TRUE TALK : สองพี่น้องตระกูล "รติวัฒน์" ตำนานที่ยังไร้เหรียญทอง ... by "จอน"
หลังหมดยุคสองพี่น้องนักหวดลูกสักหลาดอย่าง นราธร กับ ภราดร ศรีชาพันธุ์ ที่เคยขึ้นไปสูงสุดถึงขั้นคว้าเหรียญทอง ในกีฬา เทนนิส ประเภทชายคู่ เมื่อครั้งมหกรรมกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ทีมชาติไทยก็มีคู่พี่น้องคลื่นลูกใหม่ขึ้นมาทดแทนทันที และคราวนี้ ก็ไม่ใช่คู่พี่น้องธรรมดาๆ ซะด้วย เพราะทั้งคู่อยู่ในท้องเดียวกันขณะแรกเกิด พูดง่ายๆ ก็คือเป็นฝาแฝดนั่นเอง
“ต้น & ต้อง” สนฉัตร และ สรรค์ชัย รติวัฒน์ กลายเป็นที่จับตามองในวงการเทนนิสโลก หลังฝาแฝดจากเมืองไทยสองคนนี้ จับคู่กันในศึกเทนนิสชายคู่ ลงแข่งเทนนิสอาชีพโลก นับตั้งแต่เทิร์นโปรเมื่อปี 2004 ในวัย 22 ปี และสามารถก้าวขึ้นไปถึงอันดับที่ 39 ของโลก ในประเภทชายคู่ เมื่อปี 2008
ประวัติศาสตร์มากมายในวงการเทนนิสโลก ที่สองฝาแฝดนี้สร้างให้กับประเทศไทย ทั้งการผ่านเข้ารอบเมนดรอว์ได้ครบทั้ง 4 แกรนด์สแลม (ออสเตรเลียน โอเพ่น, วิมเบิลดัน, เฟรนช์ โอเพ่น และ ยูเอส โอเพ่น) โดยรายการ วิมเบิลดัน เมื่อปี 2010 ทั้งคู่ผ่านเข้าถึงรอบสามเลยทีเดียว
สำหรับแชมป์ในรายการระดับ เอทีพีทัวร์ นั้น “ต้น กับ ต้อง” เคยได้มาแล้ว 2 รายการ นั่นคือ ไทยแลนด์ โอเพ่น เมื่อปี 2007 และ เชนไน โอเพ่น ที่ประเทศอินเดีย เมื่อปี 2008 นอกจากนี้ พวกเขายังเคยลงเล่นในโอลิมปิก เกมส์ มาด้วยกันด้วย ในศึก ริโอ เกมส์ เมื่อปี 2016 ที่กรุงริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล แถมในศึก ซีเกมส์ นั้น พวกเขาคือตำนานของประเภทชายคู่เลยก็ว่าได้ เพราะคว้าเหรียญทองได้ถึง 5 สมัยติดต่อกัน
พวกเขา คือ “บ็อบ&ไมค์ ไบรอัน แห่งเมืองไทย” โดยแท้จริง…
แต่ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์นั้น ดูเหมือนสองฝาแฝดนามสกุล “รติวัฒน์” จะโดนคำสาป เพราะเข้าร่วมมาแล้วทั้งหมด 4 สมัย ตั้งแต่ทั้งคู่อายุ 24 ปี เมื่อครั้ง โดฮา เกมส์ 2006 จนปัจจุบันทั้งคู่อายุ 36 ปี ใน จาการ์ต้า แอนด์ ปาเล็มบัง เกมส์ 2018
“พวกเขายังไม่เคยสัมผัสเหรียญทองเลยแม้แต่เหรียญเดียว”
สนฉัตร และ สรรค์ชัย รติวัฒน์ ลุยศึกเอเชี่ยนเกมส์ ด้วยกันครั้งแรก เมื่อปี 2006 โดยผ่านเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ในประเภทชายคู่ แต่ก็ทำได้แค่เหรียญเงินหลังพ่ายให้กับสุดยอดชายคู่ของโลกอย่าง มาเฮช บูปาติ และ ลีนเดอร์ เพส นักเทนนิสชายคู่จากประเทศอินเดีย อดีตมืออันดับหนึ่งของโลก และอดีตแชมป์แกรนด์สแลมประเภทชายคู่รวมกันถึง 12 สมัย ซึ่งก็พ่ายไปอย่างหวุดหวิดด้วยที่สกอร์ 1-2 เซต (5-7, 7-6 (9-7), 6-3)
ทั้งนี้ ในปี 2006 ทั้งคู่ยังได้เหรียญทองแดงในประเภททีมชายด้วย จากนั้น ในอีก 4 ปีต่อมา พวกเขากลับมาอีกครั้ง ที่เมืองกว่างโจว ประเทศจีน ในศึกเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 16 ซึ่งคราวนี้ กลับมาในฐานะชายคู่ มือวางอันดับ 1 ของรายการ ที่เป็นตัวความหวังในการคว้าเหรียญทองของทัพนักกีฬาไทย ทว่า ความกดดันที่มี ทำให้พวกเขาจอดป้ายแค่รอบสอง โดยพ่ายให้กับ ชายคู่จาก ไชนีส-ไทเป ไป 1-2 เซต และในการแข่งขันเมื่อปีดังกล่าว มีเพียง สรรค์ชัย เท่านั้น ที่คว้าเหรียญรางวัลได้จากประเภทคู่ผสม ที่จับคู่กับ “แทมมี่” แทมมารีน ธนสุกาญจน์ โดยคว้าเหรียญทองแดงมาครองได้
ปี 2014 ในวัยแตะเลขสาม ทั้งคู่ยังคงเป็นมือหนึ่งของรายการ แต่ก็ไม่อาจเป็นเบอร์หนึ่งบนโพเดียมได้ เพราะ “ต้น-ต้อง” อกหักอีกครั้งในประเภทชายคู่ โดยทำได้เพียงเหรียญทองแดงเท่านั้น หลังพ่ายให้กับคู่จากอินเดีย ในรอบรองชนะเลิศ
ปี 2018 เอเชี่ยนเกมส์ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในวัย 36 ปี ที่ยังคงมีความลายครามไม่น้อย พวกเขาถูกวางให้เป็นมืออันดับสองของรายการ แต่ก็ต้องจบเร็วอีกครั้ง เมื่อแพ้ให้กับคู่จากเกาหลีใต้ตั้งแต่รอบสอง
หลังจบการแข่งขันในแมตช์แพ้นักกีฬาจากเกาหลีใต้ พวกเขารู้ตัวดีว่า มันเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะกลับมาคว้าเหรียญทองได้ เพราะครั้งต่อไป พวกเขาจะอายุแตะหลัก 40 ปี เข้าให้แล้ว ฉะนั้น สิ่งที่เหลืออยู่ในมือ นั่นคือ “คู่ผสม” จะทำเหรียญทอง เอเชี่ยนเกมส์ ให้แก่ตระกูล รติวัฒน์ ได้สักเหรียญ ก็ต้องเป็นครั้งนี้
25 สิงหาคม 2018 ในรอบชิงชนะเลิศ ประเภทคู่ผสม สนฉัตร รติวัฒน์ จับคู่กับ ลักษิกา คำขำ ที่เคยผ่านการได้เหรียญทองมาแล้วจากประเภทหญิงคู่ เมื่อปี 2014 ได้จับคู่กัน พบกับ คู่จากอินโดนีเซีย โดยก่อนเกมคู่จากไทยเป็นฝ่ายเหนือกว่า ทั้งประสบการณ์ และแรงกิ้ง แต่พอแข่งจริง ด้วยสภาพสนาม สภาพอากาศที่ปาเล็มบัง สภาพความกดดันจากแฟนเทนนิสเจ้าภาพ ทำให้คู่ของ “ต้น” กับ “น้องลัก” ทำผลงานได้ไม่เป็นอย่างใจคิดนัก แพ้ไปแบบน่าเจ็บแสบ 1-2 เซต (4-6, 7-5, 7-10)
12 ปี ผ่านไป ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ 4 สมัยของคู่แฝด สนฉัตร-สรรค์ชัย รติวัฒน์ พวกเขาคว้าเหรียญรางวัลเอเชี่ยนเกมส์ มารวมกันได้ถึง 8 เหรียญ แต่ไม่มีเหรียญไหนที่มีสีทองเลย แบ่งเป็นเหรียญเงิน 3 เหรียญ และ เหรียญทองแดงอีก 5 เหรียญด้วยกัน
… แต่ถึงจะยังไม่เคยได้เหรียญทองก็ตามที
ยังเชื่อเหลือเกินว่า แฟนกีฬาชาวไทยทุกคนจะยังจดจำพวกเขาในฐานะ “ตำนาน” อย่างแน่นอน…
“จอน”
ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!
ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports