รีเซต
EXCLUSIVE : โค้งสุดท้ายที่เดิมพันด้วย "ตั๋วไทยลีก" ของ เชียงใหม่ เอฟซี ... by "บก.เก้น"

EXCLUSIVE : โค้งสุดท้ายที่เดิมพันด้วย "ตั๋วไทยลีก" ของ เชียงใหม่ เอฟซี ... by "บก.เก้น"

EXCLUSIVE : โค้งสุดท้ายที่เดิมพันด้วย "ตั๋วไทยลีก" ของ เชียงใหม่ เอฟซี ... by "บก.เก้น"
kentnitipong
23 กรกฎาคม 2561 ( 17:26 )
4.3K

หากลองกวาดสายตามองไปยังหัวเมืองใหญ่ๆ ที่มีความคลั่งไคล้ฟุตบอลชนิดเข้าเส้น เข้ากระดูก ชื่อของจังหวัดเชียงใหม่ ย่อมผุดขึ้นมาเป็นตัวเลือกลำดับต้นๆ ของแฟนบอลทั้งประเทศเป็นแน่ ด้วยการเป็นเมืองที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ระดับแถวหน้าของประเทศ บวกกับวัฒนธรรม และประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์มากกว่า 700 ปี “นพบุรีศรีนครพิงค์” จึงโดดเด่นไปด้วยความหลากหลาย และความยิ่งใหญ่ตั้งแต่อดีตกาล

 

 

บ้างว่ากันว่าหากไม่นับกรุงเทพมหานครฯ แล้ว เชียงใหม่ นี่แหละคือจังหวัดที่เพียบพร้อมมากที่สุด ทั้งสนามแข่งขันที่ได้ระดับมาตรฐาน (สมโภชเชียงใหม่ 700 ปี) ความตื่นตัวในเรื่องของกีฬา เศรษฐกิจ สังคม การคมนาคมที่เกือบจะสบบูรณ์ (ขาดแค่ระบบขนส่งมวลชนที่มีประสิทธิภาพ) และสำคัญที่สุดนั่นคือ “ฐานแฟนบอล” ที่ไม่ได้มีแค่ในจังหวัดเชียงใหม่แต่อย่างเดียว หากแต่เป็นทั้งภาคเหนือที่พร้อมจะเทใจให้ยักษ์หลับแดนล้านนา หากพวกเขาสามารถก้าวขึ้นไปสู่ลีกสูงสุดได้

ด้วยประชากรที่มากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของประเทศ (จากสถิติของกระทรวงมหาดไทย) เชียงใหม่ พร้อมจะวางตัวเองให้เป็นศูนย์กลางอาณาจักรลูกหนังของเมืองเหนือได้ไม่ยาก แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ทีมเบอร์หนึ่งอย่าง เชียงใหม่ เอฟซี กลับไม่สามารถปีนป่ายไปสู่ดวงดาว และเป้าหมายอย่างที่ใจหวังนับตั้งแต่ยุคของ “พ่อเลี้ยงอี๊ด” ดร. อุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ กระทั่งผลัดไม้มาเป็นกลุ่มทุนจาก บางกอกกล๊าส และ “สว.ก๊อง” ชูชัย เลิศพงศ์อดิศร ในปัจจุบัน

เพื่อนร่วมรุ่นในอดีตทั้ง ชัยนาท ฮอร์นบิล, สุพรรณบุรี เอฟซี, นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี หรือแม้กระทั่ง สุโขทัย เอฟซี ล้วนแต่ขึ้นมาเชิดหน้าชูคออยู่บนลีกสูงสุดได้หลายฤดูกาลแล้ว แต่ทำไม เชียงใหม่ เอฟซี ถึงยังไม่เคยก้าวไปถึงจุดนั้น ?

นั่นคือโจทย์สำคัญที่บอร์ดบริหาร รวมถึงแฟนบอล “พยัคฆ์ล้านนา” ต่างขบคิดกันมาอยู่นานหลายปี จนถึงวันนี้ วันที่ เชียงใหม่ เอฟซี กลับมาอยู่ในเส้นทางของการลุ้นเลื่อนชั้นอีกครั้ง…

ทุกอย่างเริ่มจะกลับมาดูสุดใส ฟ้าสีทองกลับมาผ่องอำไพเหนือกลุ่มแฟนบอล “พยัคฆ์ล้านนา” ที่วาดฝันมาตลอดหลายปีถึงการเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด แต่ทว่าประตูโทนของ เคนโงะ อิชิอิ ในช่วงท้ายเกม ได้ทำให้ก้อนเมฆแห่งความอึดอัดกลับมาแทนที่ความสุขนั้นอีกหน ความพ่ายแพ้ต่อ สมุทรสาคร ทำให้ เชียงใหม่ เอฟซี ต้องหล่นมาอยู่ที่ 5 ตามหลังพื้นที่โซนเลื่อนชั้น 4 แต้มด้วยกัน (ก่อนลงสนาม พบกับ กระบี่ เอฟซี)

หรือ เชียงใหม่ เอฟซี จะตกม้าตายในช่วงโค้งสุดท้ายดั่งเช่นปี 2014 อีกครั้ง ?

 

ขอบคุณภาพ : เจแอล เชียงใหม่ ยูไนเต็ด

 

จริงๆ แล้วช่วงตลาดซื้อขายนักเตะที่ผ่านมา มีกระแสจากแฟนบอลออกมาไม่น้อย ถึงการเรียกร้องให้ดึงตัว แองเจลโล่ มาชูก้า เพลย์เมคเกอร์ซ้ายสั่งตายของ เจแอล เชียงใหม่ ยูไนเต็ด และอดีตนักเตะต่างชาติที่ว่ากันว่าดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เชียงใหม่ เอฟซี คัมแบ็กกลับคืนถิ่น 700 ปีอีกหน

เพราะถ้าแฟนบอลเชียงใหม่จำกันได้ มาชูก้า นี่แหละที่เป็นคีย์แมนสำคัญของทีมตลอดหลายปีก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะยามได้ผนึกกำลังร่วมกับคู่หูอย่าง ฉัตรชัย นาควิจิตร รวมถึงเจ้าเวหาอย่าง อานนท์ บุษผา จนพา “พยัคฆ์ล้านนา” เลื่อนชั้นจากลีกภูมิภาค (ดิวิชั่น 2 ปี 2013) กลับขึ้นมาสู่ลีกพระรองได้อีกครั้งอย่างสง่าผ่าเผย

16 ประตูในศึกยามาฮ่า ลีก วัน เมื่อปี 2014 พร้อมกับพาทีมจบด้วยอันดับที่ 5 ของตาราง ชนิดที่มีแต้มตามหลังกลุ่มเลื่อนชั้นเพียงแค่ 5 คะแนน ถือเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซ และนั่นคือการบินไปไกลที่สุดในประวัติศาสตร์ของทัพ เชียงใหม่ เอฟซี

แต่สุดท้าย การที่ เจแอล เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ที่เหมือนกับทีมน้อง ยังมีเป้าหมายลุ้นเลื่อนชั้นสู่ ไทยลีก 2 ทำให้ มาชูก้า ยังคงต้องสวมปลอกแขนช่วย เจแอลฯ ต่อไปจนจบซีซั่นนี้ ประเด็นนี้จึงตกไปแบบที่แฟนบอล “พยัคฆ์ล้านนา” แอบเสียดาย เนื่องจากประสบการณ์ของ มาชูก้า เองอาจจะมีประโยชน์สุดๆ กับสถานการณ์ที่บีบหัวใจใน 8 นัดต่อจากนี้

แต่ในเมื่อดีลนี้ไม่เกิดขึ้น เราคงต้องมาดูกันต่อว่า ณ ปัจจุบัน แข้งเชียงใหม่ที่มีอยู่นั้นตอบโจทย์กับทีมมากน้อยแค่ไหน

 

 

“ถ้าบอกว่าไม่กระทบก็คงไม่ถูกซะทีเดียว แต่เรายังมีอีก 9 เกม เป้าหมายยังเหมือนเดิมคือการขึ้น T1 ให้ได้ ความพ่ายแพ้มันก็มีข้อดีคือทำให้เราเห็นจุดบกพร่อง เพื่อที่สต๊าฟโค้ช และทีมงานจะกลับไปแก้ไข เราจะได้กลับมาอย่างแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นในเกมต่อไปที่บ้านของเรา ความพ่ายแพ้เกมนี้ ไม่ได้มีอะไรที่เลวร้าย หรือเสียหายมากมาย เรามีอีกหลายเกมให้เก็บแต้ม เรายังอยู่ในเส้นทางเลื่อนชั้นไม่เปลี่ยน”

นี่คือความรู้สึกของ คาร์ลอส เอดูอาร์โด้ เปไรร่า กุนซือชาวบราซิเลี่ยน ที่พยายามจะออกมาสื่อสารกับแฟนบอลว่า อย่าเพิ่งท้อกับความพ่ายแพ้ในเกมสุดบีบหัวใจกับ “สำเภาผยอง” ไทยยูเนี่ยน สมุทรสาคร เอฟซี และเชื่อว่า เชียงใหม่ เอฟซี ยังคงมีลุ้นในช่วงโค้งสุดท้ายเพื่อเป้าหมายเดียวนั่นคือการทะยานขึ้นสู่ ไทยลีก 1

ถามว่ายาก หรือง่าย โดยส่วนตัวคิดว่ามาตรฐานนักเตะเชียงใหม่ชุดนี้ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร โดยเฉพาะประสบการณ์ของแข้งระดับซีเนียร์หลายๆ รายอย่าง “แป๊ะ” พิชิตพงษ์ เฉยฉิว เพลย์เมคเกอร์ระดับมันสมอง, “หนอน” ยุทธจักร ก้อนจันทร์ มิดฟิลด์พันธุ์ดุมากประสบการณ์จาก สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เช่นเดียวกับจุดแข็งมากที่สุดของทีมอย่าง เกมรับ ที่เสียประตูน้อยที่สุดเป็นอันดับสองในลีก สุวรรณภัทร กิ่งแก้ว, ทศพล ชมชน รวมถึง หลุยส์ เวอร์ดินี่ คือคีย์แมนหลักคนสำคัญที่ทีมจะขาดไม่ได้ ณ เวลานี้

ส่วนเกมรุก แม้ว่า เชียงใหม่ เอฟซี จะลั่นกระสุนใส่คู่แข่งได้มากเป็นอันดับ 5 ในลีกพระรอง (28 ประตูจาก 20 นัด) แต่ถ้าเราเจาะลึกถึงประสิทธิภาพที่แท้จริงแล้ว ต้องพูดตรงๆ ว่าทัพ “พยัคฆ์ล้านนา” ยังทำได้ไม่ดีพอหากวัดกับทีมในกลุ่มเลื่อนชั้นด้วยกันทั้งจ่าฝูงอย่าง พีทีที ระยอง (39 ประตู), คู่ปรับตลอดกาลอย่าง ตราด เอฟซี (37 ประตู) หรือยักษ์ใหญ่จากแดนอีสาน ขอนแก่น เอฟซี (39 ประตู)

ยอมรับว่าฤดูกาลนี้ ผมอาจจะมีโอกาสได้ไปติดตาม เชียงใหม่ เอฟซี ถึงขอบสนามไม่มานักก แต่ทุกครั้งที่ขับรถไปติดตามชมเกม สิ่งที่ผมมองว่าทีมยังดูติดๆ ขัดๆ ก็เห็นจะเป็นเรื่องการจบสกอร์นี่แหละครับ

ผมเองได้คุยกับทางท่านประธานฯ อย่าง “สว.ก๊อง” ชูชัย เลิศพงศ์อดิศร รวมถึงพี่น้องเชียงใหม่ เอฟซี พอสมควรเกี่ยวกับสถานการณ์ทีมบ้านเกิด แน่นอน การพยายามเฟ้นหานักเตะฝีเท้าดี โดยเฉพาะแนวรุก คือสิ่งที่ทีมงานตั้งใจ และโฟกัสมากๆ โดยเฉพาะการเสียหัวใจสำคัญอย่าง มุสตาฟา อาซัดซอย เพลย์เมคเกอร์ดีกรีทีมชาติอัฟกานิสถาน ที่โชคร้ายต้องรูดม่านปิดฉากครึ่งเลกหลังด้วยอาการบาดเจ็บ

การดึง โซ ดอง ฮยอน อดีตหัวหอกดีกรีทีมชาติเกาหลีใต้ ที่ตำนานแข้งโสมขาวอย่าง ชา บุม-กุน เคยเอ่ยปากยกย่องว่าเป็นแข้งอนาคตไกลแห่งวงการฟุตบอลเกาหลีมาลงล่าตาข่าย และสร้างความหลากหลายในแดนหน้า โดยเฉพาะลูกกลางอากาศที่เจ้าตัวน่าจะได้เปรียบไม่น้อย (สูง 188 เซนติเมตร) ทำให้ เชียงใหม่ เอฟซี มีอ็อปชั่นในการเข้าทำที่ดูดุดันขึ้นยามเจ้าตัวลงจับคู่กับ ไฮเซล ซัวเรซ ที่เริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้นเรื่อยๆ  บวกกับแรงอัดฉีดจากสโมสรที่ต้องบอกว่า “มหาศาล” จริงๆ อย่างล่าสุดในแมตช์ที่ทีมพลิกกับมาแซงเอาชนะ “อินทรีอันดามัน” กระบี่ เอฟซี จากสองประตูในช่วง 7 นาทีสุดท้ายของเกม ก็รับกันเหนาะๆ ไปอีกห้าแสนบาท !!!

แน่นอนครับว่านี่คงไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหาในระยะยาว แต่ในช่วงโค้งสุดท้ายแบบนี้ บางทีกำลังใจมันก็เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นทางลัดอีกทางที่ทีมต้องการไปให้ถึง เพราะถ้าปีนี้ เชียงใหม่ เอฟซี ยังไม่สามารถผงาดขึ้นไปเชิดหน้าชูตาอยู่ในลีกสูงสุดได้ บอกได้คำเดียวว่า “โคตรยาก” ในซีซั่นหน้า เนื่องจากจะมีทีมจากลีกสูงสุดอย่างน้อย 5 ทีมที่จะผันตัวเองมาเป็นคู่แข่งเพื่อเบียดลุ้นตั๋วไทยลีกต่อ

 

 

และอีกหนึ่งความยอดเยี่ยมที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ เห็นจะเป็นฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมเกินวัยของ “เจ้าบุ๊ค” เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่ดูเหมือนว่าฝีเท้าของเพลย์เมคเกอร์รายนี้จะก้าวผ่านคำว่าลีกรองได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระทั่งพาตัวเองไปสวมเสื้อช้างศึกชุด U23 และมีโอกาสสูงที่จะได้เดินทางไปอวดฝีเท้าใน เอเชี่ยนเกมส์ ที่ อินโดนีเซีย ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้

ความฉลาดเป็นกรดของจอมทัพล้านนารายนี้ บวกกับความเร็ว และการตัดสินใจอันยอดเยี่ยม คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้ เชียงใหม่ เอฟซี ก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ขอพูดแบบไม่อายว่าหากจะมีใครสักคนที่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นโกลเด้น บอย แห่งวงการลูกหนังไทยได้ภายในปี สองปีนี้ เห็นทีคงต้องยกให้ดาวเตะวัย 18 ปีรายนี้ ที่นับวันยิ่งแข็งแกร่งทั้งร่างกาย และจิตใจ

แต่การพา เชียงใหม่ เอฟซี เลื่อนชั้นสู่ไทยลีก 1 ให้ได้เท่านั้น คือโจทย์ที่ เอกนิษฐ์ ต้องทำให้ดี และทำให้ได้ เพื่อประกาศกร้าวต่อแฟนบอลทุกคนว่า เขานี่แหละคือของจริง เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่ง เพื่อพาตัวเองเข้าไปอยู่ใน ฮอลล์ ออฟ เฟรม นักเตะล้านนาที่พา เชียงใหม่ พุ่งทะลุขึ้นมายังลีกสูงสุดได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

หากทำได้ นี่คงเป็นเกียรติยศที่จะประดับติดตัว “เจ้าบุ๊ค” ไปอีกนานแสนนาน…

 

 

หากใครได้ติดตามไฮไลท์เกมนัดล่าสุดที่ “พยัคฆ์ล้านนา” สามารถคัมแบ็คกลับมาได้อย่างสุดยอด จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เชียงใหม่ เอฟซี ขาดหายไปนานตลอดหลายปีที่ผ่านมาอย่าง “ทีมสปิริต” นั้นถูกปลุกผีขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะทีมที่คู่ควรกับคำว่า ชัยชนะ นั้นจำเป็นที่จะต้องกลับมาสู่เกมให้ได้ ไม่ว่าจะวินาทีไหนก็ตาม

สองประตูจาก 7 นาทีช่วงท้ายเกม ท่ามกลางสภาพสนาม และปัจจัยรอบข้างที่ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวย แต่สุดท้ายพวกเขาก็กลับมาได้

ต้องยกเครดิตให้กับทั้งกุนซือ ทีมสต๊าฟ ทีมบริหาร นักเตะทุกคน รวมถึงผู้จัดการทีมวัยหนุ่มอย่างคุณเชน ขำวิลัย ที่สามารถปลุกใจ “ยักษ์หลับ” ตัวนี้ให้กลับมาสู้ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้จริงๆ

“เกมนี้ใครไม่ได้ดูถือว่าน่าเสียดาย มันสนุกมาก ทั้งสองทีมเล่นได้ดีมาก อย่างนึงที่นักเตะเราทำให้เห็นและทุกคนในสนามสัมผัสได้คือ สปิริต นั่นคือสิ่งที่เราต้องการ มันขาดหายไปในเกมกับ สมุทรสาคร ซึ่งมันเกินกว่าความต้องการของตนเสียอีก

ก่อนเกมเราพยายามกระตุ้น ทุกคนตอบโจทย์ ถึงเราโดนก่อนแต่ไม่ย่อท้อ ช่วนกันบุกจนแซงชนะ ทุกคนทำได้ดีมาก อีกสิ่งนึงที่สำคัญสุด ทีมใดก็ตามที่มาเจอกับเรา ถ้าเค้าเอาชนะเราไม่ได้ด้วยแทคติกในเกมต่างๆ เราจะเอาคืน และพยายามที่จะเล่นให้เต็มที่ เอาชนะคืนด้วยใจ” นี่คือความในใจที่โค้ชคาร์ลอสถึงกับเก็บไว้ไม่อยู่ หลับจบเกมกับ กระบี่ เอฟซี

น่าสนใจว่า 8 นัดสุดท้ายของ เชียงใหม่ เอฟซี ยักษ์หลับทีมนี้จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์อันบีบหัวใจ และสุดกดดันครั้งนี้ไปได้หรือไม่

เพราะถ้าคุณทำได้ ฝันที่แฟนบอลยักษ์หลับแดนล้านนาเฝ้าใฝ่ฝันมาโดยตลอด ก็คงถึงคราสิ้นสุดการรอคอยเสียที…

และเมื่อถึงวันนั้น

อ่างชามยักษ์แดนล้านนาที่เปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังอย่าง สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ก็คงคราคร่ำไปด้วยแฟนบอลทั่วเมืองเหนืออีกครั้ง ด้วยความจุร่วม 25,000 ที่นั่ง ผมมั่นใจว่าเราคงจะได้กลับมาเห็นบรรยากาศลูกหนังที่บินมาปกคลุมอบอวลไปทั่วภูมิภาคอีกครั้ง ดั่งเช่นเมื่อหลายปีก่อน นับตั้งแต่ฟุตบอลลีกภูมิภาค ที่ผมเองเคยเข้าไปเป็นสักขีพยานในวันที่แฟนบอลเต็มความจุของสนาม… 

ทุกคนเฝ้ารอคุณอยู่ “เชียงใหม่ เอฟซี”

 

 

เสียงกระหึ่มตึงตังเสียงคนร่ำร้องถาม เสียงสนั่นสนามอยากจะถามว่าเสียงใคร
เรามาจากล้านนาเราจะมาเอาชัย ทีมฟุตบอลเชียงใหม่… เชียงใหม่ เอฟซี

เราจะฝ่าจะฟันไม่ว่านานแค่ไหน หนทางยาวไกลแชมเปี้ยนลีกไทยแลนด์
หัวใจมีฝันไม่มีวันแพ้ เอาหัวใจมาแบ มารวมพลัง…

เชียงใหม่ เอฟซี กี่เดือนกี่ปี เอฟซีเชียงใหม่ เราจะยังรวมใจ
เชียงใหม่ เอฟซี เราจะอยู่ตรงนี้ เอฟซีเชียงใหม่ เราจะก้าวต่อไป

โอ… โอ่… โอ้… มาจากล้านนา
โอ… โอ่… โอ้… มาจากล้านนา

“เจียงใหม่” !!!

“บก.เก้น”

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/2HtYS2N
ดูสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี คลิก >>http://bit.ly/TrueIDSportsLive

ยอดนิยมในตอนนี้