รีเซต
TRUE TALK : "กาแฟ" และ "ผู้จัดการทีม" เคล็ดลับแห่งความสำเร็จของทัพ "ช้างศึก" ? ... by "พี่หมอเอก"

TRUE TALK : "กาแฟ" และ "ผู้จัดการทีม" เคล็ดลับแห่งความสำเร็จของทัพ "ช้างศึก" ? ... by "พี่หมอเอก"

TRUE TALK : "กาแฟ" และ "ผู้จัดการทีม" เคล็ดลับแห่งความสำเร็จของทัพ "ช้างศึก" ? ... by "พี่หมอเอก"
kentnitipong
19 พฤษภาคม 2561 ( 00:59 )
508

พี่หมอเอก : ในทุกวันนี้ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหนในเมืองไทย หรือแม้กระทั่งเดินทางไปในต่างประเทศ สิ่งหนึ่งที่ผมมักจะต้องทำอยู่เสมอคือ การหาร้านกาแฟที่เป็นของท้องถิ่นนั้น เพื่อเข้าไปลิ้มลองรสชาติกาแฟที่แตกต่างกันไปในแต่ละที่ พร้อมทั้งนั่งสังเกตวิถีชีวิตของผู้คนที่ผ่านไปมา และหมุนเวียนเข้าออกในร้านกาแฟนั้น หลายๆ ครั้งก็ได้มิตรภาพในร้านกาแฟ หลายๆ ครั้งก็ได้เจอหนังสือดีๆ ให้ได้หยิบมาอ่านในร้านกาแฟ และมีหลายครั้งได้ฟังเพลงเพราะแล้วรู้สึกชอบเพลงนั้นที่เปิดในร้านกาแฟ

 

 

ทุกวันนี้วิถีชีวิตของเราผูกพันกับกาแฟหลากหลายชนิด หลากหลายรูปแบบ หลากหลายรสชาติ และหลากหลายวิธีชง และปรุงรส

ไม่มีตัวเลขอย่างเป็นทางการว่าคนไทยเราดื่มกาแฟกันมากขนาดไหน แต่มีตัวเลขเป็นข้อมูลของประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าคนอเมริกันร้อยละ 80 ดื่มกาแฟครับ โดยแบ่งเป็นคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำร้อยละ 55 และดื่มเป็นบางครั้งร้อยละ 25 ซึ่งถือว่าเยอะทีเดียว ไม่น่าแปลกใจที่ยอดขายมหาศาลทำให้ สตาร์บั๊ค เป็นยักษ์ใหญ่ในธุรกิจของสหรัฐอเมริกาได้

ในปัจจุบันนี้สำหรับทีมฟุตบอลหากต้องเดินทางไปแข่งขันไม่ว่าที่ไหนก็ตาม สิ่งหนึ่งที่ต้องสำรวจ และตามหาให้ได้คือร้านกาแฟรสชาติดีๆ ที่จะต้องซื้อมาให้นักฟุตบอลได้ดื่มกันก่อนเดินทางไปสนามแข่งขันครับ

การเดินทางไปแข่งขันในต่างประเทศกับทีมชาติ เรามักจะใช้เวลาว่างช่วงสั้นๆ ตอนสายหรือช่วงบ่ายที่ว่างจากโปรแกรมซ้อมหรือแข่งออกไปหาร้านกาแฟอร่อยๆ นั่งจิบกาแฟ ถือเป็นการพักผ่อนไปในตัวแถมเป็นเวลาที่ใช้พูดคุยสร้างความสัมพันธ์กันในทีมได้เป็นอย่างดี

หนึ่งประเทศที่นักฟุตบอลรวมถึงสต๊าฟในทีมมีความกระตือรือล้นที่จะไปนั่งจิบกาแฟกันออกนอกหน้าคือที่ประเทศเวียดนามครับ โดยเฉพาะที่เมืองโฮจิมินห์

ที่ เวียดนาม เป็นประเทศหนึ่งที่ร้านกาแฟแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่าง สตาร์บั๊ค ต้องยอมแพ้ต่อร้านกาแฟท้องถิ่น ไม่สามารถเจาะตลาดกาแฟเวียดนามได้ง่ายๆ เหมือนที่อื่น เพราะที่ โฮจิมินห์ นั้น ล้วนแต่เต็มไปด้วยร้านกาแฟดีๆ อร่อยๆ มากมาย ซึ่งผมมีเมนูกาแฟที่อยากจะแนะนำคือ “คาเฟ เสือ ด๋า” ในภาษาเวียดนาม หรือแปลตรงตัวคือกาแฟเย็นใส่นม  ซึ่งก็คือกาแฟโบราณแบบบ้านเรานั่นเองครับ แต่รสชาติเข้มข้น หวาน มัน หอมกาแฟ แบบที่ใครได้กินแล้วต้องติดใจครับ

และนอกจากกาแฟอร่อยๆ ที่ทำให้พวกนักฟุตบอล และสต๊าฟในทีมติดใจแล้ว ร้านกาแฟในโฮจิมินห์ยังมีทีเด็ดตรงที่น้องๆ พนักงานเสิร์ฟในร้านที่แต่ละร้านต่างก็แข่งกันเรื่องความสวยของน้องๆ พนักงาน และความเป็นกันเองกับลูกค้า ที่น้องๆ จะคอยวนเวียนมาดูแลพูดคุยกับลูกค้าอยู่ตลอด  นึกภาพตามก็คงคล้ายๆ สาวเชียร์เบียร์ในบ้านเรานี่แหละครับ

อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในกาแฟนั้นมีสารออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทที่ชื่อว่า “คาเฟอีน” เป็นสารออกฤทธิ์หลักอยู่ในกาแฟ บรรยากาศในร้านกาแฟก็ช่วยกระตุ้นให้เกิดความคึกคัก กระชุ่มกระชวยได้เหมือนกันครับ ใครได้มีโอกาศแวะเวียนไปที่ โฮจิมินห์ ผมแนะนำให้ไปลองนั่งจิบกาแฟของเขาดูครับ

….

…..

ในสมัยก่อนนั้นสารคาเฟอีนถือเป็นหนึ่งในสารกระตุ้นหรือเรียกง่ายๆ คือ สารโด๊ป ซึ่งเป็นสารต้องห้ามในวงการกีฬานะครับ

แต่ในปี 2004 หรือเมื่อเกือบ 15 ปีที่ผ่านมา World Anti-Doping Agency (WADA) ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่ดูแลกฏระเบียบเกี่ยวการใช้สารกระตุ้นได้ประกาศถอนคาเฟอีนออกจากรายการสารกระตุ้นที่ต้องห้ามสำหรับนักกีฬา จึงเริ่มมีการใช้ และศึกษาผลของคาเฟอีนต่อการเพิ่มสมรรถนะของนักกีฬาอย่างกว้างขวาง

ทำให้ในปัจจุบันนี้เรามีข้อมูลทางวิชาการที่มีหลักฐานพอที่จะเชื่อได้ว่า คาเฟอีน นั้นมีผลช่วยเพิ่มสมรรถนะของนักกีฬาได้จริง

ปริมาณคาเฟอีนที่ส่งผลให้มีการเพิ่มสมรรถนะของนักกีฬาคือ 1.5 ถึง 3 มิลลิกรัมของคาเฟอีนต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือตีรวมๆ คร่าวๆ ว่าปริมาณคาเฟอีนที่ 200 มิลลิกรัมมีผลกระตุ้นสมรรถนะในนักกีฬาส่วนใหญ่ (ปริมาณคาเฟอีนในกาแฟเอสเพรสโซ 1 ช็อต มี 40 มิลลิกรัม)

เราสามารถกินคาเฟอีนไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนก็ให้ผลคล้ายๆ กัน ขึ้นอยู่ที่ปริมาณคาเฟอีนที่ได้รับเข้าไป โดยสามารถกินได้ทั้งก่อนลงซ้อม หรือแข่งขันประมาณ 1-2 ชั่วโมง กินระหว่างแข่งขันก็ได้ แต่ควรระวังไม่ให้ได้รับคาเฟอีนมากเกินคือเกินไปถึงขนาด 6-9 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เพราะจะส่งผลให้มีอาการมือสั่น ใจสั่น ลำไส้ปั่นป่วน ได้ครับ

สำหรับผลของ คาเฟอีน ต่อนักกีฬานั้น ทำให้นักกีฬามีความตื่นตัว มีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว และมีความรู้สึกต่อความเหนื่อยน้อยกว่าปกติ เนื่องจากการออกฤทธิ์ที่ระบบประสาทของ คาเฟอีน

ส่วนในเรื่องการใช้พลังงานนั้นพบว่า คาเฟอีน ทำให้ร่างกายใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานได้ดีขึ้น และใช้ออกซิเจนได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น (VO2max) เหมือนกับเครื่องยนต์ที่ใช้เทอร์โบ เพราะมีการเอาพลังงานมาใช้ร่วมกับออกซิเจนได้มากขึ้น ส่งผลให้กล้ามเนื้อมีพลังมากขึ้น และใช้งานได้นานขึ้น มีการทดสอบโดยการให้วิ่งสปริ้นท์ต่อเนื่อง ให้กระโดดต่อเนื่อง และกระโดดสูง ปรากฏผลว่าคนที่กิน คาเฟอีน ให้ผลการทดสอบที่ดีกว่า

จะเห็นว่ากาแฟส่งผลดีต่อสมรรถนะทางด้านร่างกายของนักกีฬาดังที่มีผลการศึกษาวิจัยยืนยัน แถมมีผลดีต่อสภาพจิตใจของนักกีฬา โดยเฉพาะกีฬาประเภททีมที่การนั่งพูดคุยกันในร้านกาแฟส่งผลดีต่อบรรยากาศทีมโดยรวม

หนึ่งในความลับที่เป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จของทีมชาติชุดที่มี “มาดามเดียร์” เป็นผู้จัดการทีม คือการสร้างบรรยากาศของความรักเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันในทีมด้วยการนั่งพูดคุยกันในร้านกาแฟนั่นเองครับ

นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผมอยากจะบอก และมักจะเน้นย้ำเสมอว่าหากต้องการให้บอลไทยประสบความสำเร็จเราจำเป็นที่จะต้องให้มีระบบผู้จัดการทีมเป็นเสาหลักของทีมเหมือนเดิมครับ บางอย่างอาจจะดีในบริบทอื่นๆ แต่สำหรับบริบทฟุตบอลไทยในปัจจุบันนั้น ผู้จัดการทีม ยังมีความสำคัญต่อความสำเร็จของทีมครับ

และ อย่าลืม…. แพทย์ประจำทีมที่เข้าใจฟุตบอลก็สำคัญต่อทีมเหมือนกันนะครับ

….

“พี่หมอเอก”

__________
ข่าวดี สมัครแอปทรูไอดีครั้งแรก รับ 50 ทรูพอยท์ทันที! เฉพาะลูกค้า TrueMove H เพิ่มเติม http://bit.ly/TrueID50Points

ใช้ได้ฟรีทุกเครือข่าย ลูกค้าทรูรับสิทธิพิเศษ โหลดเลย! http://bit.ly/2BGJw6C
ทรูไอดี ที่เดียวครบสุด ทุกความสนุกและสิทธิพิเศษ

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ