รีเซต
TRUE TALK : 5 สิ่งที่เรารู้หลังผ่าน พรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 2 ... by "Mr.BOSTON"

TRUE TALK : 5 สิ่งที่เรารู้หลังผ่าน พรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 2 ... by "Mr.BOSTON"

TRUE TALK : 5 สิ่งที่เรารู้หลังผ่าน พรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 2 ... by "Mr.BOSTON"
kentnitipong
21 สิงหาคม 2561 ( 15:22 )
6.6K

มีหลายอย่างที่น่าสนใจหลังจากนัดที่ 2 ของศึกพรีเมียร์ลีกจบลงแต่ตรงนี้ เราขอคัด 5 เรื่องของทีมหัวตาราง มาเล่าให้อ่าน ตามสไตล์ของ TrueID Sports ก่อนแล้วกันนะครับ

 

 

แฮร์รี่ เคน ปลดล็อกแล้ว…อาจยาว

Nick Potts/PA via AP

หนึ่งในปัญหาคลาสสิกของนักกีฬา ไม่ใช่เรื่องของสภาพร่างกาย หรือ ฟอร์มการเล่น แต่เป็นเรื่องของสภาวะทางจิตใจ บางครั้ง นักกีฬาที่เก่งที่สุด ก็อาจจะมีสถิติบางอย่างที่เขาทำไม่ได้ และไม่ว่าจะทำยังไงก็ทำไม่ได้สักที อาทิ กอนซาโล่ อิกวาอิน กับสถิติการยิงประตูในนัดชิงฯ หรือการยิงประตู หรือ เรื่องของแฮร์รี่ เคน กับ เดือนสิงหาคม แบบนั้น

แต่วันนี้ เคน ปลอดล็อคเรียบร้อยแล้ว มันทำให้เราสามารถคาดหวังกับฟอร์มการเล่นของเขาในนัดหน้าได้อีกด้วย ซึ่งเคนเอง ก็คงไม่กดดันตัวเองเหมือนที่ผ่าน ๆ มา อีกต่อไป และน่าจะเป็นปัจจัยให้ความมั่นใจเขาพุ่งพวดพราดในฤดูกาลนี้แน่นอน ดังนั้น น่าจับตามาก

 

เชลซี ยังไม่ 100% แต่ชนะได้

AP Photo/Tim Ireland

ทีมแบบนี้น่ากลัวนะครับ ทีมที่เอาชนะได้ ในเกมที่น่าชนะ ทั้ง ๆ ที่ตัวผู้เล่นเองก็ยังไม่เต็มสูบ เพราะเอเด็ง อาซาร์ ยังไม่ฟิต 100% จากการกลับมารับใช้ทีมชาติ ก็ยังลงมาทำแอสซิสต์นัดละลูกมา 2 นัดแล้ว ถ้าเขาลงได้เต็มเวลา จะน่ากลัวขนาดไหนนี่ยิ่งน่าคิด

ว่ากันตามตรง เชลซี เป็นทีมที่มีเครื่องหมายคำถามมากที่สุดใน Big 6 ไม่แพ้ อาร์เซน่อล ดีไม่ดีอาจจะมากกว่าด้วย วกเขามีปัญหานักเตะอยากย้ายทีม จนเปลี่ยนโค้ช แถมเปลี่ยนโค้ช แค่เดือนเดียวก่อนเปิดฤดูกาล โกลมือ 1 ก็ย้ายทีม โกลใหม่ก็ได้มาแบบฉุกละหุก

แต่ตอนนี้ เมาริซิโอ ซาร์รี่ ทำให้สถานการณ์หลาย ๆ อย่างคลี่คลายลงมาก แน่นอน พวกเยายังดูเป็นรอง ลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่มาถึงตรงนี้ สิงห์บลูส์ ดูลงตัวขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับความมั่นใจที่สูงขึ้น พวกเขาอาจจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงตัวเอ้ ถึงแม้ ซาร์รี่ จะบอกว่า พวกเขาไม่ใช่ก็ตาม

 

แมนฯ ยูไนเต็ด กับความไม่เป็นชิ้นเป็นอันที่ส่งผล

AP Photo/Alastair Grant

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ ตอนนี้ เป็นทีมที่น่าผิดหวังที่สุดในสายตาแฟนๆ มากกว่า อาร์เซน่อล ด้วยซ้ำ เพราะพวกเขาไม่ได้เจอคู่แข่งที่แข็ง แต่กลับหืดจับกับ เลสเตอร์ แล้วต่อด้วยแพ้ ไบรท์ตัน มันซะอย่างนั้น ทำให้แฟนบอลเริ่มรับไม่ได้ และมีบางส่วนแล้วที่อยากปลด โชเซ่ มูรินโญ่

ต้องยอมรับว่า การเล่นของ ยูไนเต็ด มีปัญหามากๆ พวกเขามีความผิดพลาดในการเล่นเต็มไปหมด ต่อบอลพลาด จ่ายบอลพลาด ตัดสินใจพลาด ขนาด เด เคอา ยังออกบอลพลาดเลย ปัญหาแบบนี้ต้องจูนกันใหม่ยาว แต่อันที่จริง ชัยชนะเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าพวกเขาทำได้ สิ่งที่เรียกว่า “สปิริตทีม” อาจจะกลับมารวดเร็วกว่าที่คิดก็ได้

 

แมนฯ ซิตี้ นี่แหละ “แชมป์เก่า”

AP Photo/Dave Thompson

ทีมเรือใบสีฟ้ามาด้วยฟอร์มการเล่นแบบไร้เทียมทาน ในนัดที่ 2 เกมรุกไหลลื่น ต่อเกมกันเพลินตา ใครโดนซิตี้ขึง หรือ โดนนวด ก็เหนื่อย เพราะไม่รู้จะตั้งรับยังไงถึงจะเอาอยู่

ที่โหดอีกอย่างคือฟอร์มของ เซร์คิโอ “กุน” อเกวโร่ ที่เขาหวังจะกลับมาประกาศศักดากองหน้าหมายเลข 1 ของพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ซึ่งพูดเลยว่า ถ้าเขาไม่เจ็บ งานนี้ แฮร์รี่ เคน กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ลำบากแน่ เพราะองค์ประกอบทีมของ ซิตี้ และสไตล์การเล่น มันเอื้อให้เขาทำประตูมากกว่า

ถึงตรงนี้ต้องบอกว่า ซิตี้ นี่แหละที่ยังเป็นตัวเต็งในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกปีนี้อยู่ ถึงแม้ ลิเวอร์พูลจะ “เพาเวอร์อัพ” ขึ้นมามาก แต่พวกเขายังมทีคำถามเรื่อง “ความสม่ำเสมอ” ต่างจาก ซิตี้ ที่พิสูจน์เรื่องนั้นมาแล้ว ซึ่งคำตอบของคำถามนี้ ก็ได้แต่รอดูกันต่อไปครับ

 

ลิเวอร์พูล กับ สถานะ “Questionable”

AP Photo/Kirsty Wigglesworth

แน่นอน ว่า ยอดเยี่ยม กับผลงาน 2 นัด 6 คะแนน กับ 6 ประตูได้ ไม่มีประตูเสีย แต่นั่นเราพูดกันถึงผลงานตามตัวเลขในตารางคะแนนเท่านั้น แต่ถ้าใครได้ดูเกม ลิเวอร์พูล กับ คริสตัล พาเลซ จะมองเห็นว่า ลิเวอร์พูล ยังมี “ปัญหา” อยู่

ทั้งเกม พวกเขามีจังหวะจบเกมแบบ “จะจะ” จริง แค่ไม่กี่จังหวะเท่านั้น แม้หนึ่งในนั้นจะเป็นจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน่ หลุดไปยิงประตูที่ 2 ได้ก็ตาม แต่นั้น ก็มาในช่วงที่ พาเลซ เหลือ 10 ตัว จากการโดนไล่ออกของ วาน บิสซาก้า ด้วยแถมประตูแรก ก็มาจากการให้ของขวัญของ มามาดู ซาโก้ เป็นลูกที่จุดโทษ ช่วงท้ายครึ่งแรก ชนิดแบบ “ถูกที่ถูกเวลา” มากๆ

น่าคิดว่าคราวหน้าถ้าพวกเขาต้องออกมาเยือนเกมที่เล่นเกมรับได้เหนียวแน่นแบบนี้ พวกเขาจะสามารถปิดจ็อบได้แบบนี้หรือไม่ เพราะอย่าลืมว่า เกมนัดนี้เป็นเกมที่มีโชคพอสมควร และทีมอื่นๆ ที่รองจากพวกเขาลงมา ก็ตั้งใจจะเล่น “บอลอุด” กับ “หงส์แดง” เพื่อแบ่งแต้มแน่นอน แล้วการพลาดเสมอกับทีมเหล่านั้น มันส่งผลถึง 2 คะแนนที่หายไปเลยทีเดียว

ดังนั้น ด้วยฟอร์มของ ลิเวอร์พูล ในนัดล่าสุด ยังมีเครื่องหมายคำถามในการรับมือทีม “รถบัส” อยู่ดีครับ

“Mr.BOSTON”

 

อัพเดท ตลาดซื้อขายนักเตะ พรีเมียร์ลีก 2018/19

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้