รีเซต
TRUE TALK : อย่าปล่อยให้ "ร่างกายพัง" ก่อน แล้วถึงจะนึกมา ออกกำลังกาย ... by "พี่หมอเอก"

TRUE TALK : อย่าปล่อยให้ "ร่างกายพัง" ก่อน แล้วถึงจะนึกมา ออกกำลังกาย ... by "พี่หมอเอก"

TRUE TALK : อย่าปล่อยให้ "ร่างกายพัง" ก่อน แล้วถึงจะนึกมา ออกกำลังกาย ... by "พี่หมอเอก"
kentnitipong
30 สิงหาคม 2561 ( 12:31 )
169

ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมว่างเว้นจากการต้องติดตามไปเป็นแพทย์ประจำทีมฟุตบอลทีมชาติไม่ว่าชุดไหนนานหลายเดือนแล้ว ซึ่งความจริงก็แอบคิดถึงบรรยากาศของการไปทำงานกับทีม คิดถึงการไปนั่งขอบสนาม การได้วิ่งลงไปในสนามดูอาการ และปฐมพยาบาลนักเตะอยู่บ้างเหมือนกัน

 

 

เมื่อมีเวลาอยู่ติดโรงพยาบาลนานขึ้นเลยได้มีโอกาสตรวจคนไข้กลุ่มอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกลุ่มนักกีฬาบ้าง รวมทั้งมีเวลาให้กับตัวเองได้วิ่งทุกวัน และลงวิ่งตามงานวิ่งที่มีให้ได้วิ่งแทบจะทุกสุดสัปดาห์ เลยได้เจอเพื่อน พี่น้อง ลุงป้า น้าอา หรือแม้กระทั่งหลานๆ ที่ให้ความสนใจออกมาวิ่งกันอย่างมากมาย

ในฐานะของความเป็นหมอ ก็รู้สึกดีใจที่เห็นคนสนใจออกกำลังกายกันมากขึ้น เพราะเป็นที่ยืนยันชัดเจนทางการแพทย์แล้วว่า การออกกำลังกายที่เหมาะสมช่วยป้องกันโรคเบาหวาน ความดัน ได้ แถมยังช่วยลดการเป็นโรคหัวใจ และเส้นเลือดได้อีกด้วย แถมด้วยสามารถลดการเกิดอาการภูมิแพ้ได้อีกต่างหาก และมีหลักฐานทางวิชาการบางส่วนที่บอกว่าการออกกำลังกายจะช่วยลดโอกาสการเป็นมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย

เมื่อคนออกกำลังกายกันมากขึ้น ดูแลสุขภาพกันดีขึ้น ก็จะทำให้จำนวนคนไข้ที่ล้นโรงพยาบาลในปัจจุบันนี้น่าจะลดลงได้บ้าง งานของหมอก็จะเบาสบายขึ้น ประเทศชาติก็จะสูญเสียงบประมาณในการรักษาโรคน้อยลง

ผมว่าส่วนหนึ่งที่มีคนหันมาสนใจออกกำลังกายโดยเฉพาะการวิ่งมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก็น่าจะมาจาก “ก้าวคนละก้าว เอฟเฟ็ค” ที่นอกจากพี่ตูนจะวิ่งรับเงินบริจาคซื้อเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลทั่วประเทศในครั้งนั้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่พี่ตูนยังฝากไว้ให้อีกคือกระแสการวิ่ง และดูแลสุภาพนั่นเอง

เมื่อหลายปีก่อนผมได้ดูหนังเรื่องหนึ่งชื่อเรื่องว่า “Pay it forward” เป็นเรื่องของเด็กชายคนหนึ่งที่ทำการบ้านมาส่งครูเป็นลักษณะของโปรเจคที่เขาจะทำให้สังคมที่เขาอยู่ และขยายไปถึงโลกที่อยู่นั้นดีขึ้นได้ เพียงแค่แต่ละคนไปทำความดี ช่วยเหลือคนที่ลำบาก ตกทุกข์ได้ยาก หรืออะไรก็ได้ที่จะทำให้ชีวิตของคนที่ได้รับการช่วยเหลือนั้นดีขึ้นกับคน 3 คน โดยมีข้อแม้ว่าให้แต่ละคนที่ได้รับความช่วยเหลือนั้นจะต้องช่วยเหลือผู้อื่นต่อไปอีก 3 คน ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อทำสำเร็จสังคมก็จะดีขึ้น

จำได้ว่าเป็นหนังที่ดูแล้วประทับใจมาก และถึงขั้นเสียน้ำตากับบางช่วงของหนังเรื่องนี้มาแล้ว

พอย้อนกลับมาที่เรื่องการออกกำลังกาย… จะดีแค่ไหนถ้าเราแต่ละคนชวนเพื่อน ชวนพ่อแม่พี่น้อง ให้มาออกกำลังกายเป็นประจำจนเป็นกิจวัตรได้ 3 คน แล้วให้แต่ละคนต้องไปชวนคนรอบตัวมาออกกำลังกายเป็นประจำได้อีก 3 คนไปเรื่อยๆ ในไม่ช้าประเทศเราคงจะมีแต่คนสุขภาพดีถ้วนหน้าแน่นอนครับ

เคยเห็นโฆษณาของ สสส. ที่ชักชวนให้มาออกกำลังกายกันมั้ยครับ ในโฆษณานั้นเขาแนะนำให้ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 150 นาที ถ้าหากคิดว่าจะออกกำลังกายสัปดาห์ละ 5 วันและพักร่างกาย 2 วัน ก็จะต้องออกกำลังกายวันละ 30 นาที ซึ่งการออกกำลังกายปริมาณขนาดนี้เป็นประจำจะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และสมองได้ 14%

ถ้าหากออกกำลังกายนานขึ้นเป็นวันละ 60 นาที จะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และสมองได้ 20%

และหากออกกำลังกายนานขึ้นอีกเป็นวันละ 150 นาที จะลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้ถึง 25% หรือคิดเป็นความเสี่ยงโรคหัวใจหรืออัมพฤกษ์ อัมพาต ลดลงได้ถึงหนึ่งในสี่เลยทีเดียว

เมื่อรู้ข้อมูลแบบนี้ก็น่าจะบอกได้เลยว่า #รักใครให้ชวนมาวิ่ง กันครับ

วันนี้มีโอกาสนั่งคุยกับคนไข้ที่มารับการตรวจสมรรถภาพร่างกายขณะออกกำลังกายที่คนทั่วๆ ไปมักเรียกว่าเครื่องวัด VO2max หรือเครื่องวัดความฟิตนั่นเอง ซึ่งอันที่จริงแล้วค่าความฟิตนั้นเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเดียวของการตรวจที่มีรายละเอียดอีกมากเลยทีเดียว ถ้าใครนึกหน้าตาเจ้าเครื่องนี้ไม่ออกก็ลองดูคลิปที่พี่ตูนไปทดสอบสมรรถภาพร่างกายก่อนไปวิ่งในโครงการก้าวคนละก้าวได้ครับ

คนไข้รายนี้ออกกำลังกายเป็นประจำด้วยการวิ่ง เคยลงวิ่งในระยะมินิมาราธอนคือวิ่งประมาณ 10 กิโลเมตรได้สบายๆ หลายรายการ แต่อยากมาตรวจเนื่องจากเคยมีประวัติเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบได้รับการรักษาไปแล้วก่อนที่จะเริ่มออกกำลังกายจริงจังตามคำแนะนำของแพทย์ และเมื่อไม่กี่วันก่อนไปเล่นฟุตบอลแล้วมีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ทันมาครั้งหนึ่ง

ผลตรวจที่ได้คือคนไข้รายนี้มีสภาพความฟิตที่ดีมาก มีหัวใจ ปอด และกล้ามเนื้อที่ทำงานได้ดีมากๆ เช่นกัน

แต่คลื่นหัวใจแสดงผลว่ามีลักษณะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดในช่วงที่ออกกำลังกายจนเหนื่อยมากๆ

เมื่อทราบผลดังนี้ผู้ป่วยบ่นเสียดายว่าเขาน่าจะรู้ตัว และมาออกกำลังกายตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ เพราะเมื่อเป็นโรคเหล่านี้แล้วการมาออกกำลังกายทำได้แค่ป้องกันไม่ให้เป็นมากขึ้นเท่านั้น ไม่สามารถทำให้หายสนิทได้ และยังมีอันตรายอีกด้วยถ้าออกกำลังกายหนักเกินกำลัง

เรื่องราวของผู้ป่วยรายนี้สามารถสอนเราได้อย่างดีว่า อย่าปล่อยให้ร่างกายพังไปก่อนแล้วถึงจะนึกมาออกกำลังกาย เพราะเมื่อถึงเวลานั้นแล้วไม่ว่าจะปฏิบัติตัวดีแค่ไหนก็ไม่สามารถกลับมาปกติดังเดิมได้

และเมื่อใครเริ่มมาออกกำลังกายจนเริ่มสนุก และติดกับการออกกำลังกายจนถึงขั้นอยากจะท้าทายร่างกาย อยากจะทะลุขีดจำกัดของร่างกายตัวเอง

ก็มีคำแนะนำที่เรียบง่ายที่สุดคือ อย่าซ้อมเหมือนเดิมทุกวัน

เหตุผลที่แนะนำแบบนี้ไม่ใช่เพราะกลัวจะเบื่อถ้าต้องออกกำลังกายเหมือนๆ เดิมทุกวัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายก็คือการสร้างกำแพงขึ้นมาสองชั้น ชั้นหนึ่งชื่อว่า Lactate threshold หรือ Anaerobic threshold กับอีกชั้นคือ VO2max ที่ยิ่งนานวันไป กำแพงนั้นก็จะยิ่งฝ่าได้ยากขึ้น

วิธีที่ทำให้ร่างกายมีการพัฒนากำแพงทั้งสองชั้นคือ เราต้องมีการแกล้งร่างกายให้รับการทำงานหนักบ้าง เช่นการวิ่งเร็วสลับช้า ที่มีชื่อว่า Interval training หรือการวิ่งระยะทางยาวๆในความเร็วที่หัวใจถูกกระตุ้นให้เต้นเร็วขึ้นประมาณโซน 4 (ประมาณ 80% ของ Maximum heart rate) บ้าง

นอกจากการวิ่งแล้ว การเล่นกีฬาทุกชนิดควรมีการวางโปรแกรมการฝึกซ้อมให้เหมาะสมโดยไม่ควรซ้อมเหมือนเดิมทุกวัน เพื่อให้ร่างกายมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ชนกำแพงปิดกั้นศักยภาพ

เช่น กีฬาฟุตบอล การฝึกซ้อมถือว่ามีความสำคัญมากในการพัฒนาสภาพความฟิตของร่างกายไปพร้อมๆ กับความเข้าใจในการเล่นเป็นทีมเพราะฟุตบอลสมัยใหม่จะเน้นการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว การจ่ายบอลที่รวดเร็ว และแม่นยำ ถ้าหากคาดหวังชัยชนะในการแข่งขันก็ต้องให้ความสำคัญกับการซ้อม

ฟุตบอลเอเชียนเกมส์ที่ทีมชาติไทยต้องตกรอบแรกกลับมาจนถึงขั้นต้องปลดโค้ชโย่งนั้น จริงๆแล้วเราจะหวังอะไรได้จากการรวมตัวแค่ 3 วันก่อนเดินทางไปแข่งขัน ได้ผลการแข่งขันที่เสมอมา 2 นัด กับแพ้อีกหนึ่งนัดกับรูปแบบการเล่นที่ไม่ได้ขี้เหร่อะไรนี่ก็ถือว่าเก่งแล้วล่ะ

ผมได้ข้อคิดมาจากการตรวจสภาพความฟิตของคนไข้ว่า ถ้าซ้อมแบบไหนก็ได้แบบนั้น
ร่างกายจะดีถ้าซ้อมถูกวิธี แต่ไม่ควรหวังสูงเกินไปถ้าซ้อมไม่ดี

ขอให้มีความสุขกับการออกกำลังกาย และทลายกำแพงปิดกั้นสมรรถภาพด้วยการออกกำลังกายอย่างถูกหลักการกันครับ

“พี่หมอเอก”

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ กดเลย

 

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้