รีเซต
TRUE TALK : 5 สิ่งที่เรารู้หลังผ่าน พรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 4 ... by "Mr.BOSTON"

TRUE TALK : 5 สิ่งที่เรารู้หลังผ่าน พรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 4 ... by "Mr.BOSTON"

TRUE TALK : 5 สิ่งที่เรารู้หลังผ่าน พรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 4 ... by "Mr.BOSTON"
Supanat
6 กันยายน 2561 ( 16:04 )
162

เนื่องจากสัปดาห์นี้ ไม่มีเกม มันเดย์ ไนท์ ทำให้เรารู้ผลการแข่งขันของพรีเมียร์ลีกทุกคู่ ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ และนั่นเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้ผมมีเวลาเขียนงานชิ้นนี้นานกว่าทุกสัปดาห์ที่ผ่านมา (ฮา) อันที่จริง ต้องชอบคุณฟีฟ่า เดย์ ที่ช่วยพักเบรคบอลสโมสร ซึ่งทำให้ทุกลีกใหญ่ ต้องปิดงานตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมากันหมดนี่เอง และต่อไปนี้เป็นสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากพรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 4 ครับ

อลิสสัน หวือหวา แต่ไม่มีค่าเมื่อพลาด

AP Photo/Rui Vieira

จากลูกยกบันลือโลก ในเกมนัดก่อน ซึ่งไม่เป็นที่ชอบใจนักสำหรับเจอร์เก้น คล็อปป์ กลับกลายเป็นการสร้างเรื่องน่าปวดหัวสำหรับผู้รักษาประตูชาวบราซิลในนัดนี้ทันที หลังเขาพยายามเล่นลูก ครอยซ์เทิร์น แต่ไม่สำเร็จ จนกลายเป็นความผิดพลาดในเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในนัดนี้

ยังดี ที่ ลิเวอร์พูล ยังคงเก็บ 3 คะแนนได้…

บทเรียนในครั้งนี้ น่าจะสอนให้ อลิสสัน เบคเกอร์ ระมัดระวังในการเล่นลูกด้วยเท้าหลังจากนี้ได้อย่างดี ว่าฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ไม่ได้เพรซซิ่งใส่ผู้รักษาประตูแบบหมู ๆ เหมือนที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ แม้ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมนี จะบอกต่อหน้าสื่อว่า ไม่ติดใจอะไรกับการเสียประตูในครั้งนี้ แต่เชื่อว่าลับหลัง คงมีการพูดคุยกันอย่างจริงจัง และน่าจะทำให้เขาลดความหวือหวาลงมาก

การที่ “หงส์แดง” เก็บชัยได้ในนัดนี้ ยังเป็นเรื่องที่ดี และยังโชคดีอยู่มาก ที่ อดีตโกลโรม่า มาพลาดในขณะที่ทีมนำอยู่ 2 สกอร์ หาไม่แล้ว หากนำอยู่แค่ลูกเดียว หรือ ไปพลาดหลังจากนี้ ในเกมที่สำคัญกว่านี้ เขาอาจจะต้องจ่ายค่าโง่แพงกว่านี้แน่ ดังนั้น หลังจากนี้การเล่นบอลลักษณะนี้ อาจจะเกิดขึ้นน้อยลง แน่นอนว่า แฟน ๆ อาจจะไม่ถูกใจ แต่มันคงทำให้เหล่า “เดอะ ค็อป” อุ่นใจขึ้นมากกว่าแน่นอน

เชลซี บินต่ำ แต่ สม่ำเสมอ

AP Photo/Frank Augstein

เชลซี เป็น 1 ใน 3 ทีมตอนนี้ ที่ยังคงรักษาสถิติ 100% เอาไว้ได้ แต่พวกเขากลับถูกพูดถึงน้อยกว่าวัตฟอร์ด หรือ ลิเวอร์พูล นั่นยิ่งทำให้การบิน “ใต้เรดาร์” ของพวกเขา ยิ่งอันตรายต่อทีมลุ้นแชมป์ด้วยกันเข้าไปใหญ่ แถมผู้จัดการทีมอย่าง เมาริซิโอ ซาร์รี่ ก็ยังมาเล่นจิตวิทยา บอกว่าทีมของเขาไม่ใช่ทีมลุ้นแชมป์อีกต่างหาก ยิ่งทำให้ลูกทีมเล่นได้อย่าง สบาย ไม่กดดันไปอีก

ว่ากันตามตรง เชลซี มีจุดอ่อนที่เห็นชัดหว่าลิเวอร์พูลอยู่มาก หากมองในฐานะทีมที่มีสถิติ 100% เท่ากัน เพราะแผงแนวรับของพวกเขา รวมไปถึงผู้รักษาประตูค่าตัวแพงที่สุดในโลกอย่าง เคป้า อาร์ริซาบาลาก้า ยังคงมีเครื่องหมายคำถามอยู่ แต่สิ่งที่ทีมของซาร์รี่ ยังคงทำได้ดี คือการเปิดเกมบุก ซึ่งนั่นน่าจะเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมของเชลซีในฤดูกาลนี้

แน่นอนว่า ถ้าพวกเขายังชนะได้แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ การบินต่ำกว่าเรดาร์ของพวกเขาจะถูกค้นพบในสักวันหนึ่ง (น่าจะเร็ว ๆ นี้) แต่กว่าที่ “สิงห์บลูส์” จะได้รับแรงกดดันจากสื่อ หรือ ทีมร่วมลุ้นแชมป์ การเล่นของพวกเขาก็คงลงตัวไปแล้ว นี่จึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก สำหรับทีมอื่น ๆ และมันก็เป็นความได้เปรียบของเชลซีไปในตอนนี้เช่นกัน

แมนฯ ซิตี้ แค่พลาด ไม่ได้แพ้

AP Photo/Jon Super

ผลงานการสะดุดในเกมพบกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ไม่ได้ส่งผลต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หนักหนาอะไร พวกเขายังคงเอาตัวรอดได้ต่อไป ในเกมที่พบกับ นิวคาสเซิ่ล ถึงแม้จะต้องอาศัยลูก “ผีจับยัด” ของ ไคล์ วอร์กเกอร์ ก็ตาม

การได้ประตูสำคัญในเกมที่ควรได้ เพื่อเปลี่ยนผลการแข่งขันนั้น เป็นคุณสมบัติของทีมลุ้นแชมป์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แน่นอนว่า อาจจะมีเสียงค่อนขอดว่า ถ้าไม่ได้ลูกนี้ ซิตี้ อาจจะไม่มีปัญญาเจาะเกมรับของ “สาลิกาดง” แต่นั่นไม่สำคัญเมื่อเกมจบลง ซิตี้ได้ 3 คะแนน แถมความมั่นใจมาอีกเต็มกระบุงด้วย

ชัยชนะเกมนี้ ทำให้ซิตี้เดินหน้าต่อไปในฐานะตัวเต็งได้เหมือนเดิม ถึงแต้มจะตามหลัง ลิเวอร์พูล, เชลซี และ วัตฟอร์ด แต่อย่าลืมว่า ฟุตบอลลีก ไม่มีใครเคยความแชมป์ด้วยผลชนะรวดทั้งฤดูกาล ซิตี้ แค่สะดุดไปก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสะดุดมากกว่า…พวกเขาย้ำกับทุกคนว่า นัดที่แล้วพวกเราพลาดจริง…แต่พวกเรายังไม่ได้แพ้

ท็อตแน่ม กับปัญหาลูกกลางอากาศ

AP Photo/Frank Augstein

ความพ่ายแพ้ในเกมซูเปอร์ ซันเดย์ ของ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ กลายเป็นประเด็นใหญ่ แต่ถ้าใครดูเกม ท็อตแน่ม เป็นฝ่ายเล่นดีกว่าอย่างไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม แต่ฟุตบอลก็อย่างนี้ ทีมที่เล่นดีกว่า ไม่จำเป็นต้องชนะเสมอไป และ 2 ลูกโหม่งจาก “แตนอาละวาด” ก็พิสูจน์เรื่องนั้นไปแล้ว

ฤดูกาลนี้ “ไก่เดือยทอง” เสียประตูไปแล้ว 4 ลูก จาก 4 เกม และทั้งหมดล้วนแต่เป็นลูกกลางอากาศ นั่นอธิบายได้ว่า อะไรคือจุดอ่อนของพวกเขา

เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จำเป็นต้องรีบหาทางแก้ไขปัญหานี้ให้เร็วที่สุด หากอยากต้องการกลับมาสู่เส้นทางลุ้นท็อป 4 อีกครั้ง เพราะหลังจากนี้ ทีม Big 6 ที่เหลืออีก 5 ทีม จะเริ่มทำผลงานได้ดีตามแนวโน้ม และการมีรูโหว่เบ่อเร่อแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีเลย

เมื่อแฟนแมนยู รักมูรินโญ่มากกว่า

Martin Rickett/PA via AP

ภาพโชเซ่ มูรินโญ่ กระโดดตัวลอยกอดแฟนบอลหลังเกมจบ กับภาพแบนเนอร์บนท้องฟ้าก่อนเกมเริ่ม อธิบายอะไรได้อย่างดี หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกเอาชนะเบิร์นลี่ย์ได้ 2-0

ไม่ได้บอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะกลับมาเป็นโคตรทีมในนัดนี้ แต่ภาพจากย่อหน้าบน อธิบายว่า แฟน “ปีศาจแดง” ยังรักและเชื่อมั่นในตัว โชเซ่ มูรินโญ่ มากกว่าฝ่าบบริหารของทีม อย่าง เอ็ด วูดเวิร์ด ที่เข้ามารับงานดูแลทีมแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2013 เสียอีก

ขนาดนัดที่แล้ว ทีมแพ้ สเปอร์ส 0-3 มูรินโญ่ ยังได้รับเสียงปรบมือ และการตะโกนให้กำลังใจเลย แถมระยะหลัง ก็มีข่าวหลุดออกมาด้วยว่า เอ็ด กับ มู “ตีกัน” และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็เห็นชัดว่า แฟนบอลได้เลือกฝ่ายไปเรียบร้อยแล้ว

คงฟันธงยาก ว่าเกมในนัดหน้าหลังพักเบรกทีมชาติ ที่ยูไนเต็ด จะต้องไปเจอกับหนึ่งใน “เพอร์เฟ็กทีม” อย่าง วัตฟอร์ด ถึง วิคคาเรจ โร้ด พวกเขาจะเก็บชัยได้หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ถ้าจะมีใครปลิวออกจากตำแหน่งในฤดูกาลนี้ เห็นที มูรินโญ่ คงไม่ใช่รายชื่อเดียวที่มีในลิสต์เสียแล้ว

 

“Mr.BOSTON”

 

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ กดเลย

 

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้