีในสนาม ของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ และสกอร์ที่ตามหลัง ทำให้ มิไฮโล เปโตรวิช เฮดโค้ชวัย 60 ปี ไม่มีทางเลือก ต้องถอด “เจ้าเจ” ออก และส่ง โจนาธาน รีส กองหน้าชาวบราซิล ลงสนามแทนที่ แถมมี ชินจิ โอโนะ ลงมาอีกคนเพื่อเปลี่ยนเกม และตามหาสกอร์ตีเสมอ

แต่บทลูกหนังบทนี้ มันสร้างขึ้นมาเพื่อให้ ธีรศิลป์ แดงดา เป็นพระเอก นั่นทำให้ผลการแข่งขันไม่เปลี่ยนสกอร์จนจบเกม และไม่มีใครจะมาขโมยซีนความหล่อ “เจ้ามุ้ย” ได้

นี่คือวันที่ “ชนาคุง” ต้องหลบทางให้กับ “มุ้ยซัง” แต่ผมเชื่อว่า ชนาธิป จะกลับไปก้มหน้าก้มตาฝึกฝนอย่างหนักแน่นอน เพื่อตามหาแอสซิสต์ที่สอง รวมถึงประตูแรกใน เจลีก ให้ได้

และต้องมีสักวันที่ บทลูกหนัง เขียนให้เขาเป็น “พระเอกแต่เพียงผู้เดียว”

สุดท้ายนี้ ผมขอเอาใจช่วยทั้งสามคนให้โชว์ฟอร์มได้ดีต่อเนื่องใน เจ ลีก และยึดตำแหน่งตัวจริงมาให้ได้ยาวๆ นะครับ เพื่อเป็นฐานให้กับนักเตะไทยคนต่อไป ได้เดินทาง ไปต่อยอดความสำเร็จมากขึ้นๆ ในอนาคตอันใกล้นี้…

 

“จอน”

 

ดูบอลสดออนไลน์ผ่านเว็บที่นี่ และติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้