รีเซต
เล่าเรื่องบอลโลก EP.03 : “ดราม่า ท้ายเกมทุกคู่” ... by "เอก ฮิมสกุล"

เล่าเรื่องบอลโลก EP.03 : “ดราม่า ท้ายเกมทุกคู่” ... by "เอก ฮิมสกุล"

เล่าเรื่องบอลโลก EP.03 : “ดราม่า ท้ายเกมทุกคู่” ... by "เอก ฮิมสกุล"
kentnitipong
16 มิถุนายน 2561 ( 16:39 )
63

แค่วันที่สองเท่านั้น ฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ก็เพิ่มดีกรีความร้อนแรงขึ้นไปแบบที่แฟนบอลเลือดลมสูบฉีดกันพลุ่งพล่าน เกมทั้ง 3 คู่ที่จบไป ถือเป็นเกมคุณภาพสู้กันสนุก แม้ว่าสองคู่แรก อาจจะยิงประตูกันน้อยไปหน่อยแต่ภาพรวมดูแล้ว ก็เป็นเกมที่ไม่น่าเบื่อเลย

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เกมเมื่อคืน 3 คู่ มาดราม่าระดับ 5 ดาวก็ในช่วงใกล้เสียงนกหวีดจะดัง ฝั่งที่ได้เฮภาพที่กล้องจับไปก็ดูสุขล้ำ แต่ อีกฝ่ายที่ต้องโดนพิษดราม่าท้ายเกม ก็เศร้าจับจิต

ผมชอบอย่างนึงในบอลโลกครั้งนี้นะครับ คือ แม้ว่าทีมที่เป็นรองจะตั้งรับ แต่ก็เป็นการตั้งรับแบบ มียุทธวิธี คือรับแล้วก็โต้ได้คม รับแล้วโต้สนุก พอพลิกมาเป็นฝ่ายที่ได้บอลก็ครองบอลเข้าใส่ ไม่ใช่จ้องแต่จะเล่นเกมรับอย่างเดียวเหมือนบอลโลกหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา

กลับไปที่เกมคู่แรกในกลุ่มเอ ที่ เยคาเตรินเบิร์ก  เป็นอีกคู่ในกลุ่มเอ “มัมมี่” อียิปต์ ของ เอคเตอร์ คูเปร์ ที่ไม่มี โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมนี้ เจอกับ  “จอมโหด” อุรุกวัย ที่ จัดขุมกำลังที่ปึ้กที่สุดลงสนาม หวังฉีกมัมมี่ ที่ไม่มี ซาลาห์ เป็นชิ้นๆ ให้ได้

 

AP Photo/Mark Baker

 

ผมอยากเห็น ซาลาห์ ลงสนามเหมือนกับแฟนบอลทั้งโลกนั่นแหล่ะครับ แต่ อย่างว่า คูเปร์ คงจะหยั่งพลังของ อุรุกวัยไปก่อน ถ้าเอาอยู่ก็คงจะเพลย์เซฟ เก็บ ซาล่าห์ไว้เล่นเกมต่อไปดีกว่ามาเจ็บซ้ำ

ผมดูข่าวเรื่อง ซาลาห์ แล้วก็สับสนนะครับ ผมเห็นข่าว 2 ครั้งแล้วที่ มีแฟนบอลจะขอถ่ายรูปโดยมาโอบไหล่ หรือ เด็กมาสค็อต จะมาพูดคุยแล้วแตะที่ไหล่แต่ ซาลาห์ เองก็มีท่าที ปัดป้องไม่แน่ใจว่า เจ้าตัวกังวลว่าจะมีแผนจากประเทศเจ้าภาพ ส่งคนมาทำให้บาดเจ็บ (ไม่รู้ผมคิดเยอะไปไม๊) หรือ เจ็บจริงแค่แตะก็รู้สึกเจ็บ รู้สึกแปลบๆ แล้ว ซึ่งหากเป็นอย่างหลังนี่ผมว่า อาการขนาดนี้ จะหายทันลงสนามได้ทันรอบแรกหรือ ?

เอคเตอร์ คูเปร์ กุนซือจอมแทคติก เลือดอาร์เจนไตน์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยังไม่ฟิตพร้อมเต็ม 100 ไม่อยากเสี่ยงส่งสนามแต่ในเกมกับ รัสเซีย น่าจะพร้อม

เกมโดยรวม ทีมตัวแทนจากแดนอเมริกาใต้ทำได้ดีกว่าพอสมควรครับ แต่ต้องทิ้งขว้างโอกาสงาม ๆ ไปหมด เฉพาะ หลุยส์ ซัวเรซ เองก็พลาดจังหวะที่ควรจะเป็นประตูไป 3 ครั้งได้  หรืออย่างน้อย 1 ประตู ที่ เอดินสัน คาวานี่ วอลเล่ย์ สุดงามก็เป็นประตูที่อุรุกวัยต้องมีในกระเป๋าแน่ๆ กลับต้องโดนผู้รักษาประตูอียิปต์โชว์ฟอร์มสุดยอดปัดทิ้งไปอีก

โมฮาเหม็ด เอล-เชนนาวี นายประตูอียิปต์ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมนี้ ได้รับการยกย่องไปเต็มๆ เพราะฟอร์มการเซฟระดับ เทพ ช่วยให้ ทีมไอยคุปต์ พ่ายไปแค่ 0-1 จากช่วงอึดใจสุดท้ายในลูกโหม่งจาก โชเซ่ มาเรีย ฆิมิเนซ ต้องบอกว่าโชคร้ายครับเพราะ ตัวเองก็เซฟมาเป็นว่าเล่นมาโดนลูกโขกที่คมกริบไม่ให้แก้ตัวแบบนี้ เป็นใครก็ต้องเซ็งเป็นธรรมดา

คู่ที่ สอง ตัวแทนจาก แอฟริกา โมร็อกโก ที่ฟอร์ม 18 นัดหลังสุดไม่แพ้ใคร เจอกับ อิหร่าน ที่พกสถิติ แพ้แค่ 2 เกมจาก 16 นัดหลังสุด เรียกว่า ฟอร์มสดด้วยกันทั้งคู่ ก่อนแข่งนี่ผมเองมองว่า คู่นี้ สกอร์น่าจะออกมาคู่คี่ สูสีแพ้ชนะกันไม่ขาด

 

AP Photo/Themba Hadebe

 

แม้ว่ารูปเกมที่ออกมา โมร็อกโก เหนือกว่าค่อนข้างเยอะ แต่ก็จบไม่คมเอง และฟุตบอลระดับนี้ ถ้าไม่คม มีโอกาสทำไม่ได้ก็ต้องถูกลงโทษ  สงสารก็แต่ตอนที่ กล้องตามจับหน้าของ แอร์กเว่ เรนาร์ด ตอน บูฮาดดูซ์ ทำเข้าประตูตัวเอง เจ็บปวดสุดๆ ประตูนี้นี่ทำร้ายหัวใจคนโมร็อกโก ทั้งประเทศเลยทีเดียว

โมร็อกโก ต้องพบกับความพ่ายแพ้เป็นเกมแรกในรอบ 18 นัด และ ต้องเสียสถิติ คลีนชีตเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เกม ส่วน อิหร่าน คว้าชัยชนะเป็นเกมที่สองในฟุตบอลโลกหลังจากที่ เคยเอาชนะ สหรัฐอเมริกา ที่สต๊าด เดอ แชร์กล็อง ในบอลโลกปี 1998

คู่สุดท้ายเตะกันในเวลา 01:00 บ้านเรา โปรตุเกส เจอกับ สเปน เกมนี้นี่ถือเป็น สุดยอดของเกมตามที่ได้คาดการณ์กันไว้ เพราะตลอด 90 นาที่นี่ เล่นกันแบบเต็มไปด้วยคุณภาพ คือโดยรวม สเปนของ เฟร์นานโด เอียร์โร่ ดูเหนือกว่า แต่ โปรตุเกส เองก็คม และเด็ดขาดเหลือเกิน ก่อนเกมใครที่คิดว่า สเปน จะดูด้อยลงไปเพราะ การขาด ฆูเลน โลเปเตกี อาจต้องคิดใหม่ การเดินเกมการต่อเกมทุกสิ่งทุกอย่างดูไม่เหมือนทีมที่เพิ่งจะปลด กุนซือตัวจริงไป

สเปน ก็ยังคงเป็นสเปนที่มีการต่อบอลที่ไหลลื่น การครองบอลที่ดูเนียนตาเหมือนเดิม เฟร์นานโด เอียร์โร่ เองทำได้ขนาดนี้ก็ต้องถือว่าเก่งมากๆ นะครับ ที่ประสานทีมที่คาดว่าจะมีรอยร้าวในทีมให้ยังดูกลมเกลียว และเล่นกันได้ดีขนาดนี้

สเปน ชุดนี้ ต่างกับชุดอื่นๆ ตรงที่มีกองหน้า ตัวเป้าที่ อย่าง ดีเอโก้ คอสต้า กลับมาอยู่ในฟอร์มที่คมกริบ คาดหวังได้ ไว้ใจ้ได้ และเป็นหน้าเป้าที่พร้อมจะบู๊กับกองหลังคู่ต่อสู้ พูดง่ายๆ คือ สเปน ชุดนี้ครบเครื่องมากกว่าชุดก่อน ก็ตรงทีได้ ดีเอโก้ คอสต้า ในวันที่ฟอร์มเยี่ยมกลับมาทันเวลา

คอสต้า ไปบอลโลก 2014 ด้วยนะครับได้ลงเล่นในสองเกมแรก แต่โชว์ฟอร์มไม่ออก โดนเปลี่ยนตัวออกทั้งสองนัด และ ทีมแพ้ทั้งสองเกม ตกรอบไปก่อนที่จะลงเล่นนัดสุดท้ายด้วยซ้ำ

 

AP Photo/Frank Augstein

 

แต่กลับมาคราวนี้ คอสต้า แข็งแกร่งขึ้นมาก แทบจะทุกการเล่นการปะทะ สร้างปัญหาให้แนวรับโปรตุเกส ตลอด คู่ปรับตัวสำคัญอย่าง เปเป้ ยังโดนทีเด็ด การปะทะจาก คอสต้า กลายเป็นประตูตีเสมอได้ กองหลังโปรตุเกสยืนกัน 5 ตัวเอา คอสต้า คนเดียวไม่อยู่

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดูตั้งอกตั้งใจมากกว่าฟุตบอลโลกในทุกครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ของเค้าแล้ว และ จากแฮตทริกในเกมนี้ ทำให้ โรนัลโด้ ยิงประตูในฟุตบอลโลก ได้ 4 สมัยติดต่อกัน

 

AP Photo/Francisco Seco

 

โรนัลโด้ ก็ยอด คอสต้า ก็เยี่ยม คนที่ดูแล้วน่าห่วงว่าความมั่นใจจะหดหาย น่าเป็นห่วงที่สุดก็น่าจะเป็น ดาบิด เดเคอา มากกว่า ก่อนหน้าจะมาฟุตบอลโลก เกมอุ่นเครื่องเดเคอา ก็พลาดเสียประตูง่าย ๆ แบบนี้มาแล้วนะครับ มาครั้งนี้ เสียประตูแบบง่าย ๆ อีก ไม่รู้ว่ความมั่นใจของ ยอดนายประตูผู้นี้จะหดหายไปสักเท่าไหร่

เอาเป็นว่า คู่นี้ จะกระตุกให้ เวิล์ดคัพหนนี้ กลายเป็นที่สนใจของแฟนบอลทั่วโลกอีกมากเลยทีเดียว และ ผมคาดว่ายังจะมีเกม ระดับ 5 ดาว ให้เห็นอีกเยอะเลยครับ

“เอก ฮิมสกุล”

 

โปรแกรมการแข่งขัน พร้อมช่องถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2018

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/2HtYS2N
ดูสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/TrueIDSportsLive

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้