รีเซต
WORLD CUP BEST XI : ทีมยอดเยี่ยมหลังผ่าน “รอบแรก” ฟุตบอลโลก 2018 ... by “PUP Tuntat”

WORLD CUP BEST XI : ทีมยอดเยี่ยมหลังผ่าน “รอบแรก” ฟุตบอลโลก 2018 ... by “PUP Tuntat”

WORLD CUP BEST XI : ทีมยอดเยี่ยมหลังผ่าน “รอบแรก” ฟุตบอลโลก 2018 ... by “PUP Tuntat”
kentnitipong
30 มิถุนายน 2561 ( 14:26 )
264

นายประตูอย่าง โอชัว ที่บินเซฟมากที่สุดใน เวิลด์ คัพ, ดาวเตะที่รับปลอกแขนกัปตันทีมต่อจาก “พระเจ้า” อย่าง อันเดรียส แกรนควิสต์, กองกลางผู้ปิดทองหลังพระ ที่มีนามว่า ลูก้า โมดริช รวมไปถึงกองหน้าที่พิชิตใจสาวๆ ทั้งโลกอย่าง ซีอาร์เซเว่น ยังคงมีชื่อให้เราเรียกขานกันต่อไปในรอบ 16 ทีมสุดท้าย

วันนี้ ทีมงาน TrueID Sport จะพาทุกท่านไปรับชมว่า ใครคือนักเตะที่ติด ทีมยอดเยี่ยมหลังผ่าน “รอบแรก” ฟุตบอลโลก 2018 ในใจของพวกเราในระบบ 4-4-2 กันครับ…

 

 

ผู้รักษาประตู : กิลเยร์โม่ โอชัว (เม็กซิโก)

AP Photo/Eduardo Verdugo

แม้ กิลเยร์โม่ โอชัว จะอาภัพกับโอกาสในการเฝ้าเสาให้กับสโมสรใหญ่ๆ ในยุโรป แต่ทว่าเมื่อถึงคราวที่เจ้าตัวต้องโชว์ฝีไม้ลายมือในนามทีมชาติ นายประตูหัวฟูรายนี้ ก็ยังเป็นที่พึ่งให้เพื่อนๆ ได้อุ่นใจอยู่เสมอ

ในทัวร์นาเม้นต์นี้ โอชัว ทำสถิติเป็นผู้รักษาประตูที่เซฟมากที่สุด หลัง “บิน-ก้ม-ล้ม-งม-เงย” ปัดป้องรักษาประตูได้มากถึง 17 หน หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เจ้าตัวก็ทำได้มากถึง 81 % อีกทั้งยังช่วยทีมเก็บคลีนชีทได้อีก 1 นัด พร้อมพาทัพ “จังโก้” เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายใน เวิลด์ คัพ เป็นสมัยที่ 7 ติดต่อกันได้สำเร็จแบบหล่อๆ

 

แบ็กขวา : คีแรน ทริปเปียร์ (อังกฤษ)

AP Photo/Alastair Grant

ด้วยสถิติลงสนามในพรีเมียร์ ลีก ไปทั้งหมด 24 นัด พร้อมแอสซิสต์ไป 5 คร้ัง, จ่ายบอลสำเร็จ 81 %, เลี้ยงผ่านคู่ต่อสู้ได้ 72 % นับเป็นใบเบิกทางที่สำคัญจนทำให้เจ้าตัวก้าวขึ้นมาติดทีมชาติอังกฤษชุดสู้ศึกฟุตบอลโลก 2018 ได้สำเร็จ

ในทัวร์นาเม้นต์นี้ เจ้าตัวมีโอกาสลงสนามไป 2 หน จาก 3 แมตช์ และเขาก็ไม่ทำให้เฮดโค้ชอย่าง แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องผิดหวัง หลัง ทริปเปียร์ จารึก Stat ที่สำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็น การถวายพานให้เพื่อนใส่สกอร์ 1 ตุง, ผ่านบอลสำเร็จถึง 82 %, เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งแบบตัวต่อตัวได้ 100 %, เข้าปะทะชนะคู่ต่อสู้ได้สำเร็จทุกหน พร้อมพาอังกฤษเข้ารอบด้วยการจบในฐานะรองแชมป์กลุ่ม จี ได้สำเร็จ

 

แบ็กซ้าย : ยูโตะ นากาโตโมะ (ญี่ปุ่น)

AP Photo/Natacha Pisarenko

แม้ ญี่ปุ่น จะมีระบบการปั้นแข้งเยาวชนที่ดี มาทนแทนรุ่นพี่ได้ตลอดในช่วงหลาย 10 ปี ที่ผ่านมา แต่ทว่ากลับไม่มีใครมาทดแทนตำแหน่งแบ็กซ้ายของ นากาโตโมะ ได้เลย ไม่ใช่ว่าดาวรุ่งเหล่านั้นจะมีฝีเท้าที่ไม่ฉกาจพอ แต่ทว่ามันกลับเป็นเรื่องของ “คลาสบอล” ที่ นากาโตโมะ ยังคงรักษาเอาไว้ได้อย่างดีแม้จะไม่ได้เล่นกับทีมใหญ่อย่าง อินเตอร์ มิลาน แล้วก็ตาม

ฟุตบอลโลกหนนี้ เจ้าตัวได้โอกาสลงสนาม 3 นัด ครบ 270 นาที อีกทั้งยังตอบแทนความไว้วางใจของเฮดโค้ช ด้วยการทำ 1 แอสซิสต์, จ่ายบอลสำเร็จ 82 %, เข้าปะทะชนะ 100 % พร้อมพาญี่ปุ่นไปลุยรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยโควต้าใบสุดท้ายของกลุ่ม เอช ได้สำเร็จ

รอบ 16 ทีมสุดท้าย นับเป็นผลงานที่ดีที่สุดในฟุตบอลโลกของทีมจากแดนปลาดิบ และครั้งนี้พวกเขาต้องมาปะฝีเท้ากับ เบลเยี่ยม ซึ่งคงเป็นงานที่ยาก และจะยากอย่างยิ่งสำหรับกองหลัง เมื่อต้องเผชิญกับกองหน้าตัวโตๆ ที่พร้อมจะบดแบ็กโฟร์ของ ญี่ปุ่น อย่างเต็มกำลัง

อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นคนเอเชียเหมือนกัน ผมก็ยังเชื่อว่า นากาโตโมะ จะทำทุกวิถีทางให้ ญี่ปุ่น ทุบสถิติเดิมเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไปให้สมกับการ “นักเตะตัวเล็กหัวใจใหญ่” ที่สู้สุดใจมาตลอด 3 นัดที่ผ่านมา อย่างแน่นอน

 

เซนเตอร์ฮาล์ฟฝั่งขวา : อันเดรียส แกรนควิสต์ (สวีเดน)

AP Photo/Pavel Golovkin

ติดทีม “ไวกิ้ง” มาตั้งแต่ปี 2006 ลงขันเกมรับให้กับทัพบ้านเกิดมามากกว่า 70 นัด ประสบการณ์ที่แก่กล้าของเขา ดูจะเป็น “ไม้ยืนต้น” ชั้นดีที่จะช่วยประคับประคองเหล่า “ต้นกล้า” ในทีมให้ยังยืนหยัดอยู่ได้ หลังเจ้าตัวฝากสถิติเป็นผู้เล่นในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟคนเดียวในทีม ที่ลงเล่นครบ 3 นัด 270 นาที, การันตีประตูเมื่อได้ซัดจุดโทษ 100 % จากโอกาส 2 ครั้งใน 2 นัด, เข้าสกัดในจังหวะสำคัญๆ ได้ถึง 17 หน จากการใช้เวลาเพียง 270 นาทีที่ลงสนามตลอด 3 แมตช์ รวมไปถึงยังจ่ายบอลสำเร็จถึง 92 ครั้ง และคิดเป็น 82 เปอร์เซนต์ ซึ่งนับว่ามากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในทีม รองจาก พอนตัส แยนส์สัน เพียงคนเดียวเท่านั้น

การรับไม้ต่อในฐานะผู้นำทีมของ แกรนควิสต์ จะพา สวีเดน ก้าวขึ้นไปเหยียบตำแหน่ง รองแชมป์บอลโลก เหมือนที่เคยจารึกไว้ในปี 1958 ได้หรือไม่ คงต้องเชยชมกันไปยาวๆ

 

เซนเตอร์ฮาล์ฟฝั่งซ้าย : ติอาโก้ ซิลวา (บราซิล)

AP Photo/Matthias Schrader

ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีๆ นักเตะคนนี้ก็มักรักษาฟอร์มที่ดีได้อยู่เสมอ ฟุตบอลโลก หนนี้ นับเป็นหนที่ 3 ของเจ้าตัวแล้ว โดยตลอดสองครั้งที่ผ่านมา คำว่า “แชมป์” ยังคงห่างไกลจากมือของ ติอาโก้ ซิลวา อยู่มาก ในศึกฟุตบอลโลก 2018 หนนี้ แม้ทัพ “เซเลเซา” จะเข้ารอบมาได้แบบต้องแอบลุ้นอยู่บ้าง แต่ทว่าฟอร์มของปราการหลังวัย 33 ปี รายนี้ กลับโดดเด่นจนพิชิตใจทีมงาน TrueID Sport ได้สำเร็จ

เจ้าตัวทำสถิติลงเล่นครบทุกแมตช์ในรอบแบ่งกลุ่ม พร้อมสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นหัวใจในเกมรับในบอลโลกหนที่ 2 ได้ติดต่อกัน อีกทั้งยังฝาก 1 ประตูจากการยิงตรงกรอบเพียงครั้งเดียวจาก 3 นัด, จ่ายบอลสำเร็จมากถึง 93 %, เข้าปะทะสำเร็จได้ถึง 75 %, เคลียบอลในจังหวะสำคัญสำเร็จมากถึง 12 หน พร้อมปล้นชัยมาได้ 2 และเจ๊าไป 1 เกม พาทัพ “เซเลเซา” เข้ารอบไปลุ้นแชมป์โลกสมัยที่ 6 ต่อไป ได้สมใจแฟนๆ แซมบ้า

 

มิดฟิลด์ตัวกลาง : ลูก้า โมดริช (โครเอเชีย)

AP Photo/Natacha Pisarenko

อีกหนึ่งเบื้องหลังความสำเร็จของ “ราชันชุดขาว” ในฤดูกาลนีั้ คงมีชื่อของ ลูก้า โมดริช อยู่ในนั้นอย่างขาดไม่ได้ บอลโลกครั้งนี้ก็เช่นกัน การเก็บ 9 แต้มเต็มในรอบแบ่งกลุ่มเป็นครั้งในแรกในประวัติศาสตร์ลูกหนัง “ตราหมากรุก” มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย หากไม่มี โมดริช คอยบัญชาเกม

หลังจบรอบแบ่งกลุ่ม สถิติสำคัญๆ ที่ดาวเตะกัปตันทีมรายนี้ฝากเอาไว้นั่นก็คือ การจ่ายบอลสำเร็จที่สูงถึง 87 %, ยิง 2 ประตู ซึ่ง 1 ในนั้น มีลูกยิงสุดสวยในนัดที่ “ตราหมากรุก” โครเอเชีย พบกับ “ฟ้าขาว” อาร์เจนติน่า รวมไปถึงเจ้าตัวยังเคลียบอลในจังหวะสำคัญได้ถึง 4 ครั้ง พร้อมพาทีมเข้ารอบไปแบบไร้พ่ายชนิดที่ “โคตรหล่อ”

 

มิดฟิลด์ตัวกลาง : อิวาน ราคิติช (โครเอเชีย)

AP Photo/Ricardo Mazalan

ถ้าว่ากันว่า โมดริช คือหัวใจในการปั้นเกมตรงกลางของ โครเอเชีย ราคิติช ก็เป็นคู่หูที่ช่วยเติมเต็มความเด็ดขาดในแดนกลางของทีมเช่นกัน และเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า 9 คะแนนเต็มของ โครเเอต นั้นมี ราคิติช เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ช่วยเนรมิตทีมให้สมบูรณ์แบบคล้าย “ตราหมากรุก” ในยุคปลาย 90’s อีกครั้ง

แม้ฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านมา ราคิติช จะยังไม่ได้อยู่ในฟอร์มการเล่นที่พีคที่สุด แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่อย่างงั้น หลังเจ้าตัวซัดไป 2 ประตู, ผ่านบอลสำเร็จได้ถึง 81 %, ช่วยกองหลังเคลียร์บอลในจังหวะอันตรายได้ถึง 3 ครั้ง พร้อมพาทีมชนะทั้ง 3 นัด กดประตูรวมไปทั้งหมด 7 ลูก และโดนทะลวงตะข่ายไปเพียงครั้งเดียว

เชื่อว่าการมี โมดริช และราคิติช เล่นร่วมกันในแดนกลาง คงจะเป็นปรากฏการณ์ลูกหนังโครเเอต ที่แฟนๆ “ตราหมากรุก” ทุกคน คงจะหาความกลมกล่อมในแผงมิดฟิลด์แบบนี้ไม่ได้ง่ายๆ อีกครั้งแน่นับตั้งแต่หมดยุคของ ซัลโวนิเมียร์ โบบัน กับ โรเบิร์ต โปรชิเน็คสกี้

 

ปีกซ้าย : ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ (บราซิล)

AP Photo/Felipe Dana

เหมือนฟอร์มจะดูตะกุกตะกักกับ บาร์เซโลน่า ในช่วงแรก แต่ไปๆ มาๆ เจ้าตัวกลับยิงได้ถึง 8 ประตู 5 แอสซิสต์ จากการเป็นตัวจริงเพียง 16 นัด ในศึกลา ลีกา สเปน ฤดูกาลที่ผ่านมา แม้บอลโลกครั้งนี้จะเป็นความทรงจำหนแรกของเจ้าตัว แต่ความกลัวหรือตื่นสนามกลับแทบไม่มีอยู่ในหัวของเขาเลย เมื่อ คูตินโญ่ รัวไป 2 ประตู กับอีก 1 แอสซิสต์, จ่ายบอลสำเร็จมากถึง 91 %, เข้าปะทะชนะ 100 % พร้อมพาทัพ “เซเลเซา” เข้ารอบไปในฐานะแชมป์กลุ่ม อี แบบชนิดสมฐานะอดีตแชมป์โลก 5 สมัย

รอบน็อคเอาท์ที่กำลังจะถึงนี้ คงเป็นบทพิสูจน์ชั้นดีที่ คูตี้ จะแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวเหมาะสมกับค่าตัว 160 ยูโร หรือไม่ (หวังว่าแฟนหงส์คงให้กำลังใจเค้านะครับ ฮา ฮา)

 

ปีกขวา : อิสโก้ (สเปน)

AP Photo/Frank Augstein

เกือบจะหมดอนาคตกับ เรอัล มาดริด มาแล้วในช่วงนึง แต่สถานการณ์กลับพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อเจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้สุดยอดตลอดช่วง 2 ปี ที่ผ่านมา จนถึงขั้นเบียด เเกเร็ธ เบล ให้เป็นตัวสำรองจนต้องงอแงขอย้ายทีม

ในฤดูกาลที่ผ่านมากับ “โลส บลังโกส” อิสโก้ ทำสถิติ ลงสนามเป็นตัวจริงในลีก 21 นัด กดไป 7 ประตู กับอีก 7 แอสซิสต์ อย่างไรก็ตามฟอร์มของมิดฟิลด์เครางามรายนี้ กลับไม่ใช่ของปลอมย้อมแมวแบบที่บางคนคิดไว้ เนื่องจากใน เวิลด์ คัพ หนนี้ เจ้าตัวเหมาสัมปทานลงเล่นในยุคเปิดซิงการคุมทีมของ เฟร์นานโด เอียร์โร่ ไปทุกแมตช์ในรอบแบ่งกลุ่ม พร้อมสร้างมนต์สะกดบนพื้นหญ้าด้วยการยิง 1 ประตู, จ่ายบอลสำเร็จมากถึง 93 %, ซึ่งยังมากกว่า อันเดรส อิเนียสต้า ดาวเตะผู้เคยมีชื่อเข้าชิงบัลลงดอร์ถึง 2 สมัย พร้อมพา สเปน เข้ารอบเป็นที่ 1 เหนือ โปรตุเกส, อิหร่าน และโมร็อกโก ได้สำเร็จ

นักฟุตบอลที่พึ่งผ่านความเป็น เบญจเพส มาเมื่อปีที่แล้ว จะรับถ้วย เวิลด์ คัพ ฉลองวัยหนุ่มของเขาได้หรือไม่ คงต้องพิสูจน์กัน

 

กองหน้า : คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส)

AP Photo/Francisco Seco

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่นักเตะในตำแหน่งเกมรุกจะผ่านการเล่นฟุตบอลโลกมาถึง 4 สมัย (2006, 2010, 2014, 2018) อีกทั้งยังยิงประตูได้ทุกครั้ง มาวันนี้ โรนัลโด้ ก็ยังคงเป็นทุกอย่างให้กับสโมสร และ ทีมชาติในวันที่แนวรุกของทีมฟอร์มตกอยู่เช่นเคย

ใน เวิลด์ คัพ ครั้งนี้ โรนัลโด้ กดไป 4 ประตู และเป็น 1 แฮตทริกโกงตายในนัดที่ทีมพบกับทัพ “กระทิงดุ” ยิ่งไปกว่านั้นปีกกึ่งกองหน้ารายนี้ยังจ่ายบอลสำเร็จได้ถึง 83 %, เลื้อยผ่านคู่ต่อสู้แบบ 1 VS 1 ได้ถึง 50 เปอร์เซนต์ พร้อมพาทีมชาติโปรตุเกส เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี

ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกลูกหนัง ชายผู้นี้คว้ามาหมดแล้ว ก็เหลือแต่เพียง “แชมป์โลก” ที่รอเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายเพื่อเติมเต็มความยิ่งใหญ่ให้กับเขาอยู่เท่านั้น

 

กองหน้า : แฮร์รี่ เคน (อังกฤษ)

AP Photo/Antonio Calanni

ติดทีมชาติอังกฤษ ในปี 2015 ถัดจากนั้น 4 ปี เคน ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งกัปตันทีมอันทรงเกียรติด้วยวัยเพียง 24 ปี ท่ามกลางแรงกดดันจากสื่อ และแฟนบอลในประเทศ ที่ฝากความหวังกับทีมชาติอังกฤษชุดนี้ในศึกฟุตบอลโลก 2018 เอาไว้มาก ทว่าปลอกแขนเส้นนี้ กลับปลุกแรงกระหายที่จะขยํ้าคู่แข่งดั่งฉายา “สิงโตคำราม” ของทีม อย่างปฏิเสธไม่ได้ หลังเจ้าตัวยิงไปถึง 5 ตุง ซึ่งประตูเหล่านี้มาจากการยิงตรงกรอบเพียง 5 ครั้งของหัวหอกจาก สเปอร์ส ยิ่งไปกว่านั้น เคน ยังสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นดาวซัลโวเดี่ยวๆ แบบเท่ๆ ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้หลังจากจบรอบแบ่งกลุ่มอีกด้วย

หาก “สิงโตคำราม” สามารถเข้ารอบลึกๆ หรือ เป็นแชมป์ในศึกครั้งนี้ได้ ในปี 2020 พวกเขาอาจสานต่อจนถึงตำแหน่งแชมป์กับทีมชุดเดิมโดยมี เคน เป็นกัปตันทีมชูถ้วยเเชมป์ยูโร 2020 ก็เป็นไปได้

รอบแบ่งกลุ่มเป็นเพียงทางผ่านของทีมที่พร้อมจะเป็น “แชมป์” ในด่านแรกเท่านั้น ของจริงมันจะอยู่ในรอบถัดไป…

“PUP Tuntat”

 

โปรแกรมการแข่งขัน พร้อมช่องถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลก 2018

ดูฟุตบอลโลก 2018 ย้อนหลัง เต็มแมตช์  สิทธิพิเศษเฉพาะลูกค้าทรู

 

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/2HtYS2N
ดูสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/TrueIDSportsLive

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้