รีเซต
TRUE TALK : เหลือแค่ 9 นัด แต่การตกชัั้น ยังเปิดกว้างถึง 2 ใน 3 ... by "จอน"

TRUE TALK : เหลือแค่ 9 นัด แต่การตกชัั้น ยังเปิดกว้างถึง 2 ใน 3 ... by "จอน"

TRUE TALK : เหลือแค่ 9 นัด แต่การตกชัั้น ยังเปิดกว้างถึง 2 ใน 3 ... by "จอน"
kentnitipong
31 กรกฎาคม 2561 ( 15:01 )
4.7K

ผ่านไปแล้ว 25 เกม สำหรับไทยลีก 2018 ที่มีทั้งหมด 18 สโมสร บวกลบคูณหารดูก็พบว่า เหลืออีกเพียง 9 นัดสุดท้ายเท่านั้น ก็จะได้รู้อย่างเป็นทางการเสียทีว่า ใครจะได้แชมป์ ใครจะได้รองแชมป์

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด สองทีมจ่าฝูง และรองจ่าฝูง ค่อนข้างแบเบอร์จากตัวเลขคะแนนที่มีอยู่ และน่าจะได้สิทธิ์ผ่านเข้าสู่การแข่งขัน เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฐานะสองทีมหัวตารางอีกด้วย

และเราจะได้รู้สักทีว่า “5 ทีมที่ต้องตกชั้น จะมีทีมใดบ้าง”

 

 

แม้จะผ่านการแข่งขันไปประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ด้วยความที่มีทีมตกชั้นถึง 5 ทีม ก็ทำให้ตอนนี้ ยังมีทีมที่มีโอกาสตกชั้น แบบเอาเฉพาะในแง่ปฏิบัติ (ไม่ขอนับในแง่ทฤษฎีละกัน) อยู่ถึง 12 ทีม หรือเป็นจำนวน 2 ใน 3 ของสโมสรที่มีทั้งหมด (66.66 %) เลยทีเดียว

สำหรับทีมที่ไม่ตกชั้นอย่างแทบจะแน่นอนแล้ว ก็คือ ท็อปซิกซ์ในขณะนี้ ไล่ตั้งแต่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด, การท่าเรือ เอฟซี, เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด และน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์อย่าง พีที ประจวบ เอฟซี

“สถานการณ์ในตอนนี้ คือมี 6 ทีมปลอดภัย กับ 12 ทีมหนีตาย”

 

กลุ่มอาการโคม่า – แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี, อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด และราชนาวี

สำหรับ แอร์ฟอร์ซฯ แม้จะเก็บได้ 7 แต้มจาก 3 เกมหลังสุด และไม่แพ้ใครในทุกถ้วยทุกรายการมาแล้ว 4 นัด แต่ผลงานในช่วงต้นที่ย่ำแย่เหลือเกิน ก็ทำให้ “อินทรีทัพฟ้า” คงทำได้เพียงลุ้นเก็บชัยให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นของขวัญแฟนบอลในการกลับมาลีกสูงสุดอีกครั้ง เพราะแต้มที่ตามหลังโซนปลอดภัยถึง 18 แต้ม บอกได้เลยว่า “รอตกชั้นอย่างเป็นทางการ” เท่านั้น

ส่วน “เทพอินทรี” กับ “ตะหานน้ำ” อีกสองทีมในกลุ่มโคม่า ที่ต้องยอมรับใจของพวกเขา ที่ยังคงสู้ได้แบบสมศักดิ์ศรีไม่คิดยอมแพ้ และแอบมีแรงฮึดไม่น้อย โดย อุบลฯ ในเลกที่สองมีทั้งเสมอ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 0-0 กับ ชนะ สุโขทัย เอฟซี 1-0 ให้แฟนๆ ได้ชื่นใจ

ส่วน ราชนาวี ก็ไม่ธรรมดา ในช่วงเปิดเลกสอง พวกเขาชนะรวด 3 เกม ทั้งชนะ ชลบุรี เอฟซี 3-1, ชนะ บางกอกกล๊าส เอฟซี 1-0 และ ถล่ม พัทยา ยูไนเต็ด 4-1 ทว่าด้วยแต้มสะสมที่ห่างเกินไปตั้งแต่แรก ก็ทำให้พวกเขาที่มีแต้มห่างจากโซนปลอดภัย 12 กับ 9 แต้มนั้น ทำให้เหลือเวลาในการหายใจบนศึกไทยลีก น้อยลงทุกที

 

กลุ่มดิ้นรนสุดชีวิต – โปลิศ เทโร เอฟซี, สุพรรณบุรี เอฟซี, สุโขทัย เอฟซี, บางกอกกล๊าส เอฟซี และชัยนาท ฮอร์นบิล

เป็นกลุ่มที่มีการสลับอันดับกันทุกนัดการแข่งขัน ขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างอาการ “รอดตาย” กับอาการ “ตกชั้น” โดยสองทีมที่อยู่ในโซนตกชั้น ได้แก่ โปลิศ เทโร เอฟซี ภายใต้ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน กำลังระส่ำหนัก มีเพียงแค่ 27 แต้ม ส่วน สุพรรณบุรี เอฟซี ฟอร์มแผ่วท้ายซีซั่น มีอยู่ 29 แต้มเท่านั้น โดยสี่เกมหลังสุด ทั้งสองทีมต่างเก็บได้ 1 แต้มทั้งคู่ ซึ่งเป็นเกมที่ทั้งสองทีมเจอกันด้วยซ้ำ ส่วนอีก 3 นัดที่เหลือต่างแพ้รวด

สำหรับ “ช้างศึกยุทธหัตถี” นับว่าเป็นทีมในโซนตกชั้น ที่มีเกมรับดีมากๆ โดยเสียไปเพียงแค่ 27 ประตูเท่านั้น น้อยที่สุดเป็นอันดับสอง เท่ากับ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด และ สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด โดยน้อยกว่าเพียง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (20 ประตู) เพียงทีมเดียวเท่านั้น

ส่วน สุโขทัย เอฟซี (30 แต้ม), บางกอกกล๊าส เอฟซี (30 แต้ม) และ ชัยนาท ฮอร์นบิล (32 แต้ม) หากตัดจบการแข่งขันตอนนี้ พวกเขาจะรอดปลอดภัยทันที ทว่า มันยังเหลืออีก 9 เกม และการนำทีมในพื้นที่สีแดงอยู่แค่ 1-3 แต้ม ก็หมายความว่า ผลงานเพียงนัดเดียวก็เพียงพอที่จะลากให้พวกเขาลงไปอยู่โซนตกชั้นได้อีกครั้ง

 

กลุ่มประมาทไม่ได้ – ราชบุรี มิตรผล เอฟซี, ชลบุรี เอฟซี, นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี และ พัทยา ยูไนเต็ด

4 ทีมที่มี 35 แต้มเท่ากัน และก็ตามชื่อกลุ่มนั่นแหละครับ พวกเขาไม่สามารถประมาทได้เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะมีคะแนนนำทีมเหนือสุดของโซนตกชั้นแค่ 6 คะแนนเท่านั้น หากแพ้ติดต่อกันสัก 2-3 นัดขึ้นไป ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

ตัวแปรสำคัญของกลุ่มนี้ คือ โปรแกรมฟุตบอลถ้วย ที่อาจจะทำให้เกิดอาการกรอบของนักเตะ และเป็นผลให้โค้ชต้องโรเตชั่นทีมด้วย โดย ชลบุรี เอฟซี เป็นทีมเดียวในกลุ่มนี้ ที่ยังคงอยู่ในเส้นทางการลุ้นแชมป์ฟุตบอลถ้วยครบทั้งสองถ้วย โดยในเกม โตโยต้า ลีก คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย พวกเขาจะต้องพบกับ บางกอกกล๊าส เอฟซี ส่วนในถ้วย เอฟเอคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายเช่นกันนั้น “ฉลามชล” จะต้องไปเยือน ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ในวันพุธนี้

ส่วนอีกทีมที่ยังมีโอกาสในฟุตบอลถ้วย ก็คือ “สวาทแคท” นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่มีโปรแกรม โตโยต้า ลีก คัพ 2018 เปิดบ้านพบกับ แกรนด์ อันดามัน ระนอง ยูไนเต็ด ขณะที่ พัทยา ยูไนเต็ด พวกเขาอาจจะมีภาษีในเรื่องของสมาธิที่ดีกว่าเพื่อนๆ ร่วมกลุ่ม เพราะตกรอบฟุตบอลถ้วยไปหมดแล้ว มุ่งเป้าโฟกัสไปที่ฟุตบอลลีกอย่างเดียว

นอกจากตัวแปรฟุตบอลถ้วยแล้ว อีกตัวแปรคือเกมที่ต้องห้ำหั่นกันเอง

พัทยา ยูไนเต็ด เป็นทีมเดียวที่มีโปรแกรมลีก ต้องเจอกับอีกทั้งสามทีมในกลุ่มที่กำลังมีแต้มเท่ากัน ไล่จากเยือน ชลบุรี เอฟซี ในเกมต่อไป ตามด้วยเจอกับ “โคราช” และ  “ราชันมังกร” ในเดือนกันยายน ส่วนอีกคู่ในกลุ่มนี้ คือเกมที่ ชลบุรี เอฟซี จะต้องพบกับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี

หากการพบกัน จบลงด้วยผลเสมอ ก็จะทำให้ทีมที่ตามหลัง มีโอกาสไล่จี้ได้
แต่ถ้ามีผลแพ้ชนะ ทีมชนะก็จะถีบตัวเองขึ้นแดนบน และหายใจได้คล่องขึ้น
ส่วนทีมที่แพ้ ก็เหมือนการหยุดรอให้ทีมอื่นได้โอกาสไล่ขึ้นมา
และแน่นอน ยังต้องดิ้นรนสุดขีดต่อไป

เพราะฟุตบอลลีกอาชีพ ไม่เคยปราณีทีมที่ไม่พร้อมอยู่แล้ว….

“จอน”

 

อัพเดท ตลาดซื้อขายนักเตะ พรีเมียร์ลีก 2018/19

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้