รีเซต
TRUE OPINIONS : วิเคราะห์ขุนพล "สิงโตคำราม" ชุดลุยฟุตบอลโลก 2018 ... by "เต้ BlackPearl"

TRUE OPINIONS : วิเคราะห์ขุนพล "สิงโตคำราม" ชุดลุยฟุตบอลโลก 2018 ... by "เต้ BlackPearl"

TRUE OPINIONS : วิเคราะห์ขุนพล "สิงโตคำราม" ชุดลุยฟุตบอลโลก 2018 ... by "เต้ BlackPearl"
kentnitipong
19 พฤษภาคม 2561 ( 00:26 )
1.9K

เต้ BlackPearl : ประกาศชื่อออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ สำหรับ 23 ขุนพลทีมชาติอังกฤษชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ รัสเซีย ลองไล่รายชื่อดูก็ต้องบอกว่าส่วนใหญ่เป็นไปตามที่สื่อแดนผู้ดีได้คาดการณ์เอาไว้ อาจจะมีเซอร์ไพรส์กันบ้างเล็กน้อยประปราย แต่ที่ติดมาถือว่าไม่ขี้เหร่แต่ละคนผลงานดีกับต้นสังกัดทั้งสิ้น ไม่มีประเภทกินบุญเก่านั่งสำรองกับสโมสรแต่มีชื่อติดทีมชาติแบบชุดก่อนๆ แถมชุดนี้ค่าเฉลี่ยอายุยังค่อนข้างน้อยถือเป็นทีมพลังหนุ่มยุคใหม่จริงๆ

 

 

ว่าแล้วไปสำรวจดูขุมกำลังทีม “สิงโตคำราม” กันหน่อยว่า ครั้งนี้มีสิทธิ์ไปได้ไกลแค่ไหนในฟุตบอลโลกฉบับแดนหมีขาว

….

…..

ผู้รักษาประตู : จอร์แดน พิคฟอร์ด (เอฟเวอร์ตัน), แจ็ค บัตแลนด์ (สโต๊ค), นิค โป๊ป (เบิร์นลี่ย์) / สแตนด์บาย : ทอม ฮีตัน (เบิร์นลี่ย์)

ต้องบอกเลยว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต เด็ดขาดจริงๆที่กล้าหั่น โจ ฮาร์ท ที่เฝ้าเสาเป็นนายทวารมือ 1 ของทีมสิงโตคำรามมาตลอด 3 ทัวร์นาเม้นต์หลังสุดออกจากทีม แถมไม่มีชื่อติดแม้กระทั่งเป็นตัวสแตนด์บายซะด้วย โดยเลือกใช้นายทวารที่ผลงานดีที่สุดในตอนนี้อย่าง พิคฟอร์ด, บัตแลนด์ และโป๊ป เป็น 3 จอมหนึบไปลุย รัสเซีย

ถ้าวัดกันที่ผลงานก็ต้องบอกว่าชั่วโมงนี้ทั้ง 3 คนผลงานดีกว่า โจ ฮาร์ท จริงๆ

ว่าแต่ใครล่ะที่จะขึ้นมาเป็นมือ 1ของทีม ? ไล่ดูประสบการณ์ในนามทีมชาติแล้วต้องบอกว่าแต่ละคนแทบไม่มี พิคฟอร์ด พึ่งลงไป 2 นัด, บัตแลนด์ 7 นัด ส่วนพี่หมื่นโป๊ปยังไม่เคยลงเล่นสักนัด

มาถึงตรงนี้ต้องบอกว่าคนที่ภาษีดีที่สุดต้องยกให้ จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่ฟอร์มดีกับต้นสังกัดอย่างเอฟเวอร์ตัน และคาแรคเตอร์เป็นคนที่มีความมั่นใจสูง แถมเปิดบอลเร็วได้ดี ไม่แน่นี่อาจจะเป็นทัวร์นาเมนท์แจ้งเกิดของเค้าเลยก็เป็นได้ แต่หากผลงานออกมาตรงข้าม เซาธ์เกต คงต้องรับไปเต็มๆ กับการเสี่ยงเลือกใช้ประตูไร้ประสบการณ์นานาชาติมาเฝ้าเสาในทัวร์นาเมนท์ใหญ่

ตัวอย่างการเลือกผิดมีให้เห็นมาแล้วไม่เชื่อลองย้อนไปดู โรเบิร์ต กรีน ที่ทำงามหน้าไว้ในฟุตบอลโลก 2010 เป็นตัวอย่าง

….

…..

กองหลัง : คีแรน ทริปเปียร์ (สเปอร์ส), ไคล์ วอล์คเกอร์ (แมนฯ ซิตี้), จอห์น สโตนส์ (แมนฯ ซิตี้), แกรี่ เคฮิลล์ (เชลซี), ฟิล โจนส์ (แมนฯ ยูไนเต็ด), แฮร์รี่ แม็คไกวร์ (เลสเตอร์), แดนนี่ โรส (สเปอร์ส), แอชลี่ย์ ยัง (แมนฯ ยูไนเต็ด), เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล) / สแตนด์บาย : เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ (เบิร์นลี่ย์)

 

AP Photo/Kirsty Wigglesworth

 

ต้องบอกว่าเซอร์ไพร์สทีเดียวสำหรับเจ้าหนูเทรนท์ที่มีชื่อติดไป รัสเซีย กับเค้าด้วย แข้งวัย 19 ปีพึ่งโผล่ขึ้นมาเป็นแกนหลักของ ลิเวอร์พูล แบบเต็มตัวในฤดูกาลนี้นี่เอง หลังจากเจ้าของสัมปทานแบ็กขวาในสโมสรทั้ง นาธาเนี่ยล ไคลน์ และโจ โกเมซ ต่างประสบปัญหาบาดเจ็บกันถ้วนหน้า และสามารถโชว์ผลงานได้เข้าตา แกเร็ธ เซาธ์เกต แม้ยังไม่เคยลงสัมผัสเกมทีมชาติมาก่อน

นอกจากนี้นายใหญ่ทีมสิงโตคำรามยังทำการเรียกตัว ฟิล โจนส์ และแกรี่ เคฮิลล์ กองหลังจอมเก๋ากลับมาติดทีมอีกครั้ง หลังจากหลุดโผไปในเกมอุ่นเครื่องครั้งล่าสุด ส่วนคนอื่นๆ ถือว่ามาตามนัดทั้ง จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็คไกวร์, คีแรน ทริปเปียร์, ไคล์ วอล์คเกอร์, แดนนี่ โรส รวมถึง แอชลี่ย์ ยัง (อายุมากที่สุดในทีมชุดนี้ 32 ปี) ก็ถูกหนีบไป รัสเซีย กับเค้าด้วย

ที่หลุดโผไปเลยคือ คริส สมอลลิ่ง ทำเอาหลายคนอดประหลาดใจไม่ได้ แต่จริงๆ เซาธ์เกต เองไม่ค่อยได้เลือกใช้งานปราการหลังจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รายนี้อยู่แล้วในช่วงหลัง เช่นเดียวกับ ไรอัน เบอร์ทรานด์ ที่มาโดนอาจารย์ยังเบียดหลุดโผทีมชาติไป  ส่วน โจ โกเมซ ถ้าไม่โดนอาการเจ็บหนักเล่นงานซะก่อนก็คงมีชื่อติดค่อนข้างแน่

ในทัวร์นาเมนท์นี้ เซาธ์เกต จะเลือกใช้ระบบกองหลัง 3 ตัวในการลุยเวิลด์คัพ โดยหุบ ไคล์ วอลเกอร์ จากแบ็กขวาเข้ามาเป็นตัวสต็อปเปอร์ ร่วมกับเซนเตอร์ฮาล์ฟอาชีพอีก 2 ราย ที่คาดว่าจะเป็น จอห์น สโตนส์ ได้ยืนเป็นสวีปเปอร์ ส่วนสต็อปเปอร์อีกข้างคงต้องแย่งชิงตำแหน่งกัน ในส่วนของวิงแบ็ก 2 ข้าง คีแรน ทริปเปียร์ ยึดทางขวาแน่ ส่วนแดนนี่ โรส คงต้องไปวัดกับ แอชลี่ ยัง อีกที

….

…..

กองกลาง : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (ลิเวอร์พูล), เอริค ดายเออร์ (สเปอร์ส), เดเล่ อัลลี่ (สเปอร์ส), ราฮีม สเตอร์ลิ่ง (แมนฯ ซิตี้), เจสซี่ ลินการ์ด (แมนฯ ยูไนเต็ด), รูเบน ลอฟตัส-ชีค (คริสตัล พาเลซ / ยืมจาก เชลซี), ฟาเบียน เดลฟ์ (แมนฯ ซิตี้) / สแตนด์บาย : ลูอิส คุ้ก (บอร์นมัธ), เจค ลิเวอร์มอร์ (เวสต์บรอมวิช), อดัม ลัลลาน่า (ลิเวอร์พูล)

 

AP Photo/Alastair Grant

 

แผงกลางชุดนี้ได้ตัวหลักๆติดมากันครบครันทั้ง เฮนเดอร์สัน, สเตอร์ลิ่ง, ดายเออร์, อัลลี่ และลินการ์ด ที่ต้องแย่งตำแหน่งลงไปยืนเป็นตัวจริงในแผงมิดฟิลด์ตามแผนของ เซาธ์เกต

ที่ติดมาแบบงงๆ เห็นจะเป็น ฟาเบียน เดลฟ์ ที่หลุดทีมชาติไปเกือบๆ 1 ปี แถมกับต้นสังกัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าตัวถูกจับไปเล่นเป็นแบ็กซ้ายด้วยซ้ำ ก็ต้องดูว่า เซาธ์เกต จะมอบหมายให้เล่นตำแหน่งไหน นอกจากนี้ยังมี รูเบน ลอฟตัส-ชีค กองกลางฟอร์มดีจาก คริสตัล พาเลซ ถูกหนีบติดมาด้วย

ส่วนคนที่หลุดไปนั้นถือว่าน่าเสียดายทีเดียวสำหรับ อเล็กซ์ อ็อกเหลด – แชมเบอร์เลน ที่ผลงานกำลังดีวันดีคืนกับ หงส์แดง แต่ก็ต้องมาโดนอาการบาดเจ็บพรากตัวไปซะก่อน อีกคนคือ แจ็ค วิลเชียร์ กองกลางจาก อาร์เซน่อล ที่ผลงานยังไม่ประทับใจ เซาธ์เกต ส่วน อดัม ลัลลาน่า เจ็บไปนานทำให้ผลงานและสภาพร่างกายคงยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่ มีชื่อติดเพียงตัวสแตนด์บาย

สำหรับคนที่น่าจะได้ออกสตาร์ทนั้นอยู่ที่ว่าบอสของทีมชาติอังกฤษจะเน้นเกมรุก-รับแค่ไหน เอริค ดายเออร์ จะยืนเป็นตัวรับหนึ่งคนแน่ๆ หากเน้นรัดกุมมีตัวออกบอลดีๆ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ก็น่าจะได้ลงมายืนคู่กัน

ตัวทำเกมดู เซาธ์เกต จะชื่นชอบ เจสซี่ ลินการ์ด มากกว่า เดเล่ อัลลี่ ซะอย่างงั้น เพราะรู้มือกันมาตั้งแต่คุมทีมชาติชุดยู-21 ส่วน ราฮีม ที่ปีนี้ฟอร์มดีเหลือเกินน่าจะจับจองตัวจริงในตำแหน่งตัวรุกอีกหนึ่งตำแหน่ง หรืออาจถูกดันขึ้นไปช่วยงาน แฮร์รี่ เคน ในแดนหน้า  ก็สามารถทำได้ตามสถานการณ์

….

…..

กองหน้า : แฮร์รี่ เคน (สเปอร์ส), มาร์คัส แรชฟอร์ด (แมนฯ ยูไนเต็ด), เจมี่ วาร์ดี้ (เลสเตอร์), แดนนี่ เวลเบ็ค (อาร์เซน่อล)

 

 

แกเร็ธ เซาธ์เกต เลือกกองหน้าไปฟุตบอลโลกครั้งนี้ 4 รายด้วยกัน ไล่รายชื่อดูก็ต้องบอกว่านี่คือ 4 ศูนย์หน้าเพชรฆาตที่ดีที่สุดของทัพ “ทรีไลอ้อนส์” ในชั่วโมงนี้แล้ว โดย 3 จาก 4 คือกองหน้าที่ผ่านศึกยูโร 2016 มาแล้ว เปลี่ยนแค่จาก เวย์น รูนี่ย์ เป็น แดนนี่ เวลเบ็ค เท่านั้น

แน่นอนว่า แฮร์รี่ เคน ถูกตั้งความหวังในฐานะศูนย์หน้าตัวหลักของทีม ผลงานกับต้นสังกัดไม่ต้องพูดถึงซีซั่นล่าสุดก็กดประตูในลีกไปถึง 30 ประตู ส่วนในทีมชาติซัดไปแล้ว 12 ประตูจาก 23 นัด เรียกว่า อังกฤษ เองก็ไม่มีกองหน้าคมๆ แบบนี้มานานแล้ว

แต่หากลองไล่ดูผลงานของ เคน ในฟุตบอลรายการใหญ่ต้องบอกว่ายังสอบไม่ผ่าน อาทิ ฟุตบอลยู-21ชิงแชมป์ยุโรป ปี 2015 เคน ซึ่งเป็นตัวความหวังของทีมกลับยิงประตูไม่ได้แม้แต่ลูกเดียว พร้อมพา อังกฤษ ตกรอบแบ่งกลุ่มด้วยการจมบ๊วย หรือจะเป็นยูโร 2016 ที่อังกฤษลงเล่นไป 4 นัดก็ยังไม่มีประตูจากศูนย์หน้ารายนี้อยู่ดี (ส่วนหนึ่งเพราะโดน รอย ฮอดจ์สัน จับไปเป็นคนเตะมุม ???) ทำให้ครั้งนี้เจ้าตัวคงต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้

อีก 3 รายคงต้องสอดแทรกกันลงหาก เซาธ์เกต เลือกใช้กองหน้าคู่ แดนนี่ เวลเบ็ค ศูนย์หน้าทีม อาร์เซน่อล ตั้งแต่ค้าแข้งมายิงในลีกไม่เคยถึงหลัก 10 ประตู แต่กับทีมชาติยิงไป 15 ประตู จาก 37 นัด ถือว่ามีค่าเฉลี่ยใช้ได้ทีเดียว

เจมี่ วาร์ดี้ ผลงานกับ เลสเตอร์ ไม่ขี้เหร่ ปีนี้ซัดในลีกไป 20 ประตู และมีจุดเด่นเรื่องความขยัน วิ่งไม่มีหมด น่าจะเป็นตัวป่วนกองหลังคู่ต่อสู้ได้เป็นอย่างดี ส่วน แรชฟอร์ด ปีนี้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลงเยอะก็จริง แต่ยังเข้าๆ ออกๆ ม้านั่งสำรองซะเป็นส่วนใหญ่ทำให้จำนวนประตูที่ยิงได้ค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตามก็ยังมีความเร็ว และความสามารถเฉพาะตัวไว้ปั่นป่วนแนวรับคู่แข่งได้อีกคน

จากการคาดการณ์ รายชื่อ 11 ตัวจริงของทัพ “สิงโตคำราม” หากไม่มีใครบาดเจ็บถอนตัวไปซะก่อนน่าจะมีหน้าตาออกมาแบบนี้

ระบบ
3-4-2-1

พิคฟอร์ด

วอล์คเกอร์       สโตนส์       แม็กไกวร์

ทริปเปียร์       เฮนเดอร์สัน       ดายเออร์       โรส (ยัง)

ลินการ์ด (อัลลี่)      สเตอร์ลิ่ง

เคน

 

นี่หละครับหน้าตาของ 11 ตัวจริงที่เตรียมใช้ลุยฟุตบอลโลกครั้งนี้ อย่างไรก็ตามพลพรรคสิงโตคำราม ยังมีเกมอุ่นเครื่องลองทีมที่ อังกฤษ ก่อนบินไป รัสเซีย 2 นัดด้วยกัน โดยจะพบกับ ไนจีเรีย ในวันที่ 2 มิถุนายน และคอสตาริกา วันที่ 7 มิถุนายน หากใครฟอร์มไม่ดีก็มีโอกาสสับเปลี่ยนหน้าตาได้เช่นกัน

จากนั้น อังกฤษ จะลงประเดิมศึกเวิลด์คัพ 2018 กับตูนีเซีย ในวันที่ 18 มิถุนายน ต่อด้วย ปานามา วันที่ 24 มิถุนายน และศึกหนักกับ เบลเยี่ยม 28 มิถุนายน หากผลงานรอบแรกใสปิ๊ง น่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากโข

แต่จะไปไกลแค่ไหนสำคัญที่สุดคือรอบน็อคเอาท์ อังกฤษ ห้ามเสมอเด็ดขาด เพราะรู้ๆ กันอยู่แล้วว่าคงไม่มีใครกลัวหากต้องดวลจุดโทษกับ อังกฤษ

….

“เต้ BlackPearl”

 

โปรแกรมการแข่งขัน พร้อมช่องถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2018

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/2HtYS2N
ดูสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/TrueIDSportsLive

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้