รีเซต
TRUE TALK : 2 แต้มจาก 3 เกม ผมเห็นอะไรบ้างในทีมชาติไทย ชุดเอเชียนเกมส์ ... by "จอน"

TRUE TALK : 2 แต้มจาก 3 เกม ผมเห็นอะไรบ้างในทีมชาติไทย ชุดเอเชียนเกมส์ ... by "จอน"

TRUE TALK : 2 แต้มจาก 3 เกม ผมเห็นอะไรบ้างในทีมชาติไทย ชุดเอเชียนเกมส์ ... by "จอน"
armcasanova
20 สิงหาคม 2561 ( 13:51 )
8K

จบไปแล้ว สำหรับรอบแรก ศึกฟุตบอลชาย เอเชี่ยนเกมส์ 2018 กลุ่ม บี ที่สนาม ปากันสารี เมือง โบกอร์ ประเทศอินโดนีเซีย โดยทีมชาติไทย ทำผลงานได้ไม่ดีนัก เก็บได้เพียง 2 แต้มจาก 3 เกมแรก เริ่มจากเสมอ กาตาร์ 1-1 และเสมอ บังคลาเทศ 1-1 ก่อนนัดสุดท้ายจะพ่ายแชมป์กลุ่มอย่าง อุซเบกิสถาน 0-1 ทำให้ต้องลุ้นต่อในการเป็นอันดับสามที่ดีที่สุด 1 ใน 4 ทีม โดยต้องเช็คผลของคู่ที่เหลืออีก 3 กลุ่ม ที่จะแข่งกันในเย็นวันนี้

3 นัดทั้งหมด ผมมีโอกาสอยู่ในสนามทั้งสามเกม ในฐานะแฟนบอลที่ตะโกน ไทยแลนด์ๆ ผมมองเห็นหลายสิ่งอย่างที่นำมาซึ่งคะแนนเพียง 2 แต้ม ที่ยอมรับอย่างเต็มปากได้ว่า “ยังไม่ดีพอ ตามความคาดหวัง”

อะไรบ้างที่ผมเห็น จุดไหนบ้างที่ควรต้องแก้ไข เราลองมาดูกัน…

 

ผู้รักษาประตู

อันที่จริงก็นับว่าเป็นการเลือกที่เหมาะสม สำหรับการเรียกตัว นนท์ ม่วงงาม กับ ขวัญชัย สุขล้อม มาเป็นสองนายด่านประจำทีมชาติไทย ชุดนี้ ที่ไม่เลือกใช้ตัวอายุเกิน หลังจากตัวเลือกอีกคนอย่าง รัตนัย ส่องแสงจันทร์ มีอาการบาดเจ็บกระทันหันจนต้องถอนตัวออกไป

วรวุธ ศรีมะฆะ เลือกใช้ นนท์ เป็นมือหนึ่งของชุดนี้ แต่จากความผิดพลาดในเกมนัดที่สองจนทำให้เสียประตู และการสูญเสียความมั่นใจอย่างเห็นได้ชัดหลังจากนั้น ทำให้ ขวัญชัย สุขล้อม ได้ทำหน้าที่ในเกมสุดท้าย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงมือหนึ่งระหว่างทัวร์นาเมนต์ บ่งบอกว่า พวกเราเริ่มต้นตำแหน่งผู้รักษาประตูมือหนึ่งที่การ “คิดผิด”

 

เกมรับ 

นักเตะอย่าง มาร์โก บัลลินี่ และ นิรันดร์ มีมาก เป็นรายชื่อแผงแนวรับที่แวะเข้ามาในหัวทันที เพราะมีประสบการณ์การเล่นฟุตบอลในต่างแดน แต่พวกเขากลับไม่ได้ติดทีมชุดนี้มา โดยทีมของโค้ชโย่งนั้น ขึ้นชื่อลือชาเรื่องเกมรับมาก่อนอยู่แล้ว แต่การแข่งขันครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่า เกิดข้อผิดพลาดเยอะมาก ในแผงแนวรับ ทั้งการออกบอล การตัดบอล จังหวะบอล รวมถึงความเร็วด้วย ซึ่งเป็นที่มาให้เสียประตูทั้งสามเกม แม้แต่เกมกับบังคลาเทศก็ตาม

แบ็คขวา เป็นอีกจุดหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เพราะ รัตนากร ใหม่คามิ ผู้ถูกเลือกใช้งานในตำแหน่งนี้ ไม่ใช่ตำแหน่งจริงๆ ของเขา และไม่มีตัวเลือกอื่นใดนอกจากนี้เลย โดยจังหวะของเกมนั้น “เจ้าเกม” มักจะถูกเจาะจากทางฝั่งเขา และถูกฉีกหนีด้วยความเร็วอยู่เสมอ รวมถึงการโดนจ่ายบอลตัดหลังแบ็คด้วย ซึ่ง จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ หรือ สันติภาพ จันทร์หง่อม ก็เป็นอีกสองรายชื่อแบ็คขวาที่แวะเข้ามาในหัวเช่นกัน และคิดถึงสุภาษิตที่ว่า “Put The Right Man On The Right Job” หรือที่แปลเป็นไทยว่า “จงใช้คนให้ถูกกับงาน”

 

เกมรุก  

สองประตูที่ทำได้จากสามนัด จากตัวสำรองทั้งสองประตู และมาจากนักเตะเพียงคนเดียว นั่นคือ ศุภชัย ใจเด็ด ที่อายุยังไม่ครบ 20 ปี บ่งบอกได้เลยว่า ทีมชาติไทยชุดนี้ มีปัญหาในเรื่องการเข้าทำ โอกาสมากมายมหาศาล ในกรอบเขตโทษ ที่ ชัยวัฒน์ บุราณ, วรชิต กนิษศรีบำเพ็ญ และ เจนรบ สำเภาดี ได้รับมา ไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นประตูได้ นั่นคือจุดที่สมาคมฟุตบอลฯ ต้องกลับไปขบคิดถึงวิธีแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะในเรื่องของ ทรัพยากรกองหน้า ที่ไม่มีให้ใช้งานมากกว่าที่ควรจะมี เพราะหากปล่อยให้เรื้อรัง อาจจะส่งผลต่อทีมชาติไทย ในระยะยาว

หากไม่นับ ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่โชคร้ายบาดเจ็บจนต้องถอนตัวออกไป ชื่อของ อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ อีกหนึ่งตัวรุกก็กลับมาอยู่ในหัวของแฟนบอลทันที หลังจากทีมชาติไทย ฟอร์มไม่ได้ดีอย่างที่คิด เนื่องจาก มิดฟิลด์เบอร์ 10 ที่สามารถเล่นด้านข้างได้รายนี้ อาจจะพอเปลี่ยนเกมบ้าง ไม่มากก็น้อย อย่างน้อย ก็ลงมาแทนที่ของ วรชิต กนิษศรีบำเพ็ญ ในยามที่ “เจ้ายิม” หมดมุกในการเข้าทำแล้ว

 

สภาพจิตใจ

“อ่อนตามทีมที่เจอ และเก่งตามทีมที่เจอ” เป็นเรื่องที่แก้ไม่ตกของทีมชาติไทย ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ที่มักจะรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ไม่ได้เท่ากันทุกเกม โดยเฉพาะนัดที่น่าเสียดายที่สุดอย่างการเสมอบังคลาเทศนั้น บ่งบอกได้ดีเลยว่า การเล่นดร็อปลงตามทีมที่เจอ มีอยู่จริง…

อีกหนึ่งจุดที่ต้องพูดถึงในเรื่องของสภาพจิตใจนั้น ก็คือ ความประมาทในช่วงครึ่งแรกของเกมกับบังคลาเทศ และหลังจากโดนนำ สภาพจิตใจของนักเตะไทย แทบไม่ปกติ เกินอาการลน ล่ก ทำอะไรไม่ถูก จ่ายบอลผิดพลาด ไม่เข้าใจกับเพื่อน คิดอย่างทำอย่าง อะไรก็ไม่ได้ดั่งใจไปซะหมด

กลับเมืองไทยคราวนี้ ต้องเคี่ยวเข็ญเรื่องสภาพจิตใจกันหน่อยซะแล้ว

 

นักเตะอายุเกิน

โควตานักเตะอายุเกิน 23 ปี ที่กีฬาฟุตบอล ในมหกรรมเอเชี่ยนเกมส์ อนุญาตให้ใช้นั้น หากไม่ใช้ก็จะเป็นข้อดีในแง่มุมของการพัฒนา เพียงแต่ เมื่อผลงานออกมาในรูปแบบที่ไม่ดี ก็ต้องยอมรับผลงานด้วย

อาจจะเป็นข้อถกเถียงกันใหม่ว่า ครั้งต่อไป เราจะกลับไปใช้นักเตะอายุเกินไหม ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นซูเปอร์สตาร์จากเจลีก หรือ ดาวค้างฟ้าคนไหน แต่เป็นนักเตะไทย ที่มีอายุพอสมควร ที่สามารถคุมน้องๆ ได้ คอนโทรลเกมให้อยู่ในรูปแบบของตัวเองได้ และที่สำคัญ เมื่อเกิดปัญหา หรือกำลังโดนนำ จนสภาพจิตใจไม่ปกติสุข ก็จะต้องเป็นผู้นำของทีมได้

 

ปรี โอลิมปิก เกมส์ 2020 ปีหน้าแล้วนะ

เหลือเวลาอีกแค่ 7 เดือนเท่านั้น ในเดือนมีนาคม 2019 ก็จะมีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ของปี 2020 ในรอบคัดเลือก เพื่อหาทีมเข้ารอบสุดท้าย ที่จะทำการหาทีมที่ดีที่สุด 4 ทีมเข้าสู่การแข่งขันฟุตบอล ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก เกมส์ 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ต่อไป

นักเตะหลายคนของชุดนี้ ถูกวางให้เป็นกำลังหลักของทีมชุดปรีโอลิมปิกดังกล่าว ทั้ง วรชิต กนิษศรีบำเพ็ญ, ศฤงคาร พรหมสุภะ, ชินภัททร ลีเอาะ, สุภโชค สารชาติ, นนท์ ม่วงงาม, รัตนากร ใหม่คามิ ฯลฯ โดยที่จะมีการเพิ่มเติมอีกหลายรายเข้ามา ซึ่งได้มีการเก็บตัวอุ่นเครื่อง ทั้งในประเทศ และต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง

นักเตะหลายคนได้โอกาสโชว์ฟอร์ม และได้โอกาสโชว์ของ ในสีเสื้อของทีมชาติไทย ไปในช่วงสามนัดที่ผ่านมา ซึ่งก็เห็นได้ชัดว่า “ยังไม่ดีพอ กับทีมในระดับเอเชีย”

ระดับเอเชีย ไม่ได้เอาตัวรอดง่ายเหมือนการแข่งขันซีเกมส์ปีที่แล้ว และทุกอย่างยังห่างไกลจากสิ่งที่คาดหวัง แต่ไม่ใช่ว่า ความหวังจะตีบตัน มองไม่เห็นโอกาสที่จะคว้ามันมา

ยังเหลือเวลาอีก 7 เดือน จะว่าน้อยก็น้อย แต่จะว่าไป มันก็พอ ที่จะตบแต่งทุกอย่างให้มันดีกว่านี้ เพื่อความพร้อมที่มากกว่านี้ ในการลุ้นเป็นหนึ่งในสี่ทีมของเอเชีย ในการแข่งขันปรีโอลิมปิก ปี 2020

“เวลามันจะน้อย ถ้าเราปล่อยให้มันเดินโดยไม่ทำอะไร
เวลามันจะมากพอ ถ้าเราเดินไปพร้อมกับมัน….”

 

“จอน”

 

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้