รีเซต
TRUE OPINIONS : "Milagro en Roma" คืนมหัศจรรย์ที่กรุงโรม …..by "เต้ BlackPearl"

TRUE OPINIONS : "Milagro en Roma" คืนมหัศจรรย์ที่กรุงโรม …..by "เต้ BlackPearl"

TRUE OPINIONS : "Milagro en Roma" คืนมหัศจรรย์ที่กรุงโรม …..by "เต้ BlackPearl"
kentnitipong
11 เมษายน 2561 ( 17:05 )
545

เต้ BlackPearl : ต้องบอกเลยว่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปีหลังๆ ถือว่าเป็นทัวร์นาเมนท์ที่มาตรฐานสูงจริงๆ เห็นกันมานักต่อนักแล้วในรอบน็อคเอาท์ ที่ทีมที่ถูกนำก่อน 2-3 ประตู ก็ยังไม่สามารถการันตีว่าจะผ่านเข้ารอบไปได้ง่ายๆ แต่ใครจะเชื่อละว่าเหตุการณ์นี้จะมาเกิดกับยอดทีมอย่าง บาร์เซโลน่า ที่ต้องตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้ด้วยน้ำมือของ โรม่า ทั้งที่นำห่างในเกมแรกถึง 3 ประตู

 

 

 

เชื่อว่าหลายคนคิดไปว่าทุกอย่างจบลงแล้วตั้งแต่เกมแรกที่ คัมป์ นู และเลือกชมคู่ที่แมนเชสเตอร์มากกว่า ส่วนคู่ที่กรุงโรมคงรอเช็กผลว่า บาร์ซ่า จะบุกมายิงเจ้าถิ่นได้กี่ลูก…

ก่อนเกมนี้ โรม่า เองผลงานไม่ดีนัก สะกดคำว่าชนะไม่เป็นมา 3 นัดติดรวมทุกรายการ รวมถึงนัดล่าสุด ที่พ่ายคารังต่อ ฟิออเรนติน่า 0-2 จนแฟนบอลส่งเสียงโห่กันระงม สตาดิโอ โอลิมปิโก้ ดูมุมไหนก็ไม่น่ารอดมือ บาร์ซ่า เว้นแต่ขุนพลหมาป่ากรุงโรม และบรรดาแฟนบอลจัลโล่รอสซี่ ที่ยังคงมีความเชื่อ และขอสู้ต่ออีกซัก 90 นาที

เกมนี้ ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ กุนซือหมาป่า ใช้ อลิสซอน จอมหนึบทีมชาติบราซิลเฝ้าเสา แนวรับปรับระบบมาเล่นกองหลัง 3 คนเป็นครั้งแรก ใช้ คอสตาส มาโนลาส เป็นสวีปเปอร์ ขนาบแข้งด้วย ฮวน เฮซุส และเฟเดริโก้ ฟาซิโอ พร้อมดร็อป บรูโน่ เปเรส แบ็คขวาไปเป็นตัวสำรอง แดนกลาง รัดย่า นาอิงโกลัน ยืนกลางกับ เควิน สตรอทมัน และดานิเอเล่ เด รอสซี่ วิงแบ็กซ้าย-ขวา เป็น อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ และอเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ ส่วนคู่หน้าค่อนข้างเซอร์ไพรส์ เมื่อ แพทริค ชิค ศูนย์หน้าจอมฝืดที่ยังไม่เคยลงเล่นถ้วยนี้แม้แต่นาทีเดียวได้ออกสตาร์ทตัวจริงคู่กับ เอดิน เชโก้ ดาวซัลโวประจำทีม

ฝั่ง เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ เทรนเนอร์บาร์ซ่าส่งชุดใหญ่ลงบู๊แม้นำขาดในนัดแรก ประตูเป็น แทร์ – ชเตเก้น กองหลังใช้ เซเมโด้, ปิเก้, อุมติตี้, อัลบา กองกลางมี บุสเก็ตส์ ยืนปัดกวาดหน้าแผงหลัง พร้อมมี เซร์กี้ โรแบร์โต้, อิวาน ราคิติช และอันเดรส อิเนสต้า ขับเคลื่อนเกม ส่วนกองหน้า ลิโอเนล เมสซี่ ลงล่าตาข่ายร่วมกับ หลุยส์ ซัวเรซ โดยยังมี อุสมาน เดมเบเล่ และเปาลินโญ่ เป็นทีเด็ดอยู่ข้างสนาม

บาร์เซโลน่า ที่ตุนสกอร์นัดแรกมาถึง 4-1 แน่นอนว่าการคิดถึงรอบต่อไปคงอยู่ในหัวของพวกเค้าไปหมดแล้ว แต่การมาเยือนกรุงโรมไม่หมูอย่างที่คิดเพราะมาเสียประตูเพียงแค่ 6 นาทีแรก เมื่อ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ กองกลาง กัปตันทีมโยนบอลยาวจากกลางสนามให้ เอดิน เชโก้ ดีดด้วยซ้ายเข้าไปตุงตาข่าย

โรม่า เล่นด้วยความกระหายไล่เพรสซิ่งทีมจากต่างดาวอย่างหนัก เล่นเอาเชื่อมเกมกันไม่ได้ แถมเปิดเกมบุกใส่อย่างหนักหน่วง สร้างปัญหาให้ทีมเยือนเป็นอย่างมาก จนเทรนเนอร์ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ต้องปรับหมากให้ทีมมาเน้นรับเต็มสูบ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังยิงเพิ่มไม่ได้ ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์อยู่ที่ 1-0

 

AP Photo/Andrew Medichini

 

ครึ่งหลัง โรม่า ที่ต้องโหยหาประตูอีก 2 ตุง ยังบดหนัก ผ่านครึ่งหลังมา 10 นาที เจ้าบ้านมาได้จุดโทษ จังหวะนี้คล้ายๆกับประตูแรกที่ บาร์ซ่า เสีย นาอิงโกลัน กระดกข้ามกองหลังให้ เชโก้ ดวลกับ เคราร์ด ปีเก้ ก่อนที่ศูนย์หน้าทีมชาติบอสเนียฯ จะถูกเหนี่ยวล้มในเขตโทษ เกลม็องต์ ตูร์กแป็ง ผู้ตัดสินชาวฝรั่งเศสเป่าให้เจ้าถิ่นได้ลูกจุดโทษ แล้วเป็น ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ยิงจุดโทษเท้าขวาตุงตาข่าย โรม่านำห่าง 2-0

มาถึงตรงนี้อะไรที่เป็นไปไม่ได้ก็เริ่มเป็นไปได้แล้ว บาร์ซ่าโดนกดโดยนักเตะโรม่า และบรรยากาศในสนามอันฮึกเหิมของแฟนเจ้าบ้าน 7 นาทีถัดมา เสียงเชียร์ในโอลิมปิก สเตเดี้ยม แทบแตก เมื่อ เกนกิซ อึนแดร์ ตัวสำรองเปิดลูกเตะมุมทางฝั่งขวาไปเข้าหัว คอสตาส มาโนลาส โขกสะบัดเข้าเสาแรกเสียบเสาไกลอย่างสุดสวย

จากนั้นบาร์ซ่า เร่งเครื่องหนัก ขอแค่มีประตูพวกเค้าจะพลิกสถานการณ์ทันที ส่วน โรม่า แม้นำ 3-0 แต่ไม่ได้เลือกเล่นแผนจอดรถบัสแต่อย่างใด เปิดเกมสู้กับบาร์ซ่าแบบไม่เกรงกลัวศักดิ์ศรี สุดท้ายสิ้นเสียงนกหวีดจบเกม โรม่า สร้างประวัติศาสตร์สำเร็จ ไล่ต้อน บาร์เซโลน่า กระจุย 3-0 และเมื่อรวมผล 2 นัด เสมอกัน 4-4 แต่เป็น โรม่า ที่ชนะด้วยกฏประตูทีมเยือน เดินหน้าสู่รอบรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

ถือเป็นการเข้ารอบตัดเชือกรายการนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1983-84 (ปีนั้นเข้าไปชิงชนะเลิศ ก่อนแพ้จุดโทษ ลิเวอร์พูล) กลายเป็นค่ำคืนที่แฟนบอลโรม่าต้องจดจำไปอีกนาน หลังเกมเราได้เห็นภาพแฟนบอลโรม่ารุ่นจิ๋วหลายรายต่างๆ ร่ำให้ด้วยความปลื้มปิติ ส่วนแฟนบาร์ซ่าต่างร่ำให้ด้วยอารมณ์ตรงข้าม หลังทีมรักกระเด็นตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างสุดเหลือเชื่อ

 

AP Photo/Andrew Medichini

 

บาร์เซโลน่า ที่ไม่แพ้ใครใน ลา ลีกา สเปน 38 นัดติดต่อกัน
บาร์เซโลน่า ที่เสียเพียง 3 ประตูในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นนี้
บาร์เซโลน่า ที่นำคู่แข่งห่างถึง 3 ประตู
และจะมีซักกี่เกมที่ “บาร์ซ่า” ยิงประตูคู่แข่งไม่ได้…

….

…..

นั่นละครับฟุตบอลลูกกลมๆ คำนี้ยังใช้ได้อยู่เสมอ กางสถิติดูเกมนี้เจ้าถิ่นโรม่ามีโอกาสยิงรวมในนัดนี้ถึง 16 ครั้ง มากกว่าบาร์ซ่าที่ยิงไป 9 ครั้ง ตลกร้ายคือ ดานิเอเล่ เด รอสซี่ และคอสตาส มาโนลาส ที่ทำเข้าประตูตัวเองในเกมนัดแรก กลับสามารถแก้ตัวยิงประตูได้ทั้งคู่ในนัดนี้ โดยเฉพาะ มาโนลาส ที่นอกจากจะโขกประตูชัยแล้ว ยังช่วยสกัดกั้นเกมรุกของบาร์ซ่าได้อย่างอยู่หมัด

ส่วนอีกหนึ่งคนที่ไม่ชมไม่ได้คงเป็น เอดิน เชโก้ ศูนย์หน้าตัวเก่งที่ถูกโฉลกกับทีม “อาซูลกราน่า” เหลือเกิน กดไป 3 ลูกใน 3 นัดหลังสุดที่เจอกันในแชมเปี้ยนส์ ลีก แถมเกมนี้ยังเล่นงานคู่เซนเตอร์ ปิเก้-อุมติตี้ จนสะบักสะบอม  ซึ่งเจ้าตัวเผยว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่ไม่ย้ายไปเชลซี ในช่วงเปิดตลาดนักเตะที่ผ่านมา

“มันไม่ง่ายเลย แต่ผมก็ยังอยู่ที่นี่ และผมมีความสุขมากที่ได้อยู่ที่นี่ สโมสรก็เช่นกัน”

“เลิกคุยเรื่องย้ายทีมได้แล้ว เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ” เซโก้ กล่าว

“เกมนี้สุดยอดมาก แต่ผมว่าเรายังดีได้มากกว่านี้ เราพิสูจน์แล้วว่าเราเจอกับใครก็ได้ บาร์เซโลน่า แข็งแกร่งมากแต่เราก็ยิงสามประตู และผ่านพวกเขามาได้ จริงๆ เราน่าจะยิงได้มากกว่านี้ด้วย”

 

AP Photo/Gregorio Borgia

 

ส่วน ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ กุนซือของทีมได้ทีกระตุ้นลูกทีมให้ทำผลงานเข้าชิงชนะเลิศในปีนี้ให้ได้

“นี่คือช่วงเวลาที่สุดยอด แต่แค่นี้มันยังไม่พอ เราต้องมองเป้าไปที่เคียฟ” (ปีนี้ชิงที่ยูเครน)

“เราต้องไม่พอใจเพียงแค่นี้ เราต้องตั้งเป้าให้สูงขึ้นไปอีก และต้องเชื่อมั่นว่า เราสามารถทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ”

สำหรับ บาร์เซโลน่า นี่คือความผิดหวังสุดบอบช้ำ พร้อมปิดโอกาสคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ในปีนี้ไปเสียสนิท ที่เหลืออยู่ตอนนี้โทรฟี่ลา ลีกา สเปน คงไม่น่าพลาด ส่วนโกปา เดล เรย์ รอชิงกับ เซบีย่า อีกที

ส่วนโรม่า นี่คือถ้วยเดียวที่ยังมีลุ้นคว้ามาครอง แต่แน่นอนว่าในรอบรองชนะเลิศ ยังมีกระดูกชิ้นโตรออยู่ จากศักยภาพต้องยอมรับว่า “จัลโล่รอสซี่” แทบเป็นรองทุกทีม แต่ก็นั่นละครับ ขนาดรอบ 8 ทีมสุดท้ายถูกวางให้เป็นเต็งบ๊วยยังล้ม บาร์เซโลน่า ได้ รอบต่อไปคงไม่ต้องมีอะไรต้องกลัว หาก “หมาป่าเหลืองแดง” ฝ่าด่านเข้าไปเป็นแชมป์ได้จริงๆ คงพอเป็นการชดเชยการไม่ได้ไปฟุตบอลโลก 2018 ของขุนพลอัซซูรี่ให้วงการฟุตบอลอิตาลีได้ไม่มากก็น้อย

….

“เต้ BlackPearl”

 

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/2HtYS2N
ดูสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/TrueIDSportsLive

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้