รีเซต
TRUE TALK : เกาหลีใต้ 2-0 เยอรมัน สิ้นสุดมลทิน 16 ปีของแข้ง "โสมขาว" ... by "บก.เก้น"

TRUE TALK : เกาหลีใต้ 2-0 เยอรมัน สิ้นสุดมลทิน 16 ปีของแข้ง "โสมขาว" ... by "บก.เก้น"

TRUE TALK : เกาหลีใต้ 2-0 เยอรมัน สิ้นสุดมลทิน 16 ปีของแข้ง "โสมขาว" ... by "บก.เก้น"
kentnitipong
28 มิถุนายน 2561 ( 03:13 )
597

ชัยชนะเหนือ เยอรมัน 2-0 ของทัพนักเตะ “แทกึก วอริเออร์ส” ต่อหน้าสายตานับหลายล้านคู่ทั่วโลก สำหรับผม นี่ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงที่สุดของทีมจากเอเชียนับตั้งแต่การผ่านทะลุเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศของ เกาหลีใต้ (นี่แหละ) เมื่อปี 2002 ที่ผมเองยังเป็นเพียงเด็กมัธยมต้นตัวอ้วนๆ คนหนึ่ง

 

 

แน่นอน การจบด้วยอันดับ 4 ในฟุตบอลโลกฉบับเอเชีย เมื่อ 16 ปีที่แล้ว ล้วนแต่เต็มไปด้วยข้อครหา และมลทินมากมาย ทั้งการตัดสินที่ไม่โปร่งใสเลยแม้แต่น้อย แทคติก และการเล่นอันสกปรกของนักเตะ “โสมขาว” จนทำให้แฟนบอลทั้งโลก “ไม่เคย” ยอมรับในความสำเร็จของ เกาหลีใต้ ในครั้งนั้น

“Invisible Success” ความสำเร็จเร็จนี้ไม่เคยมีใครมองเห็น ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นจริง

นั่นคือ ตราบาป ที่ติดตัวนักเตะเกาหลีใต้ รวมถึงแฟนบอล “โสมขาว” ทุกคนมาจนถึงวันนี้

 

AP Photo/Michael Probst

 

กระทั่งการจุติของนักเตะที่ว่ากันว่าเก่งที่สุดของเอเชียในปัจจุบัน อย่าง ซน ฮึง-มิน ที่ไปพิสูจน์ตัวเองในลีกที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดในโลกอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

47 ประตูตลอด 3 ฤดูกาลกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ คือเครื่องยืนยันถึงความเก่งกาจของดาวเตะวัยเบญจเพสรายนี้เป็นอย่างดี

เมื่อบวกกับนักเตะรายอื่นๆ ที่ตบเท้าเดินทางไปเพาะบ่มฝีเท้าในยุโรปทั้งกัปตันทีมอย่าง กี ซุง-ยอง (สวอนซี), คู จา โชล (เอาก์สบวร์ก), ฮวาง ฮี-ชาน (เร้ดบูล ซัลซ์บวร์ก) และอี ซึง วู เจ้าของฉายาเมสซี่แห่งคาบสมุทรเกาหลี (เวโรน่า) ผนวกกับนักเตะตัวหลักที่ไปค้าแข้งในลีกที่ดีที่สุดในเอเชียอย่าง เจลีก อีกราว 5 คน แน่นอน หากวัดกันที่ประสบการณ์ ทีมชาติเกาหลีใต้ ชุดนี้ถือว่ากลมกล่อมไม่น้อย หากวัดกับตัวแทนจากเอเชียทีมอื่นๆ ที่พาตัวเองมาอวดฝีเท้าใน เวิลด์ คัพ ฉบับ แดนหมีขาว

แต่ด้วยฟอร์มในช่วงการอุ่นเครื่องที่พวกเขาต้องประสบกับความปราชัยไปถึง 4 จาก 6 นัดตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายๆ คนต่างพากันสรุปแล้วว่า เกาหลีใต้ คงเป็นได้เพียงแค่ไม้ประดับ เป็นทีมแจกแต้มในกลุ่ม F ที่เต็มไปด้วยกระดูกบอลชิ้นยักษ์จากคอนคาเคฟอย่าง เม็กซิโก, สวีเดน ที่ปราบทั้ง เนเธอร์แลนด์ และแชมป์โลกสี่สมัยอย่าง อิตาลี มาในรอบเพลย์ออฟ

และที่สำคัญ พวกเขายังต้องเจอกับทีมหมายเลขหนึ่งของโลกในยุคนี้ ที่เดินทางมา รัสเซีย ในฐานะแชมป์โลกทีมล่าสุดอีกด้วย

เอาตรงๆ นึกไม่ออกจริงๆ ว่าที่กล่าวมาถึงตรงนี้… เกาหลีใต้ จะเก็บแต้มจากฟุตบอลโลกครั้งนี้ได้อย่างไร ?

 

AP Photo/Lee Jin-man

 

เกาหลีใต้ ภายใต้การนำของ “มูรินโญ่ แห่งเอเชีย” อย่าง ชิน แท-ยอง (กูรูฟุตบอลอย่าง จอห์น เดอร์เดน เป็นผู้ตั้งฉายาให้นะครับ อย่าเข้าใจผิดว่าผมคิดเองหล่ะ ฮา) ลงสนามในเกมแรกพบกับแข้ง “ไวกิ้ง” หรือ สวีเดน ที่ตั้งเป้าเตรียมถลุงพวกเขาอย่างเต็มที่

เรียกได้ว่าเตรียมตั้งหม้อรอต้ม “โสมขาว” กะเอาให้เปื่อยยุ่ยไปเลย

แต่สุดท้าย สิ่งที่เราได้เห็นจากเกมที่ นิชนีย์ นอฟโกรอด กลับเป็นการแลกหมัดสู้กันอย่างสูสี โดยเฉพาะพลังวิ่งสู้ฟัดจนสถิติที่ได้มีการบันทึกไว้จากฟีฟ่าพบว่า แมตช์นี้ เกาหลีใต้ วิ่งรวมกันไปมากถึง 103 กิโลเมตร กว่า สวีเดน จะมาได้ประตูชัยก็ต้องรอจังหวะลูกที่จุดโทษของ อันเดรียส แกรนควิสต์ ทำเอาแข้ง “ไวกิ้ง” ถึงกับหอบแฮ่กๆ เหมือนกัน

 

AP Photo/Martin Meissner

 

แมตช์ที่สอง เกาหลีใต้ ต้องโคจรมาพบกับทีมแกร่งอย่าง เม็กซิโก ที่เพิ่งจะปราบแชมป์โลกทีมล่าสุดอย่าง เยอรมัน มา

แน่นอน แฟนบอลส่วนใหญ่ต่างพากันคาดว่า เกมนี้คงเป็นของทัพ “จังโก้” แบบเบ็ดเสร็จแหงๆ ทั้งในแง่ของคุณภาพนักเตะ กุนซือ ชื่อชั้น รวมถึงประสบการณ์ในการลงเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของยอดทีมจากคอนคาเคฟทีมนี้

แต่เหมือนกับที่ผมเคยย้ำไว้หลายๆ ครั้งว่า “ฟุตบอลไม่ใช่บัญญัติไตรยางค์ ฟุตบอลไม่ใช่คณิตศาสตร์” ฟุตบอล ไม่เคยมีสูตรสำเร็จในการเอาชนะ

ความประมาทของนักเตะเม็กซิโก เกือบย้อนกลับมาทำร้ายพวกเขาเอง แม้ว่าสุดท้ายสกอร์ที่ออกมาจะเป็น เม็กซิโก ที่เก็บสามคะแนนได้ แต่ถ้าเจาะดีเทลลงไปลึกๆ รวมถึงการเฝ้าติดตามการถ่ายทอดสดผ่านทาง TrueID จะพบว่า เกาหลีใต้ สมควรที่จะมีแต้มจากเกมที่ รอสตอฟ อารีน่า เป็นอย่างยิ่ง

โอกาสลุ้นพังประตูกว่า 17 ครั้ง รวมถึงเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลสำเร็จถึง 82 % พร้อมกับสถิติการวิ่งที่เหนือกว่า เม็กซิโก คือสิ่งที่ เกาหลีใต้ ทำได้น่าพอใจท่ามกลางความพ่ายแพ้ 1-2

 

AP Photo/Martin Meissner

 

ถ้าใครได้ติดตามข่าวจะพบว่า หลังจากจบเกมนี้ นักเตะเกาหลีใต้ถึงกับหลั่งน้ำตาในห้องแต่งตัวด้วยความเสียดาย โดยเฉพาะ ซน ฮึง-มิน ที่ปล่อยโฮออกมาหนักกว่าใครเพื่อน จนท่านประธานาธิบดีแห่งสาฐารณรัฐเกาหลีอย่าง มุน แจ-อิน ถึงกลับต้องมาปลอบใจ

เดินทางมาถึงตรงนี้ เป็นอันแน่นอนว่า ลูกทีมของ ชิน แท-ยอง ร่วงตกรอบเป็นที่แน่นอนแล้ว เฉกเช่นเดียวกับ ซาอุดิอาระเบีย หลังไม่สามารถเก็บคะแนนได้เลยในสองแมตช์ที่ผ่านมา ในขณะที่ตัวแทนจากเอเชียอื่นๆ อย่าง อิหร่าน ยังมีลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้าย เช่นเดียวกับ ญี่ปุ่น ที่ยังไม่แพ้ใคร แถมเก็บชัยชนะได้อีกด้วย ส่วน ออสเตรเลีย ก็ยังมีแสงสว่างที่ปลายถ้ำนิดๆ ในแมตช์ตัดสิน

ดูเหมือนว่านี่จะเป็นสัญญาณแห่งความล้มเหลวอีกครั้งของอดีตแชมป์เอเชียสองสมัยอย่าง เกาหลีใต้…

 

AP Photo/Michael Probst

 

เป็นเรื่องธรรมดาที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์มักจะตามมาทันทีที่เราล้มลง อ่อนแรง และล้มเหลว นักเตะเกาหลีใต้ชุดนี้เริ่มโดนโจมตีถึงแทคติก ความเด็ดขาด สภาพจิตใจ รวมถึงการโดนเปรียบเทียบจากความสำเร็จ (ที่ว่ากันว่า เปื้อนมลทิน) เมื่อ 16 ปีที่แล้ว บ้างก็บอกว่านี่คงเป็นคำสาปที่ตกทอดมาตั้งแต่ปี 2002 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ จนทำให้ทัพลูกหนัง เกาหลีใต้ (ชุดใหญ่) แทบจะไม่ประสบความสำเร็จอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน (ไม่นับเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2012 ที่ลอนดอน) โดยเฉพาะในเวทีฟุตบอลโลกที่ “แทกึก วอริเออร์ส” คว้าชัยได้เพียงแค่สองเกมจากสิบนัด (2006 – 2014) ก่อนจะเปิดฉาก รัสเซีย 2018

ยิ่งเกมนัดสุดท้ายพวกเขาต้องลงสนามพบกับ “อินทรีเหล็ก” เยอรมัน ที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์หลังพิงฝา ต้องเดินหน้าล่าฆ่าฟันสถานเดียว

แต่ขึ้นชื่อว่าทัวร์นาเม้นต์ระดับ “ฟุตบอลโลก” เรามักจะได้พบเห็น พบเจอกับเรื่องราวอันเป็นเสน่ห์ และเป็นตำนานให้คนรุ่นหลังกล่าวขานเสมอ

แต่คงไม่มีใครกล้าคิดว่ามันจะเกิดขึ้นในเกมระหว่าง เกาหลีใต้ กับ เยอรมัน ที่ คาซาน อารีน่า เป็นแน่

 

AP Photo/Frank Augstein

 

ตลอดทั้งเกม เราได้เห็นเกมรุกของ เยอรมัน ที่ขึงเข้าใส่นักเตะเกาหลีใต้ตั้งแต่วินาทีแรกของเกม จนแข้งแชมป์โลกสี่สมัยมีโอกาสจบสกอร์มากถึง 26 ครั้ง แต่เหลือเชื่อว่า 26 ครั้งนั้น แนวรุกเยอรมันเจอแข้งพลังโสมบล็อคไปถึง 9 ครั้งด้วยกัน

บวกกับความมหัศจรรย์ถูกที่ถูกเวลาของ โช ยอน-วู นายทวารจาก แดกู เอฟซี ที่ก่อนฟุตบอลโลกจะเปิดฉาก เขาถูกวางไว้เป็นเพียงแค่ผู้รักษาประตูมือสามเท่านั้น แต่ทุกสิ่งที่เขาได้สร้างไว้ในนัดนี้ สามารถเป็นคำตอบแทนทุกข้อสงสัยจากแฟนบอลทั้งโลกได้ว่า เหตุใด ชิน แท-ยอง ถึงกล้าเสี่ยงเลือกใช้บริการนายด่านที่มีประสบการณ์ในสีเสื้อทีมชาติน้อยที่สุดหากเทียบกับผู้รักษาประตูรุ่นพี่อีกสองคน

โช ยอน-วู เนรมิตเกมที่ คาซาน ให้กลายเป็นวันของเขาอย่างแท้จริง การปฏิเสธลูกยิงนับครั้งไม่ถ้วนของสตาร์เยอรมัน ทุกเซฟที่เจ้าตัวพุ่งปัด พุ่งรับ มันไม่ใช่แค่การช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเจ้าตัวเท่านั้น แต่มันเป็นการช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับเพื่อนร่วมทีมทั้ง 23 คน รวมถึงเหล่าทีมสต๊าฟ และแฟนบอลเกาหลีใต้ทั้งโลกไปในตัว

พอไม่เสีย เกาหลีใต้ ก็มีกำลังใจที่จะมีหมัดสวน เผอิญว่าหมัดสวนของทัพ “โสมขาว” มันกลับหนักพอที่จะทำให้ “อินทรีเหล็ก” ถึงกลับต้องปีกหักกลับบ้านเร็วกว่าที่ใครคิด

 

AP Photo/Lee Jin-man

 

ลูกยิงระยะเผาขนของ คิม ยอง-กวอน รวมถึงจังหวะสปีดของ ซน ฮึง-มิน เข้าไปยิงปิดเกมในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ได้เปลี่ยนมิติฟุตบอลโลกครั้งนี้อย่างสิ้นเชิง

ไม่มีอีกแล้วคำว่า ฟีฟ่า แรงกิ้ง ที่เหนือกว่า ไม่มีอีกแล้วกับคำว่าสมันน้อยจากเอเชีย ไม่มีอีกแล้วกับคำว่าแกร่งทั่วแผ่น มาตรฐานของทุกๆ ทีมในฟุตบอลโลกครั้งนี้มันสูงกว่าที่หลายๆ คนคิด วิเคราะห์ และแยกแยะ

ทันทีที่เสียงนกหวีดสุดท้ายจาก มาร์ค ไกเกอร์ เชิ๊ตดำจากเมืองลุงแซม (คนที่ตกเป็นข่าวว่าขอเสื้อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในเกม โมร็อกโก – โปรตุเกส นั่นแหละครับ) จบลง น้ำตาแห่งความปลื้มปิติ และภาคภูมิใจของทัพ “โสมขาว” มันได้โพยพุ่งออกมาราวกับน้ำพุแห่งความสำเร็จ ใครจะไปเชื่อว่า เกาหลีใต้ ทีมอันดับที่ 57 ของโลกจะสามารถเอาชนะแชมป์โลกเมื่อสี่ปีที่แล้วอย่าง เยอรมัน ได้อย่างเด็ดขาด ปราศจากมลทิน และไร้ข้อครหาทั้งปวง

สำหรับ เกาหลีใต้ ชัยชนะเหนือ เยอรมัน ในวันนี้…

มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ “สามคะแนน” ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเท่านั้น
มันไม่ได้เป็นเพียงแค่การเอาชนะทีมที่เคยคว้า “แชมป์โลกสี่สมัย” และถูกยกให้เป็นทีมหมายเลขหนึ่งของโลกในยุคปัจจุบันอย่าง เยอรมัน

แต่มันคือ “จิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ” ที่ช่วยเชิดชูศักดิ์ศรีของวงการลูกหนังเอเชียให้กลับมาสง่างามอีกครั้งดั่งที่ ญี่ปุ่น, อิหร่าน, ซาอุดิอาระเบีย และออสเตรเลีย ทำให้ทุกคนประทับใจ

สำคัญที่สุด… มันคือการลบล้างข้อครหา มลทิน และตราบาปที่ตามหลอกหลอนพวกเขามาถึง 16 ปีของแข้ง “โสมขาว” ให้มลายหายไป ด้วยหัวใจ และฝีเท้าของพวกเขาเอง

 

หมายเหตุ – ชัยชนะของ เกาหลีใต้ ทำให้เรารู้ว่า ในชีวิตจริง ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ไม่มีสิ่งที่ไหนที่คงอยู่ตลอดกาล ไม่มีความสำเร็จใดที่ได้มาอย่างง่ายดาย ทุกอย่างล้วนแต่ต้องถูกแลกมาด้วยความทุ่มเท การลงมือทำ ความมุ่งมั่น และจริงจัง มิเช่นนั้น ก็คงไม่มีวันที่เราจะได้ยิน ได้เห็นสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นมาในโลกใบนี้อย่างแน่นอน

“บก.เก้น”

 

โปรแกรมการแข่งขัน พร้อมช่องถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2018

ดูฟุตบอลโลก 2018 ย้อนหลัง เต็มแมตช์  สิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าทรู

 

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/2HtYS2N
ดูสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/TrueIDSportsLive

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้