TRUE TALK : นับถอยหลัง "19 สิงหา" วันชี้ชะตา "ช้างโย่ง" จะอยู่หรือไป ? ... by "บก.เก้น"
นับถอยหลังเหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมง ช่วงเวลาชี้ชะตาของทัพ “ช้างศึก” ก็จะถืออุบัติขึ้น หลังเตรียมลงเล่นเกมนัดส่งท้ายรอบแรกกับตัวเต็งอย่าง อุซเบกิสถาน ณ ปากันสารี สเตเดี้ยม
ผลเสมอกับเจ้าภาพฟุตบอลโลกหนต่อไป (2022) อย่าง กาตาร์ ชนิดที่ฟอร์มโดยรวมน่าได้มากกว่าหนึ่งคะแนนถ้าเราจบสกอร์ได้คมกว่านี้ แทบจะไร้ความหมายทันที หลังทีมชาติไทยชุดนี้ต้องไล่ตามตีเสมอทีมที่ว่ากันว่าเป็นตัวแจกแต้ม และประตูในกลุ่มนี้อย่าง บังคลาเทศ
สิ่งที่วางแผนกันมาทั้งหมด แทบจะต้องรื้อใหม่ราวกับเริ่มต้นจาก “ติดลบ” หาใช่เริ่มจาก “ศูนย์” เพราะเมื่อมาไล่หนทางในการผ่านเข้าสู่รอบต่อไปของทัพ “ช้างศึก” นั้นต้องยอมรับกันตรงๆ ว่า “โคตรยาก”
คู่แข่งในนัดต่อไปอย่าง อุซเบกิสถาน กำลังอยู่ในช่วงของความมั่นใจ หลังเพิ่งโชว์ฟอร์มสุดยอดไล่ถลุง กาตาร์ ไปแบบขาดลอยถึง 0-6 ยิ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง บวกกับความเอาจริงเอาจังของอดีตเจ้าของเหรียญทองเอเชียนเกมส์เมื่อ 24 ปีที่แล้ว (ฮิโรชิม่า 1994)
ครั้งแรก และครั้งเดียวที่เราเคยพบกับ อุซเบกิสถาน ในเอเชียนเกมส์ นั้นต้องย้อนกลับไปที่ เอเชียนเกมส์ 1994 (ฮิโรชิม่า, ประเทศญี่ปุ่น) ซึ่งในวันนั้นทีมชาติไทยที่ตกเป็นรองก่อนถึง 1-5 อาศัยลูกถึงรัวไล่มาเป็น 4-5 ในช่วงท้ายเกม แต่สุดท้ายไล่ไม่ทัน ร่วงรอบแรกไปอย่างเจ็บปวดในฐานะทีมบ๊วยของกลุ่ม พร้อมกับทำสถิติไม่ชนะใครเลย
กลัวว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเหลือเกิน…
ทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าขุนพล “หมาป่าสีขาว” โดยเฉพาะในระดับเยาวชนนั้นแกร่งแค่ไหน ผลงานการคว้าแชมป์ U23 ชิงแชมป์เอเชีย 2018 แถมผู้เล่นบางรายยังเคยผ่านเวที ฟุตบอล U20 ชิงแชมป์โลก (ปี 2015) มาแล้ว ซึ่งครั้งนั้นพวกเขาไปไกลถึงรอบควอเตอร์ไฟน่อล ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่ามาตรฐานฟุตบอลของ อุซเบกิสถาน นั้นอยู่ในระดับแถวหน้าของ เอเชีย ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใคร
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เกมในนัดสุดท้าย กาตาร์ น่าจะไล่ต้อน บังคลาเทศ ได้ด้วยสถานการณ์ที่มันบังคับ ฉะนั้นเศรษฐีจากตะวันออกกลาง จะมีเพิ่มเป็น 4 คะแนน หลังผ่านสามนัด จะแซง ไทย ทันที…
บีบให้เราต้องมีแต้มกับ อุซเบกิสถาน เป็นอย่างน้อย เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้ารอบในฐานะอันดับสามที่ดีที่สุดอีก 4 ทีม จากทั้งหมด 6 กลุ่ม
อุซเบกิสถาน เป็นหนึ่งในห้าทีมที่ยังไม่เสียประตูใน เอเชียนเกมส์ หนนี้ แถมยังมีเกมรุกดีที่สุดเทียบเท่าทีมชาติจีน (ยิง 9 ประตูเท่ากัน) ความครบเครื่องทั้งเกมรุก และรับ ทำให้ทัพ “หมาป่าสีขาว” ถูกมองให้เป็นอีกหนึ่งตัวเต็งในการคว้าเหรียญทอง และเป็นโจทย์ที่ยากที่สุดที่ทีมชาติไทยต้องผ่านมันไปให้ได้ หากยังหวังที่จะมีชื่ออยู่ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
แต่ภายใต้ความมืดมน ยังพอมีเรื่องดีๆ ให้เราได้แอบหวังอยู่บ้าง เพราะเนื่องจาก อุซเบกิสถาน สามารถการันตีการผ่านเข้าสู่รอบต่อไปในฐานะแชมป์กลุ่มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็พอมีความเป็นไปได้ว่า พวกเขาอาจจะตัดสินใจส่งนักเตะที่ไม่ได้เป็นตัวหลักลงสัมผัสเกมเพื่อเรียกความฟิต
นี่อาจจะเป็นจุดที่โชคดีเล็กๆ ของ “ช้างโย่ง” เพราะถ้าให้เลือกได้ ยังไงการลงสนามพบกับ อุซเบกิสถาน ชุด (ไม่) ฟูลทีม ก็น่าจะเพิ่มโอกาสให้เราสู้กับพวกเขาได้สูสีขึ้นแน่ๆ
การออกมายอมรับความผิดพลาดในเรื่องการจัดทัพนัดเจ๊า บังคลาเทศ ของ “โค้ชโย่ง” คือบทเรียนสำคัญที่เจ้าตัวต้องเรียนรู้ และแก้ไขทันทีเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีกในเกมนัดสุดท้ายของรอบแรก เพราะถ้ายังมีความผิดพลาดอีก นั่นหมายความว่า “โค้ชโย่ง” อาจจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวอีกเลย
การตัดสินใจถอย รัตนากร ใหม่คามิ มายืนวิงแบ็กฝั่งขวา หรือชัยวัฒน์ บุราณ ทางฝั่งซ้าย อาจจะไม่สามารถเค้นเอาศักยภาพที่มีอยู่ในตัวของทั้งสองคนออกมาได้อย่างเต็มที่ซะทีเดียว เพราะรู้ๆ กันอยู่ว่า จริงๆ แล้วตำแหน่งที่ดีที่สุดของดาวเตะจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คือ มิดฟิลด์ เช่นเดียวกับ ชัยวัฒน์ บุราณ ที่มีจุดเด่นเรื่องเกมรุก มากกว่าเกมรับ
การถอดวันเดอร์คิดส์ล้านนาอย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา ออกตั้งแต่ก่อนจบครึ่งแรก ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยแม้แต่น้อย แถมการเลือกใช้ศูนย์หน้าธรรมชาติเพียงแค่คนเดียวในการเจอ บังคลาเทศ ก่อให้เกิดคำถามจากแฟนบอลทั้งประเทศว่า เราต้องรัดกุมขนาดนั้นเลยหรือ สรุปว่าเราเจอ บังคลาเทศ หรือเจอกับชาติที่เราขยาดในเวทีลูกหนังอย่าง ญี่ปุ่น อยู่กันแน่ ?
แมตช์เจอ อุซเบกิสถาน “โค้ชโย่ง” ต้องตัดสินใจให้ดีว่าจะเลือกวางแทคติกแบบไหน จัดตัวผู้เล่นอย่างไร ? และที่สำคัญที่สุด …
ถึงเวลาออกสตาร์ทเป็นสิบเอ็ดตัวจริงของ ศุภชัย ใจเด็ด แล้วหรือยัง ?
“การเปิดเกมรุกใส่ทีมมาตรฐานสูงอย่าง อุซเบฯ เป็นเรื่องยาก ผมต้องเลือกผู้เล่นที่ดีที่สุดลงสนาม ชุดแรกอาจใช้กองหน้าตัวเดียว เพื่อไปสู้กับคู่แข่งในแดนกลาง หลังจากได้ดูจากแมตช์ อุซเบฯ ชนะ กาตาร์ 6-0 ต้องยอมรับว่าเขาแกร่งทุกตำแหน่งจริงๆ”
นี่คือคำพูดของ “โค้ชโย่ง” วรวุธ ศรีมะฆะ นายใหญ่ของ “ช้างศึก” ชุดนี้ ที่แฝงไว้ด้วยความกังวลไม่น้อย เพราะความคาดหวัง และความกดดันที่เจ้าตัวแบกรับนั้นมันช่างหนักหนาสาหัสเอาการ
ชนะ = เสมอตัว และโดนด่า (อยู่ดี)
เสมอ = โดนด่าเละ
แพ้ = ตกรอบแน่ๆ แถมโดนด่ายับ
การรับหน้าที่เฮดโค้ชทีมชาติไทยไม่ว่าชุดไหน ถ้าใจคุณไม่หิน คุณคงไม่มีวันรับได้ เพราะตำแหน่งนี้ต่อให้คุณทำดีแค่ไหน ถ้ามันพอจะมีรอยให้โดนแซะ โดนซ้ำเติม แม้เพียงนิดเดียว คุณก็ไม่รอด…
แต่ในเมื่อตำแหน่งนี้ถูกเดิมพันด้วยความความหวังจากแฟนบอลทั้งประเทศ มันคือศักดิ์ศรี มันคือหน้าตาของประเทศ มันคือลมหายใจเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นสิ่งสำคัญที่สุดที่อยากจะฝากบอกถึง “โค้ชโย่ง” และทีมงานชุดนี้ก็คือ “ทำให้ดีที่สุด” ก่อน อย่างอื่นว่ากันทีหลัง
ถ้าคุณทำเต็มที่ สู้ขาดใจ แสดงให้แฟนบอลไทยได้เห็นว่าคุณเล่นแบบสู้ตายถวายหัว ต่อให้ผลการแข่งขันออกมายังไง ผมว่าทุกคนรับได้…
แต่ถ้าภาพที่ออกมาเป็นการเดินเล่น ผ่านบอลฆ่าเวลาไปมาโดยที่เป้าหมายของทีมคือการต้องการประตู แสดงอาการเหยาะแหยะ บรรยากาศการสื่อสารในสนามเงียบกริบ ไม่มีการกระตุ้น ผมคิดว่าแฟนบอล และสื่อก็มีสิทธิ์ที่จะวิพากษ์วิจารณ์พวกคุณได้แบบตรงไปตรงมา เพราะพวกคุณคือตัวแทนของคนไทยกว่า 70 ล้านคน
ทั้งหมดนี้คือความกดดันที่เหล่าขุนพล “ช้างศึก” ชุดนี้ต้องเผชิญ แต่ยังเชื่อลึกๆ ว่าภูมิต้านทานในใจของน้องๆ ทุกคน รวมถึงตัวโค้ชโย่งที่เคยพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่าไม่มีใครรู้จักเด็กชุดนี้ไปมากกว่าเขา จะสามารถเอาตัวรอดจากความกดดันที่ถาโถมเข้ามาในครั้งนี้ได้
สุดท้ายผลจะออกมาเป็นยังไงผมไม่รู้ สำคัญคือ ผมอยากเห็นทุกคนในทีมทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ก่อน ผมเองก็จะทำหน้าที่ในมุมของการเป็นแฟนบอลให้ดีที่สุดเหมือนกัน และเมื่อถึงเวลานั้นเดี๋ยวเราค่อยมาว่ากันว่า ทีมชาติไทย ชุดนี้ จะอยู่ตรงจุดไหนใน เอเชียนเกมส์ 2018 …
11 คนเท่ากัน อย่าไปกลัว !!!
“บก.เก้น”
อัพเดท ตลาดซื้อขายนักเตะ พรีเมียร์ลีก 2018/19
ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!
ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports