รีเซต
EXCLUSIVE : ชัยชนะของฟุตบอลไทย : เมื่อ "ธีราทร - ชนาธิป" สู้กันบนเวทีเจลีกในฐานะ "คู่แข่ง" ... by "บก.เก้น"

EXCLUSIVE : ชัยชนะของฟุตบอลไทย : เมื่อ "ธีราทร - ชนาธิป" สู้กันบนเวทีเจลีกในฐานะ "คู่แข่ง" ... by "บก.เก้น"

EXCLUSIVE : ชัยชนะของฟุตบอลไทย : เมื่อ "ธีราทร - ชนาธิป" สู้กันบนเวทีเจลีกในฐานะ "คู่แข่ง" ... by "บก.เก้น"
kentnitipong
21 พฤษภาคม 2561 ( 14:15 )
6K

บก.เก้น : หากเปรียบฟุตบอลเจลีกคู่ที่ผมได้มีโอกาสไปชมสดๆ ถึงขอบสนามอย่าง วิสเซล โกเบ กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เป็นภาพยนตร์ชุดจีนสักเรื่องหนึ่งจากค่ายชอว์บราเดอร์ส แล้วหล่ะก็… เห็นทีพล็อตหนังเรื่องนี้คงจะออกมาในทำนองของเส้นทางการต่อสู้กันระหว่างสองพี่น้องร่วมสายเลือด ที่สุดท้ายต่างเลือกทางเดินของตัวเอง ก่อนจะต้องนำความสามารถทุกอย่างที่มีมาประหัตประหารกัน เพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งในยุทธภพเป็นแน่

 

 

Chapter 1 : เป็นไป (ไม่) ได้ ?

เพราะการต่อสู้บนผืนฟลอร์หญ้าที่ โนเอเวียร์ สเตเดี้ยม ในวันนี้ ดันมาเป็นการลงสนามดวลกันของสองพี่น้องที่เคยลงเล่นเคียงข้างกันมาโดยตลอด ทั้งในสีเสื้อทีมชาติ และระดับสโมสร

แต่วันนี้ โชคชะตา และความสามารถได้นำเขาทั้งสองมาลงเล่นในเวทีฟุตบอลที่ดีที่สุดในเอเชียอย่าง เจลีก ท่ามกลางแฟนบอลเกือบๆ สองหมื่นคน “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน จะได้เจอกับ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ในฐานะ “คู่แข่ง”

คงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่นักเตะจากชาติที่ไม่เคยไปฟุตบอลโลกเลยแม้แต่ครั้งเดียว, มีฟีฟ่า แรงกิ้ง ต่ำกว่า 100 อันดับแรก (อัพเดตล่าสุด : เดือนพฤษภาคม อันดับ 122), ยอมปิดลีกเพื่อเปิดทางให้กับเอเชียนเกมส์ จะได้มีโอกาสลงเล่นใน เจลีก ที่มีมาตรฐานการบริหารจัดการทั้งใน และนอกสนามเทียบเท่า หรืออาจจะดีกว่าหลายๆ ลีกในยุโรปด้วยซ้ำ

เทียบกับ ญี่ปุ่น ที่ไม่เคยวืด เวิลด์ คัพ รอบสุดท้ายเลยนับตั้งแต่ครั้งแรกของพวกเขาที่ ฝรั่งเศส (ฟร้องซ์ 1998), ฟีฟ่า แรงกิ้ง ดีกว่าไทย 62 อันดับ, ได้รับการยอมรับว่าเป็นลีกฟุตบอลเบอร์ 1 ของเอเชีย, ส่งออกนักเตะไปเล่นในยุโรปมากกว่า 50 คน (อ้างอิงข้อมูลจาก Soccerway.com) ฟุตบอลญี่ปุ่นจึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างแกร่งจน “เกินเอื้อม” และ “เกินฝัน” สำหรับคนไทยอยู่พอสมควร

ยิ่งการฝันเห็นนักเตะไทยลงสนามพร้อมๆ กันถึงสองคนในแมตช์เดียวนั้นจึงเป็นอะไรที่แทบ “เป็นไปไม่ได้”

แต่เมื่อมนุษย์ได้สร้างคำนิยามกับโลกใบนี้ว่า กฎ ย่อมมีไว้ทำลาย (แหก), ความฝัน คือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง ก็คงไม่มีกำแพงใดๆ จะมาขวางกั้นความฝันของนักเตะไทยได้เช่นกัน

จนกระทั้งวานนี้ ผมเห็น ธีราทร กับ ชนาธิป ลงสนามพร้อมๆ กันในฐานะ “คู่แข่ง” …

….

…..

Chapter 2 : ฝีเท้าเท่านั้นที่พาคุณมายืนอยู่จุดนี้

คนๆ หนึ่งเป็นถึงอดีตกัปตันทีมทัพ “ช้างศึก”, เป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ที่ประสบความสำเร็จบนแผ่นดินด้ามขวานทองมาแล้วมากมาย จนหลายคนมองว่าคงถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องมาพิสูจน์ตัวเองบนแดนปลาดิบ

ขณะเดียวกัน อีกคนหนึ่งเป็นถึงระดับซูเปอร์สตาร์ที่เอาชนะใจแฟนบอลญี่ปุ่นได้แล้ว ด้วยสไตล์การเล่นที่ตื่นตาตื่นใจชวนลุ้นกันมันส์หยดไปในทุกคราที่เขาได้บอล การได้ลงสนามในบทบาท “จอมทัพ” คือเครื่องพิสูจน์ได้ว่า เขาคือนักเตะจากอาเซียนที่มาเล่นในเจลีกด้วยฝีเท้า และความสามารถล้วนๆ

การลงสนามของทั้ง “อุ้ม” และ “เจ” ในวันนี้จึงมีความหมายกับวงการฟุตบอลไทยมากกว่าปกติ เพราะนี่ไม่ใช่ดีลมาร์เก็ตติ้ง นี่ไม่ใช่การซื้อนักเตะไทยมาเพื่อขายเสื้อแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นดีลที่เกิดขึ้นด้วยคุณภาพของฝีเท้าอย่างแท้จริง พิสูจน์ได้จากการลงเล่นเป็นตัวหลัก และการได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอของทั้งคู่

หากวัดสถิติทั้งสองหลังจากจบเกมนัดนี้ (วิสเซล โกเบ 4-0 คอนซาโดเล่ ซัปโปโร) จะเห็นได้ชัดเลยว่านี่เป็นการลงสนามในฐานะ 11 ตัวจริง พร้อมกับลงเล่นครบ 90 นาทีเป็นเกมที่ 7 ติดต่อกันของ ธีราทร แล้ว (ลงเล่น 13 นัด) ขณะที่ ชนาธิป ชัดเจนว่าเจ้าตัวคือคีย์แมนที่ทีมจะขาดไปไม่ได้ซะแล้ว.. 3 ประตู 1 แอสซิสต์ จากการลงเล่นเป็นตัวจริงทั้งหมด 13 นัด แถมยังพาทีมทำสถิติไร้พ่าย 9 นัดติด จนพาทีมขึ้นมารั้งหัวตาราง ย่อมแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของนักเตะทั้งสองคนนี้ว่า…

พวกคุณมาที่นี่ด้วยฝีเท้า ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย !!!

….

…..

Chapter 3 : วัดฟอร์ม อุ้ม vs เจ

15 นาทีแรก คือการพยายามมองหาความแตกต่างระหว่างนักเตะญี่ปุ่นกับนักเตะไทย ที่เห็นชัดมากๆ คือ นักเตะแดนอาทิตย์อุทัยแทบจะทุกคนมีระเบียบวินัยในการเล่นสูงมาก ไล่มาตั้งการออกบอลเซ็ตบอลตั้งแต่แนวรับ การขึ้นเกม และเข้าทำที่หลากหลายจริงๆ

ฟุตบอลญี่ปุ่นมีความเป็นแทคติกที่สูงมากๆ ซึ่งค่อนข้าง “แตกต่าง” จากที่ทั้ง ธีราทร และชนาธิป เคยเผชิญมาในไทยลีก นี่จึงเป็นข้อดีที่ทั้งคู่ได้สัมผัสกับฟุตบอลที่มีมาตรฐานสูงระดับนี้ เพื่อนำมาปรับ และยกระดับการเล่นให้กับตัวเอง อันมีผลโดยตรงต่อการกลับมาเล่นให้กับทีมชาติไทยนั่นเอง

ความฟิต คือข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจนมากๆ ว่า นักเตะไทยยังเป็นรองอยู่พอสมควร คือผมให้คำนิยามสั้นๆ ไว้อย่างนี้ว่า “ต่อให้คุณมีเทคนิคที่ดี แต่คุณไม่ได้มีสภาพร่างกายที่พร้อม คุณก็คงไม่มีวันทำอะไรในสนามได้ดั่งที่ใจคุณคิด”

ธีราทร ดูเหมือนจะยังรักษามาตรฐานการเล่นของตัวเองเอาไว้ได้ คืออาจจะไม่ได้โดดเด่นสุด แต่ก็ไม่ได้มีช็อตพลาดแบบน่าเกลียดอะไร อาจจะมีแค่ช่วงต้นเกมที่เจอแนวรุกของทีมเยือนเติมเกมขึ้นมากดดัน และมีโอกาสครอสจากริมเส้น รวมถึงจ่ายตัดหลัง ธีราทร ได้หลายครั้ง

ส่วนการเติมเกมของแบ็กซ้ายหมายเลข 30 นั้นอาจจะไม่ได้จัดจ้าน หรือดุดันดั่งสมัยที่เล่นในไทย เนื่องด้วยการที่ มิไฮโล เปโตรวิช วาง โคจิ มิโยชิ เด็กเทพแห่งวงการฟุตบอลญี่ปุ่น กับ โยชิอากิ โคมาอิ ไว้เล่นงาน อุ้ม โดยเฉพาะ ทำให้ครึ่งแรก ธีราทร ยังต้องระวังหลังอยู่พอสมควร

แม้ช่วยให้ทีมไม่เสียประตูในวันนี้ แต่ก็มีบางสิ่งที่ “อุ้ม” แทบจะไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้เลยนั่นคือ การรับมือกับลูกกลางอากาศ ที่โค้ชเปโตรวิชโยก เคน โทคุระ ไปยืนติดกับเจ้าตัวในครึ่งเวลาหลัง ยังดีที่วันนี้แนวรุกในแดนหน้าทั้ง ชนาธิป และเจย์ โบธรอยด์ ไม่สามารถเก็บบอลจังหวะสองต่อได้มากนัก คือสิ่งที่ ธีราทร ยังต้องพัฒนาต่อไปในเจลีกซีซั่นแรก

ส่วน ชนาธิป ต้องยอมรับว่า วานนี้อาจจะยังไม่ใช่วันที่ดีนักของเจ้าตัว ทั้งในแง่ของการจบสกอร์ รวมถึงการสร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีม แต่อย่างที่ทุกคนเห็นกันว่า สองใบแดงของ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ทำให้โอกาสที่ ชนาธิป จะปั้นเกมรุกแบบเน้นๆ มันก็น้อยลงไปอีก ลำพังแค่การลงไปช่วยเล่นเกมรับ ก็ค่อนข้างเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสอยู่ไม่น้อย

แต่หากมองภาพรวมก่อนที่ เจลีก จะปิดยาวเพื่อหลีกทางให้กับฟุตบอลโลก ต้องบอกเลยว่า ชนาธิป สอบผ่านแบบไร้กังวล ไร้รอยต่อ (ทอเต็มผืน) ในฐานะนักเตะคีย์แมนของ มิไฮโล เปโตรวิช และคอนซาโดเล่ ซัปโปโร ในช่วง 15 นัดแรกของศึกเจลีก 2018

….

…..

Chapter 4 : เรามาทำตามฝันกันที่ ญี่ปุ่น

“ภาพที่คุ้นเคย และเห็นบ่อยๆ ตอนอยู่เมืองไทยคือ เราจะแปะมือแบบนี้เวลาแสดงความดีใจกัน.. แต่วันนี้มันไม่ใช่ มันเป็นการมาทำตามความฝันกันที่นี่เราต่างมีหน้าที่ต้องเจอกัน.. และเราก็เต็มที่กับงานของตัวเอง จบเกมส์ความสนิทความรักที่มีให้กันยังเหมือนเดิมไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน”

นี่คือประโยคกินใจที่ ธีราทร ได้โพสต์ไว้บนโลกโซเชี่ยลหลังจากลงทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมในแมตช์ประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลไทย หลังเจ้าตัวพาต้นสังกัดอย่าง วิสเซล โกเบ ไล่ลถ่ม คอนซาโดเล่ ซัปโปโร ของ ชนาธิป ไปแบบขาดลอย 4-0

ก่อนหน้านี้เรามักจะเห็นทั้งคู่ลงเล่นในสีเสื้อเดียวกันมาตลอด ตั้งแต่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด รวมถึงทีมชาติไทย ความสำเร็จ รอยยิ้ม ความผิดหวัง คราบน้ำตา และอีกหลายๆ โมเม้นต์ ล้วนแต่เป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของทั้งสองเป็นอย่างดี

แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง บางครั้ง คนที่รักกัน ก็ต้องมาต่อสู้กัน เพื่อความฝัน เพื่ออนาคตของตัวเอง…

แม้ยกนี้ ธีราทร อาจจะเป็นฝ่ายถูกแฟนบอลญี่ปุ่นชูมือในฐานะผู้ชนะ แต่สำหรับแฟนบอลไทยแล้ว ทั้งสองล้วนแต่เป็นผู้ชนะ และถูกชูมือขึ้นพร้อมๆ กัน บางทีผลการแข่งขันในสนามอาจจะไม่ได้มีความหมายเท่ากับการที่ได้เห็นนักเตะไทยสองคนลงแข่งขันกันคนละฟาก มันคือประวัติศาสตร์ มันคือความจริงที่ทุกๆ คนได้เห็นแล้วว่า นักฟุตบอลจากไทยได้ก้าวข้ามคำว่า “อาเซียน” มาพักใหญ่ๆ แล้ว

มันคือ “ชัยชนะ” ของวงการฟุตบอลไทยอย่างแท้จริง

“ก้าวสู่การเป็นทีมหมายเลขหนึ่งของเอเชีย” คือแคมเปญใหญ่ที่ วิสเซล โกเบ หวังจะทำให้ได้ ด้วยเม็ดเงินสนับสนุนที่อาจจะมากที่สุดทีมหนึ่งในเจลีก สนามแข่งขันระดับที่เคยผ่านเวทีฟุตบอลโลกมาแล้ว รวมถึงพลังแฟนบอลที่พร้อมจะเป็น “ซัพพอร์ตเตอร์” ให้กับทีมไม่ว่าจะในวันที่ชนะ หรือแพ้ คือจุดแข็งที่น่าสนใจมากๆ ว่า ถ้าในอีกสองถึงสามฤดูกาลต่อจากนี้ ธีราทร สามารถรักษา หรือปรับ และยกระดับการเล่นของตัวเองให้ดีขึ้นกว่านี้ บางทีแบ็กซ้ายรายนี้อาจจะเป็นกำลังสำคัญที่พา วิสเซล โกเบ ไปถึงฝั่งฝันก็เป็นได้

เพราะในโลกของฟุตบอล ทุกอย่างล้วนแต่เป็นไปได้ หากว่าความฝันของคุณนั้นทรงพลังพอ

เช่นเดียกับ ชนาธิป ที่ตอนนี้มีสิทธิ์ฝันไกลถึงถาดแชมป์เจลีก หรือพื้นที่ของการพาทีมไปลุย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า

“ความคงเส้นคงวา” เท่านั้นที่จะเป็นคำตอบว่า ทั้งคู่จะประสบความสำเร็จกับการค้าแข้งในแดนปลาดิบหรือไม่ ถึงตรงนี้คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการขอเป็นกำลังใจ และเอาใจช่วยให้ทั้งธีราทร, ชนาธิป รวมถึง ธีรศิลป์ พิชิตฝันพร้อมกับพาต้นสังกัดประสบความสำเร็จ และไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

“ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของคนที่ลงมือทำ คือการเปลี่ยนภาพจากความฝันให้กลายเป็นความจริง” ขอแสดงความยินดีกับอุ้ม กับเจ ที่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการลูกหนังไทยได้อีกครั้ง อย่างที่บอกไปว่านี่เป็นมากกว่าฟุตบอลแมตช์หนึ่ง หากแต่เป็นการทำลายกำแพงความกลัวในการมาเล่นที่ ญี่ปุ่น ของนักฟุตบอลไทย เป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ๆ ที่รอวันขึ้นมาเจิดจรัส ฉายแสง และที่สำคัญ…

มันคือการประกาศ “ชัยชนะ” อีกหนึ่งครั้งของวงการฟุตบอลไทย

 

 

 

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณแคมเปญดีๆ สำหรับคนรักฟุตบอล อย่าง “ลุ้นฟิน บินฟรี! เชียร์บอลเจลีกที่ญี่ปุ่น” ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่าง ทรูไอดี, J.LEAGUE และสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ตัวจริง บินตรง เลือกได้ ที่พาผมพร้อมกับทีมงาน (Maxzio) และผู้โชคดีจากแคมเปญนี้ทั้ง 6 ท่าน บินลัดฟ้ามายลฟอร์มของสองนักเตะไทยในวันประวัติศาสตร์แบบนี้สดๆ ถึงขอบสนามมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะครับ

สำหรับแฟนๆ ที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ บอกได้เลยว่า TrueID Sports ยังมีกิจกรรม และแคมเปญดีๆ อีกมากมายที่รอให้แฟนๆ กีฬามาร่วมลุ้น ร่วมสนุกกัน เพื่อแทนคำขอบคุณสำหรับทุกๆ การติดตาม และการสนับสนุนที่อบอุ่นมาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทริปต่อไป หรือกิจกรรมต่อไป จะเป็น “คุณ” ที่ได้เดินทางมาร่วมทริปสุดพิเศษกับเรา

….

“บก.เก้น”

 

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/2HtYS2N
ดูสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/TrueIDSportsLive

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้