รีเซต
THE WONDERKIDS : “10 ดาวรุ่ง” ที่รอวันแจ้งเกิดในฟุตบอลโลก 2018 ... by "PUP Tuntat"

THE WONDERKIDS : “10 ดาวรุ่ง” ที่รอวันแจ้งเกิดในฟุตบอลโลก 2018 ... by "PUP Tuntat"

THE WONDERKIDS : “10 ดาวรุ่ง” ที่รอวันแจ้งเกิดในฟุตบอลโลก 2018 ... by "PUP Tuntat"
kentnitipong
13 มิถุนายน 2561 ( 12:46 )
983

ว่ากันว่ารากฐานของเด็กที่ดี จะต้องมีสถาบันบ้าน, วัด, โรงเรียน ที่มีประสิทธิภาพ ในโลกของฟุตบอลก็เช่นกัน ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า ทัพ “ซามูไร” ที่สามารถเปล่งรัศมีด้วยการเป็นทีมอันดับต้นๆ ของเอเชีย รวมถึงสร้างชื่อเสียงในระดับโลกจากการเข้าร่วม เวิลด์คัพได้ติดต่อกันมาทุกครั้งตั้งแต่ปี 1998 เกิดขึ้นได้จากรากฐานของแหล่งบ่มเพาะแข้งเยาวชนที่ดีจากโรงเรียนมัธยมที่สนับสนุนกีฬา ควบคู่กับการสอนเด็กให้เล่นฟุตบอลอย่างขาวสะอาด พร้อมกับการสนับสนุนจากผู้ปกครองที่ดี

 

 

ทุกส่วนที่กล่าวมา ถือเป็นฟันเฟืองพื้นฐานที่มาผสมกับการซัพพอร์ตจากผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องในประเทศที่ช่วยกันช่วยเนรมิตการแข่งขันฟุตบอลระดับมัธยมศึกษาในทุกปี โดยคนญี่ปุ่นจะเรียกชื่อรายการนี้ว่า “คลาสสิควินเทอร์” (รายการในฤดูหนาว), อินเตอร์ ไฮด์ (รายการในฤดูร้อน) และ กีฬาแห่งชาติ (รายการในฤดูกาลใบไม้ผลิ)

ในอดีตเคยมีนักเตะชั้นนำระดับโลกจากแดน “ปลาดิบ” ที่ผ่านการฟาดแข้งในรายการนี้มาแล้วนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น เคสุเกะ ฮอนดะ, ชินจิ โอคาซากิ หรือแม้กระทั่งผู้เหมาสัมปทานการเตะลูกนิ่งแห่งทัพ “ซามูไร” อย่าง ชุนซูเกะ นากามูระ ซึ่งนี่เป็นการแข่งขันฟุตบอลเพียงระดับมัธยม แต่ทว่ากลับมีการถ่ายทอดสดผ่านทีวีตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย, ผู้ชมในสนามเหยียบหลักหมื่นแทบทุกแมตช์, ของที่ระลึก รวมไปถึงเสื้อแข่งขันขายหมดเกลี้ยงทุกครั้ง

จะเห็นได้ว่าการช่วยกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังในลักษณะนี้ ก็คงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมญี่ปุ่นจึงมีแข้งดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของชาติได้อย่างไม่ขาดสาย ด้วยเหตุนี้การเป็น “เต้ย” ในเอเชีย จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นนักสำหรับนักเตะจากแดน “ปลาดิบ” และว่ากันว่าในฟุตบอลโลกทุกครั้ง จะเป็นอีกเวทีสำคัญที่ทำให้แข้ง “ดาวรุ่ง” เหล่านี้ ขยับสถานะตัวเองขึ้นมาเป็นแข้งระดับโลกได้ โดยวันนี้ผมจะพาทุกท่านมาดูกันว่าใครคือ “10 ดาวรุ่ง” ที่รอวันแจ้งเกิดในฟุตบอลโลก 2018

 

เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (19 ปี) / ทีมชาติอังกฤษ

Mike Egerton/PA via AP

 

เด็กน้อยตัวผอมแห้งรายนี้มี “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” เป็น ไอดอล ตั้งแต่เด็ก เจ้าตัวถือว่าเป็นเด็ก “หงส์แดง” ตั้งแต่เริ่มจำความได้ และด้วยโชคชะตาที่ฟ้าลิขิตมา ทำให้เขาได้เป็นเด็กที่จูงมือ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ลงสู่สนามในศึกอีเอฟแอล คัพ ตั้งแต่ปี 2009 พร้อมอยู่กับทีมเยาวชนของลิเวอร์พูลมาตั้งแต่ปี 2004-2016 ก่อนก้าวขึ้นติดทีมชุดใหญ่ในปี 2016 และลงสนามกับ “หงส์แดง” ในแมตช์แรกที่พบกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานส่วนตัวได้ดีเยี่ยมเกินคำว่านักเตะดาวรุ่ง จนชื่อของนักดาวโรจน์รายนี้เริ่มเตะหูแฟนบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ มากขึ้น

ในฤดูกาลที่ผ่านมา (2017-2018) ด้วยปัญหาการบาดเจ็บของแบ็กขวาตัวจริงอย่าง นาธาเนียล ไคลน์ ทำให้ “หนูเทรนท์” ยึดสัมปทานตัวจริงตลอดทั้งซีซั่น แม้ในช่วงแรกจะต้องเบียดกันลงตัวจริงกับเพื่อนร่วมชาติอย่าง โจ โกเมซ แต่ทว่าจุดเด่นของ เทรนท์ อาร์โนลด์ ที่สามารถมัดใจ เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้นั่นก็คือ การเล่นตามแทคติก หรือถ้าพูดตามภาษาฟุตบอลก็คือ “เล่นตามโค้ชสั่ง” ได้ดีจนเกินคาด และอีกหนึ่งไม้ตายที่เจ้าหนูรายนี้มีเพิ่มขึ้นมาในฤดูกาล 2017-2018 นั่นก็คือ การยิงฟรีคิก และสอดขึ้นมาทำประตู จากแถว 2 ได้รวมกันถึง 5 ประตูในซีซั่นที่ผ่านมา

ไม่แน่ว่าปัญหาเกมตื้อๆ ตึงๆ ของอังกฤษ ที่ไม่มีใครยิงฟรีคิกได้ดีเทียบเท่าอย่าง เดวิด เบ็คแฮม เมื่อสมัย 10 กว่าปีที่แล้ว หรือการสอดขึ้นมาสอยตะข่ายจากแถวสอง ที่งดงามของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด อาจแก้ไขได้อย่างเบ็ดเสร็จจากไอ้หนูรายนี้

ไม่แน่ว่าเทรนท์ อเล็กซาน เดอร์-อาร์โนลด์ อาจจะมีประตูงามๆ ให้โลกได้จดจำ รวมถึงเป็นอะไหล่ชั้นดีให้ แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้ใช้งานจนถึงการเป็นตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็เป็นได้…

 

โรดริโก้ เบนตันกูร์ (20 ปี) / ทีมชาติอุรุกวัย

 

หลายคนที่ได้รับฉายานิวคนนู้น คนนี้ มักไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ในโลกลูกหนัง แต่ทว่ามิดฟิลด์ผู้สวมฉายา “นิว ป็อกบา” ถือว่าทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจสำหรับฤดูกาลแรก จากการย้ายข้าวของข้ามทวีปจากทวีปอเมริกาใต้มายังยุโรปที่อิตาลี

โดยฤดูกาลที่ผ่านมาเจ้าตัวลงสนามให้กับทัพ “เจ้าม้าลาย” ไปทั้งหมด 20 นัด ซึ่งนับว่าเป็นซีซั่นเปิดหัวของดาวเตะที่พึ่งบรรลุนิติภาวะในประเทศอิตาลี ที่ค่อนข้างสวยหรูเลยทีเดียว

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2009 เบนตันกูร์ เป็นแข้งที่ถูกปลุกปั้นจากสโมสรโบค่า จูเนียร์ส์ ยอดทีมที่ปั้นดาวดังจากอเมริกาใต้ขึ้นมาประดับวงการฟุตบอลระดับโลกมากมาย เมื่อเจ้าตัวใช้เวลาฟูมฟักจนฝีเท้าจนสุกงอมพร้อมเผชิญกับโลกที่กว้างขึ้น มิดฟิดล์วัย 20 ปี รายนี้ ก็ถูกดันขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ของโบค่า จูเนียร์ส ก่อนได้รับโอกาสลงฟาดแข้งกับทีมไปทั้งหมด 51 นัด จาก 2 ฤดูกาลกับทีมชุดใหญ่ (2015-2017)

หลังจากนั้น สไตล์การเล่นที่เป็นมิดฟิลด์ box-to-box ทำให้นายใหญ่แห่ง ยูเวนตุส อย่าง แม็กซ์ อัลเลกรี ถูกชะตา และคว้าตัวไปร่วมทีมในปี 2017

เวทีฟุตบอลโลกครั้งนี้ น่าจะเป็นเวทีพิสูจน์ว่าดาวเตะรายดังกล่าว จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นเสาหลักของทีมได้อย่างแท้จริงหรือไม่ เนื่องจากในฤดูกาลนี้ เจ้าตัวยังต้องแย่งตำแหน่งการลงเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงกับกองกลางตัวหลักของทีมในฤดูกาลที่ผ่านมาทั้ง มิราเล็ม ปานิช, แบลส มาตุยดี้ และเคลาดิโอ มาร์คิซิโอ รวมไปถึงว่าที่แข้งรายใหม่เมด อิน เยอรมันอย่าง เอ็มเร่ ชาน ที่น่าจะย้ายมาร่วมทัพ “หญิงชรา” แบบไร้ค่าตัวในฤดูกาลหน้า

แต่ถ้าในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เจ้าตัวทำผลงานได้ “รุ่ง” ไม่เพียงแต่ที่ดาวเตะรายนี้จะมีโอกาสใช้ใบประกาศเกียรติคุณจากฟุตบอลโลกในการส่งผลให้บอสใหญ่แห่ง “ยูเว่” ต้องชะเง้อตามใส่ชื่อไอหนูรายนี้ให้เป็นตัวจริงมากขึ้น การขับเคลื่อนแดนกลางที่ทรงพลังของเขา อาจจะสามารถพาทัพ “จอมโหด”ไปประกาศศักดาได้ไกลกว่ารอบตัดเชือกแบบที่เคยทำมาแล้วในศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ อย่างพลิกความคาดหมายให้คนทั้งโลกได้เห็นกัน

 

 

กอนซาโล่ กูเอเดส (21 ปี) / ปารีส แซงต์-แชร์กแมง

AP Photo/Armando Franca

 

ค่าตัว 30 ล้านปอนด์ ที่ กูเอเดส ย้ายจาก เบนฟิก้า ไปยัง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ดูจะไม่น้อยเลยสำหรับในฐานะนักเตะดาวรุ่ง แต่ทว่าโชคชะตาที่ฟ้าลิขิตทำให้ต้นสังกัดอย่าง ปารีสฯ ไปคว้า “วันเดอร์คิดส์ลูกหนัง” อย่าง คีเลียน เอ็มปัปเป้ มาร่วมทีม ทำให้ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสหมดพื้นที่ให้ยืนเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงในกรุงปารีส แต่ก็เป็น บาเลนเซีย ที่อาสาชุบเลี้ยงเจ้าตัวจนเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เขาโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในอาชีพค้าแข้งก็ว่าได้ เนื่องจากดาวเตะรายนี้ได้รับโอกาสลงสนามทั้งหมด 33 นัด ในศึกลาลีก้า สเปน เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา พร้อมซัดไป 5 ประตู กับอีก 9 แอสซิตส์

สถานการณ์ในฤดูกาลหน้าของ กอนซาโล่ กูเอเดส จะเป็นอย่างไรก็ยังไม่มีใครคาดเดาได้ แม้ว่า กูเอเดส กำลังอยู่ในฟอร์มที่สุดยอดที่สุดในชีวิต สไตล์การเล่นที่ทะลุทะลวง กล้าลากกล้าลุย ในฤดูกาลที่ผ่านมากับ บาเลนเซีย อาจจะยังไม่ใช่เครื่องพิสูจน์ที่แท้จริงว่า เจ้าตัวจะเป็นดาวรุ่งที่ “รุ่ง” เพียงซีซั่นเดียวหรือไม่ แต่ทว่าถ้าปีกวัย 21 ปี คนนี้ ได้รับโอกาสลงวาดลวดลายในสนามหญ้าที่รัสเซีย และยังสามารถรักษาระดับการเล่นของตนได้อย่างที่ผ่านมา สัมปทานริมเส้นของทัพ “ฝอยทอง” อาจจะถูกครอบครองจากเขาคนนี้ อีกทั้งเจ้าตัวคงพร้อมเป็นคีย์แมนสำคัญที่พร้อมพา โปรตุเกส ฝ่าด่านอรหันต์ ชูถ้วยแชมป์โลกเพื่อเป็นเกียรติให้กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่น่าจะได้เล่นศึกฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายในอาชีพนักฟุตบอล ได้หรือไม่ มันก็น่าลุ้นไม่น้อย

 

 

มาร์วิน แพล็ทเทนฮาร์ดท์ (26 ปี) / ทีมชาติเยอรมัน

 

หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมถึงเลือก แพล็ทเทนฮาร์ดท์ มาติดโผอยู่ในลิสต์นี้ ทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็อายุปาเข้าไป 26 ปีแล้ว แต่ผมอยากจะอธิบายว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้ แพล็ทเทนฮาร์ดท์ ยังอยู่ในโผนี้ก็คือ “ประสบการณ์ในสีเสื้อทีมชาติ” ที่ดูอ่อนพรรษาอย่างเห็นได้ชัด

แพล็ทเทนฮาร์ดท์ เป็นนักเตะทีมชาติเยอรมัน ที่นับว่าแจ้งเกิดได้ช้าคนนึงสำหรับทีมชุดใหญ่ หลังจากเจ้าตัวต้องรอคอยเวลายาวนานกว่า 4 ปี ถึงจะติดทัพ “อินทรีเหล็ก” ชุดใหญ่อย่างเต็มตัวในปีที่ผ่านมากับศึกฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ 2017 ซึ่งเวทีนี้ทำให้แฟนบอลหลายรายรู้จักเจ้าตัวผ่านหน้าจอโทรทัศน์ เนื่องจากฟูลแบ็กวัย 26 ปี ได้รับโอกาสลงสนามเต็ม 90 นาที ไป 1 นัด

สำหรับผลงานกับสโมสรแฮร์ธ่า เบอร์ลิน ในฤดูกาลที่ผ่านมา นับเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เจ้าตัวเหมาะสมกับการติดทีมชาติเยอรมันในศึกครานี้ทุกประการ เนื่องจากสถิติการลงเล่นในบุนเดสลีกา เยอรมัน ในฤดูกาลที่ผ่านมา แพล็ทเทนฮาร์ดท์ ลงสนามเป็นตัวจริงทั้งหมด 33 นัด ทำสถิติเข้าปะทะชนะสูงถึง 75 เปอร์เซ็นต์, สกัดบอลในจังหวะสำคัญได้ถึง 27 ครั้ง และยังถวายพานให้เพื่อนยิงได้อีกถึง 7 ครั้ง

นอกจากนี้จุดเด่นของฟูลแบ็กจากเมืองเบียร์ ยังมีทั้งการจ่ายบอลที่รวดเร็ว, สามารถเปลี่ยนเกมรับเป็นเกมรุกได้ดี, มีทีเด็ดจากฟรีคิก และด้วยส่วนสูง 5 ฟุต 11 นิ้ว (181 เซนติเมตร) ทำให้เจ้าตัวสามารถเล่นลูกกลางอากาศได้ดี แถมยังมีความคล่องแคล่วพอสมควร ด้วยความออล อิน วัน ของนักเตะรายนี้ คงเป็นส่วนที่สำคัญที่ โยอาคิม เลิฟ เลือกเจ้าตัวมาร่วมทีมสู้สึกคราวนี้ได้อย่างไม่น่าแปลกใจ

ฟุตบอลโลกหนนี้ เป็นสมัยแรกของเจ้าตัวในอาชีพการค้าแข้ง แต่ทว่าแฟนบอลอย่างเราๆ จะได้เห็น มาร์วิน แพล็ทเทนฮาร์ดท์ มีโอกาสลงสนามเพื่อสร้างมิติใหม่ๆ ให้กับบ้านเกิดของตนมากกว่าทัวร์นาเม้นต์ที่ผ่านมาหรือไม่ เจ้าตัวจะเป็นผู้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นกัน

 

 

กาเบรียล เชซุส (21 ปี) / ทีมชาติบราซิล

AP Photo/Ronald Zak

 

กาเบรียล เชซุส โชว์ฟอร์มสุดโดดเด่นในศึกโอลิมปิกเกม 2016 หลังพาทัพ “เซเลเซา” คว้าชัยเหนือทัพ “อินทรีเหล็ก” ในรอบชิงชนะเลิศด้วยการดวลจุดโทษ 5-4 หลังจากเสมอกันในเวลาด้วยสกอร์ 1-1 พาทีมคว้าแชมป์โอลิมปิกเกมส์ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ บราซิล ได้สำเร็จ พร้อมทำสถิติส่วนตัวที่กดไปถึง 3 ประตู ในรายการดังกล่าว ด้วยเหตุนี้ เชซุส จึงถูก “เรือใบสีฟ้า” ล็อคเป้า และคว้าตัวมาร่วมทีมทันทีจาก พัลไมรัส ยอดทีมในประเทศบราซิล

ซึ่งตลอด 2 ฤดูกาล การค้าแข้งของเจ้าตัวกับ แมนฯ ซิตี้ เชซุส ยิงไปทั้งหมด 20 ประตู จากการลงสนามทั้งหมด 39 นัด (สำรอง 12 นัด) ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมดาวเตะวัย 21 ปี ถึงได้รับโอกาสติดทีมชาติตัวจริงพร้อมมัดใจนายใหญ่แห่งทัพ “แซมบ้า” จนได้เป็นตัวเลือกอันดับ 1 ในตำแหน่งกองหน้าเหนือ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ศูนย์หน้าฟอร์มแรงจาก ลิเวอร์พูล

แม้จะมีส่วนสูงเพียง 175 เซนติเมตร แต่ 13 ประตูที่เจ้าตัวทำได้ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลที่ผ่านมา แบ่งได้เป็น ประตูจากเท้าขวา 7 ครั้ง, เท้าซ้าย 3 ครั้ง, โหม่ง 3 ครั้ง สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า เชซุส สามารถใช้เท้าที่ไม่ถนัด และการโหม่งทำประตู ได้ถึง 6 จาก 13 ประตู ด้วยเหตุนี้จึงนับว่า เชซุส มีคุณสมบัติกองหน้าที่ครบเครื่องคนนึงในทัวร์นาเม้นต์บอลโลกที่กำลังจะเริ่มหายใจขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้

ทั้งนี้ ทีมบ้านเกิดเมืองนอนของ เชซุส อย่าง บราซิล จะลงประเดิมสนามนัดแรกกับทัพ “แดนนาฬิกา” สวิตเซอร์แลนด์ ในวันที่ 17 มิถุนายน นี้ ดาวเตะวัย 21 ปีจะยิงประตูได้เลยหรือไม่ ต้องติดตามกันทาง TrueID Sports ที่นี่ที่เดียว

 

 

โจวานี่ โล เซลโซ่ (22 ปี) / ทีมชาติอาร์เจนติน่า

 

ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ดึงตัว โจวานี่ โล เซลโซ่ มิดฟิลด์ตัวกลางจาก โรซาริโอ้ เซนทรัล ยอดทีมจากประเทศอาร์เจนติน่า มาร่วมทัพตั้งแต่ปี 2016 แต่ทางต้นสังกัดที่แท้จริงจากกรุงปารีส ยอมให้ โล เซลโซ่ กลับไปเสริมกระดูกในแดน “ฟ้าขาว” กับต้นสังกัดเดิมให้แข็งขึ้นอีก 1 ปี ซึ่งแผนนี้มันก็ดูจะได้ผลทันตาเห็น เพราะในปีถัดมา (2017) เปแอสเช ดึงตัวมิดฟิลด์ทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดเล็กกลับมาเล่นให้กับต้นสังกัดอย่างเป็นจริงเป็นจัง

ชื่อของ โล เซลโซ่ อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูนักเมื่อเทียบกับกองกลางในทีมอย่าง มาร์โก แวร์รัตติ, ติอาโก้ ม็อตต้า รวมไปถึง อาเดรียง ราบิโอต์ ที่ต่างล้วนมีดีกรีที่ดีกว่าดาวเตะอาร์เจนติน่ารายนี้ทุกคน แต่ทว่าฝีเท้าที่ดีเกินวัย ทำให้มิดฟิลด์ “ตาโต” สามารถสอดแทรกขึ้นมาเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงได้ถึง 18 ครั้ง จาก 33 เกม ที่ได้รับโอกาสลงสนามในศึกลีกเอิง ฝรั่งเศส

ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ดาวรุ่งวัย 22 ปี รายนี้ ที่ไม่เคยผ่านการลงเล่นกับสโมสรในเวทียุโรปมาก่อน แต่กลับสามารถเบียดรุ่นพี่ตัวเก๋าในทีมลงสนามเป็นตัวจริงได้บ่อยครั้ง สาเหตุก็เพราะว่า เจ้าตัวมีจุดเด่นที่แสนสำคัญตามแบบฉบับที่กองกลางชั้นนำควรมี คือการจ่ายบอลที่แม่นยำถึง 90 %, การปะทะชนะคู่แข่งได้ถึง 75 %, สกัดบอลได้จากพื้นที่อันตรายถึง 19 ครั้ง พร้อมยิงไป 4 ประตู กับอีก 4 แอสซิตส์ สถิติเช่นทำให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังส่งสัญญาณว่าเขาพร้อมแล้วที่จะก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักแทนรุ่นพี่ที่กำลังโรยราลงในอนาคตอันใกล้นี้

จากสถิติต่างๆ ในระดับสโมสร ที่แสดงให้เห็นตลอดในซีซั่นที่แล้ว ถือว่าไม่น่าแปลกใจที่เจ้าตัวจะมีชื่อมาลุยศึกฟุตบอลโลกที่ รัสเซีย แต่ทว่า ถ้าถามถึงโอกาสลงสนามเป็นตัวจริง ก็ตอบค่อนข้างยากว่าจะได้เป็นหรือไม่ เนื่องจากทัพ “ฟ้า-ขาว” มีกองกลางชั้นยอดหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส บิเกลีย, เอแวร์ บาเนก้า ที่พร้อมแย่งกันเป็น 1 ใน 2 มิดฟิลด์ตัวกลางที่จะลงสนามในศึกอันแสนยิ่งใหญ่อย่าง ฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่แน่ว่าหากโค้ช “อินทรีฟ้าขาว” เห็นค่าในเพชรเม็ดงามที่รอวันติดปีกอย่างเต็มตัว และส่งมอบโอกาสให้ลูกทีมรายนี้ลงเป็นกองกลางคอยบัญชาเกมในตำแหน่งตัวจริง ไม่แน่ว่าอดีตจอมทัพ โรซาริโอ้ เซ็นทรัล อาจเป็น 1 ในผู้เล่น ที่พร้อมพาทีมชาติอาร์เจนติน่า คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 3 ในประวัติศาสตร์ชาติอาร์เจนฯ รวมถึงเป็นโทรฟี่ระดับโลกครั้งแรก และอาจจะเป็นครั้งเดียวของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่รอสัมผัสรสชาติกับตำแหน่ง “แชมป์ฟุตบอลโลก” ได้สำเร็จเสียที หลังรอมาอย่างยาวนานกว่า 13 ปี

 

 

ลูคัส ตอร์เรร่า (22 ปี) / ทีมชาติอุรุกวัย

 

ถ้านึกถึงทีมชาติอุรุกวัยในช่วง 10 ปี ให้หลังมานี้ เครื่องหมายการค้าของทัพ “จอมโหด” คงหนีไม่พ้นตำแหน่งศูนย์หน้าที่ไล่มาตั้งแต่เจ้าของตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมฟุตบอลโลก 2010 อย่าง ดิเอโก้ ฟอร์ลัน รวมไปถึง หลุยส์ ซัวเรส ดาวยิง “จอมกัด” จากบาร์เซโลน่า แต่ทว่าปัจจุบัน มีนักเตะดาวรุ่งคนหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้ซุป’ตาร์ทั้ง 2 รายดังกล่าวเลย เค้าคนนั้นคือ ลูคัส ตอร์เรร่า มิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 22 ปี ว่าที่แข้งใหม่ถอดด้ามของ อาร์เซน่อล

เหตุที่ “ปืนใหญ่” สนใจนักเตะรายนี้เนื่องจาก เจ้าตัวเป็นนักเตะในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับที่ อาร์เซน่อล พยายามตามหา “คนที่ใช่” มานาน แต่ก็ยังไม่เจอคนที่จะฝากผีฝากไข้ไว้ได้นับตั้งแต่หมดยุคของ ปาทริค วิเอร่า ซึ่งห้องเครื่องจาก ซามพ์โดเรีย รายนี้ มีสไตล์การเล่นที่อยู่อุดมคติของเฮดโค้ชรายใหม่อย่าง อูไน เอเมรี่ แบบเต็มใบ เพราะเจ้าตัวมีสไตล์การเล่นแบบเข้าบอลแบบถึงลูกถึงคน,วิ่งขึ้น-ลงไม่มีหมด, มีทีเด็ดจากลูกนิ่ง และมีประสบการณ์ลูกหนังอิตาลีการันตีที่ขึ้น 35 แมตช์ ขึ้นไป ตลอดทั้ง 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา

สำหรับจุดเด่นของเจ้าตัวในตำแหน่ง “DMC” ที่ทำได้สุดประจักษ์จนบอสใหญ่ทัพ “ปืนโต” ต้องเหลียวหลังมองตลอดทั้งซีซั่นที่ผ่านมากับ “ลาซามพ์” นั่นก็คือ การปะทะชนะคู่ได้ถึง 72 %, ผ่านบอลสำเร็จถึง 87 %, สกัดบอลจากพื้นที่อันตรายได้ถึง 31 ครั้ง พร้อมจารึกสถิติใหม่ในการทำประตูของตนที่ 4 ประตู พร้อมอีก 1 แอสซิตส์

“บอลโลก” ครั้งนี้ ยังไม่แน่ว่า ตอร์เรร่า จะได้โชว์วิชาแข้งของตนอย่างเต็ม 90 นาทีหรือไม่ แต่ผมเชื่อเหลือเกินว่าการมีเขาคนนี้อยู่ในทีม จะช่วยให้ “จอมโหด” ไม่ได้โหดแค่เพียงฉายาอีกต่อไป

 

 

อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน (22 ปี) / ทีมชาติรัสเซีย

AP Photo/Pavel Golovkin

 

ถึงขั้นที่ “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” ต้องข้ามแดนข้ามประเทศไปแอบส่องฟอร์มของดาวทีมชาติรัสเซีย ที่ออสเตรีย เมื่อเดือนที่ผ่านมา มันแสดงให้เห็นว่า “ไอ้หนูรายนี้” คงมีของดี
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 โกโลวิน ติดทีม “หมีขาว” ลุยศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี และเป็นส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ในรายการดังกล่าวได้สำเร็จ พร้อมทั้งเหมาสัมปทานแดนกลางให้ทีมชาติรัสเซียชุดนั้น อีก 1 ทัวร์นาเม้นต์ ในศึกฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ที่ประเทศยูเออี จาก 2 รายการนั้น ทำให้เจ้าตัวเริ่มเป็นวันเดอร์คิดส์ ที่หลายทีมในยุโรปให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องมาตลอด

ปัจจุบันเจ้าตัวก็ยังคงได้รับโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอกับต้นสังกัดปัจจุบัน (ซีเอสเคเอ มอสโก) ซึ่งจุดเด่นที่หลายคนยกย่องให้กับโกโลวิน นั่นก็คือความฟิต, การเข้าปะทะชนะคู่แข่งได้ถึง 89 เปอร์เซ็นต์ ในศึกยูฟ่า ยูโรป้า ลีก พร้อมทำ 2 ประตู กับอีก 1 แอสซิตส์ ให้กับทีมจากการลงสนาม 5 นัดในศึกฟุตบอลยุโรปถ้วยเล็กเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา

โกโลวิน น่าจะมีแววได้โชว์ศักยภาพของตนได้อย่างเต็มที่ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้อย่างแน่นอน เนื่องจาก สตานิสลาฟ เชอร์เชซอฟ กุนซือทัพ “หมีขาว” ได้ใส่ชื่อ อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน ในกระดานตัวจริงของทีมทุกครั้งตลอด 4 แมตช์ ที่ผ่านมา แต่ก็ต้องรอลุ้นกันว่าเจ้าตัวจะฉายแสงเจิดจรัสในตัวออกมาได้อย่างแท้จริงหรือไม่ ซึ่งเพื่อนร่วมกลุ่ม เอ อย่าง ซาอุดิอาระเบีย, อียิปต์ และอุรุกวัย จะเป็นผู้ทดสอบเจ้าตัวด้วยพวกเขาเอง

 

 

อังเดร ซิลวา (22 ปี) / ทีมชาติโปรตุเกส

 

ถึงแม้ผลงานระดับสโมสรดูจะไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่สำหรับ อังเดร ซิลวา แข้งวัย 22 ปี ที่ย้ายจาก ปอร์โต้ มาสู่ เอซี มิลาน ด้วยค่าตัว 38 ล้านยูโร เนื่องจากเจ้าตัวเบิกสกอร์ให้กับทัพ “ปีศาจแดงดำ” ได้เพียง 2 ประตู จากการลงสนาม 24 นัด แต่จาก 24 นัดนี้ แม้จะเป็นตัวจริงเพียง 7 นัด แต่ด้วยค่าตัวที่สูงถึง 38 ล้านยูโร ทำให้สื่อหลายฝ่ายมองว่า ซิลวา คงเป็นเพียง “ของปลอม”

แต่ทว่า ถ้าเรามามองย้อนไปที่ผลงานในนามทีมชาติในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนยุโรปเมื่อปีที่ผ่านมามันค่อนข้างพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือจริงๆ เนื่องจากเจ้าตัวได้โอกาสลงสนาม 10 นัด พร้อมยิงไปถึง 9 ประตู กับ 1 แอสซิตส์ สถิตินี้คงบ่งบอกอะไรได้บางอย่างสำหรับตัวของ อังเดร ซิลวา จนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นายใหญ่แห่งทัพ “ฝอยทอง” อย่าง เฟอร์นานโด ซานโตส เลือกเจ้าตัวมาเพื่อหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่ช่วยแบ่งเบา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ผลิตสกอร์ในศึกคราวนี้

สำหรับจุดเด่นของเจ้าตัวก็คงหนีไม่พ้นการจบสกอร์ที่สุดคมในนามทีมชาติ ที่พร้อมเป็นที่พึ่งพาได้เสมอเมื่อเกมตื้อตึง ดั่งสถิติที่กล่าวไปด้านบน ไม่แน่ว่า อังเดร ซิลวา อาจช่วยพาทีมชาติโปรตุเกส สร้างความภูมิใจให้กับกองเชียร์ฝอยทองทุกคนอีกครั้งหลังจากที่ได้เฮแบบเต็มปากเต็มคำกันมาแล้วในศึกยูโร 2016

 

 

มาร์โก อเซนซิโอ้ (22 ปี) / ทีมชาติสเปน

AP Photo/Alberto Saiz

 

คงไม่ต้องมีคำบรรยายใดๆ ที่ลึกซึ้งสักเท่าไหร่สำหรับ (ว่าที่) สตาร์ทัพ “ราชันชุดขาว” ในอนาคต (ถ้า) มีโอกาสได้ลงสนามเป็นจริงอย่างต่อเนื่อง การย้ายมาจากสโมสรมายอร์ก้า สู่ เรอัล มาดริด ในปี 2014 กับการผสมผสานการเก็บกระดูกฟุตบอลให้แกร่งขึ้นกับต้นสังกัดเดิมในปี 2014-2015 และการอัพสกิลเก็บเลเวลกับ เอสปันญ่อล ในซีซั่น 2015-2016 จนมาเป็น อเซนซิโอ้ ในร่างนี้ที่สามารถเบิกสกอร์ได้ถึง 6 ประตู กับอีก 6 แอสซิตส์ จากการลงสนามเป็นตัวจริง 19 นัด ในลาลีก้า สเปน เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา

จากสถิติดังกล่าวและสไตล์การเล่นที่กล้าเลี้ยง กล้าลุย ไม่ตื่นสนามเมื่อประเดิมเกมใหญ่ทั้งในแมตช์ เอล กลาซิโก้ ที่เจ้าตัวก็สามารถยิงประตูในศึกนั้นมาได้แล้วด้วย จึงไม่น่าแปลกใจว่าดาวเตะรายนี้จึงเป็นนักฟุตบอลคนแรกในทัพ “ราชันชุดขาว” ที่ดาวยิงทีมชาติโปรตุเกสอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถึงกับเอ่ยปากชมรุ่นน้องในทีมรายนี้ว่าจะเป็นทายาทของตนในทัพ “โลส บลังโกส” คนต่อไป

แต่กับทีมชาติสเปน เจ้าตัวก็คงต้องรอต่อไปว่าประตูแรกของเขาจะมาเมื่อใด ซึ่งในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้น่าจะเป็นเวทีสำคัญที่ทำให้เจ้าตัวจะสามารถมีช่องทางยกระดับตัวเองขึ้นมาได้ แต่ก็ต้องเอาใจช่วยให้ ไอ้หนุ่มรายนี้ สามารถเค้นฟอร์มให้ดีเหมือนที่เล่นกับสโมสรเพื่อโอกาสลงสนามเป็นตัวจริง และเบิกร่องสกอร์แรกได้ง่ายยิ่งขึ้น

สถิติที่ชี้ให้เห็นแบบจังๆ ของดาวรุ่งเหล่านี้ จะคงเป็นแค่ “นามธรรม” เท่านั้น หากพวกเขาไม่ได้รับโอกาสลงเล่น หรือ ไม่สามารถวาดลวดลายเพลงแข้งบนสนามหญ้าที่ รัสเซีย ได้ดีเฉกเช่นที่จารึกไว้กับต้นสังกัดในฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งผมคิดว่า ดาวรุ่ง 10 คนนี้ คงมีความกดดันอยู่ไม่น้อยกับการลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 ในกรณีนี้ ผมเข้าใจพวกเขาดีครับ เพราะตอนนี้ผมก็อยู่ในบทบาทของสื่อกีฬาฝึกหัดที่ต้องเจออะไรอีกมากในโลกของการทำงานกับหน้าที่ตรงนี้ ผมคงไม่สามารถช่วยอะไรกับนักเตะดาวรุ่งเหล่านี้ได้มากเท่ากับ “การให้กำลังใจกันซึ่งและกัน”

สู้ๆ ครับทุกคน…

“PUP Tuntat”

 

โปรแกรมการแข่งขัน พร้อมช่องถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2018

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/2HtYS2N
ดูสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/TrueIDSportsLive

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้