TRUE TALK : 5 สิ่งที่เรารู้หลังผ่าน พรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 4 ... by "Mr.BOSTON"
เนื่องจากสัปดาห์นี้ ไม่มีเกม มันเดย์ ไนท์ ทำให้เรารู้ผลการแข่งขันของพรีเมียร์ลีกทุกคู่ ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ และนั่นเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้ผมมีเวลาเขียนงานชิ้นนี้นานกว่าทุกสัปดาห์ที่ผ่านมา (ฮา) อันที่จริง ต้องชอบคุณฟีฟ่า เดย์ ที่ช่วยพักเบรคบอลสโมสร ซึ่งทำให้ทุกลีกใหญ่ ต้องปิดงานตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมากันหมดนี่เอง และต่อไปนี้เป็นสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากพรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 4 ครับ
อลิสสัน หวือหวา แต่ไม่มีค่าเมื่อพลาด
จากลูกยกบันลือโลก ในเกมนัดก่อน ซึ่งไม่เป็นที่ชอบใจนักสำหรับเจอร์เก้น คล็อปป์ กลับกลายเป็นการสร้างเรื่องน่าปวดหัวสำหรับผู้รักษาประตูชาวบราซิลในนัดนี้ทันที หลังเขาพยายามเล่นลูก ครอยซ์เทิร์น แต่ไม่สำเร็จ จนกลายเป็นความผิดพลาดในเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในนัดนี้
ยังดี ที่ ลิเวอร์พูล ยังคงเก็บ 3 คะแนนได้…
บทเรียนในครั้งนี้ น่าจะสอนให้ อลิสสัน เบคเกอร์ ระมัดระวังในการเล่นลูกด้วยเท้าหลังจากนี้ได้อย่างดี ว่าฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ไม่ได้เพรซซิ่งใส่ผู้รักษาประตูแบบหมู ๆ เหมือนที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ แม้ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมนี จะบอกต่อหน้าสื่อว่า ไม่ติดใจอะไรกับการเสียประตูในครั้งนี้ แต่เชื่อว่าลับหลัง คงมีการพูดคุยกันอย่างจริงจัง และน่าจะทำให้เขาลดความหวือหวาลงมาก
การที่ “หงส์แดง” เก็บชัยได้ในนัดนี้ ยังเป็นเรื่องที่ดี และยังโชคดีอยู่มาก ที่ อดีตโกลโรม่า มาพลาดในขณะที่ทีมนำอยู่ 2 สกอร์ หาไม่แล้ว หากนำอยู่แค่ลูกเดียว หรือ ไปพลาดหลังจากนี้ ในเกมที่สำคัญกว่านี้ เขาอาจจะต้องจ่ายค่าโง่แพงกว่านี้แน่ ดังนั้น หลังจากนี้การเล่นบอลลักษณะนี้ อาจจะเกิดขึ้นน้อยลง แน่นอนว่า แฟน ๆ อาจจะไม่ถูกใจ แต่มันคงทำให้เหล่า “เดอะ ค็อป” อุ่นใจขึ้นมากกว่าแน่นอน
เชลซี บินต่ำ แต่ สม่ำเสมอ
เชลซี เป็น 1 ใน 3 ทีมตอนนี้ ที่ยังคงรักษาสถิติ 100% เอาไว้ได้ แต่พวกเขากลับถูกพูดถึงน้อยกว่าวัตฟอร์ด หรือ ลิเวอร์พูล นั่นยิ่งทำให้การบิน “ใต้เรดาร์” ของพวกเขา ยิ่งอันตรายต่อทีมลุ้นแชมป์ด้วยกันเข้าไปใหญ่ แถมผู้จัดการทีมอย่าง เมาริซิโอ ซาร์รี่ ก็ยังมาเล่นจิตวิทยา บอกว่าทีมของเขาไม่ใช่ทีมลุ้นแชมป์อีกต่างหาก ยิ่งทำให้ลูกทีมเล่นได้อย่าง สบาย ไม่กดดันไปอีก
ว่ากันตามตรง เชลซี มีจุดอ่อนที่เห็นชัดหว่าลิเวอร์พูลอยู่มาก หากมองในฐานะทีมที่มีสถิติ 100% เท่ากัน เพราะแผงแนวรับของพวกเขา รวมไปถึงผู้รักษาประตูค่าตัวแพงที่สุดในโลกอย่าง เคป้า อาร์ริซาบาลาก้า ยังคงมีเครื่องหมายคำถามอยู่ แต่สิ่งที่ทีมของซาร์รี่ ยังคงทำได้ดี คือการเปิดเกมบุก ซึ่งนั่นน่าจะเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมของเชลซีในฤดูกาลนี้
แน่นอนว่า ถ้าพวกเขายังชนะได้แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ การบินต่ำกว่าเรดาร์ของพวกเขาจะถูกค้นพบในสักวันหนึ่ง (น่าจะเร็ว ๆ นี้) แต่กว่าที่ “สิงห์บลูส์” จะได้รับแรงกดดันจากสื่อ หรือ ทีมร่วมลุ้นแชมป์ การเล่นของพวกเขาก็คงลงตัวไปแล้ว นี่จึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก สำหรับทีมอื่น ๆ และมันก็เป็นความได้เปรียบของเชลซีไปในตอนนี้เช่นกัน
แมนฯ ซิตี้ แค่พลาด ไม่ได้แพ้
ผลงานการสะดุดในเกมพบกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ไม่ได้ส่งผลต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หนักหนาอะไร พวกเขายังคงเอาตัวรอดได้ต่อไป ในเกมที่พบกับ นิวคาสเซิ่ล ถึงแม้จะต้องอาศัยลูก “ผีจับยัด” ของ ไคล์ วอร์กเกอร์ ก็ตาม
การได้ประตูสำคัญในเกมที่ควรได้ เพื่อเปลี่ยนผลการแข่งขันนั้น เป็นคุณสมบัติของทีมลุ้นแชมป์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แน่นอนว่า อาจจะมีเสียงค่อนขอดว่า ถ้าไม่ได้ลูกนี้ ซิตี้ อาจจะไม่มีปัญญาเจาะเกมรับของ “สาลิกาดง” แต่นั่นไม่สำคัญเมื่อเกมจบลง ซิตี้ได้ 3 คะแนน แถมความมั่นใจมาอีกเต็มกระบุงด้วย
ชัยชนะเกมนี้ ทำให้ซิตี้เดินหน้าต่อไปในฐานะตัวเต็งได้เหมือนเดิม ถึงแต้มจะตามหลัง ลิเวอร์พูล, เชลซี และ วัตฟอร์ด แต่อย่าลืมว่า ฟุตบอลลีก ไม่มีใครเคยความแชมป์ด้วยผลชนะรวดทั้งฤดูกาล ซิตี้ แค่สะดุดไปก่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะสะดุดมากกว่า…พวกเขาย้ำกับทุกคนว่า นัดที่แล้วพวกเราพลาดจริง…แต่พวกเรายังไม่ได้แพ้
ท็อตแน่ม กับปัญหาลูกกลางอากาศ
ความพ่ายแพ้ในเกมซูเปอร์ ซันเดย์ ของ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ กลายเป็นประเด็นใหญ่ แต่ถ้าใครดูเกม ท็อตแน่ม เป็นฝ่ายเล่นดีกว่าอย่างไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม แต่ฟุตบอลก็อย่างนี้ ทีมที่เล่นดีกว่า ไม่จำเป็นต้องชนะเสมอไป และ 2 ลูกโหม่งจาก “แตนอาละวาด” ก็พิสูจน์เรื่องนั้นไปแล้ว
ฤดูกาลนี้ “ไก่เดือยทอง” เสียประตูไปแล้ว 4 ลูก จาก 4 เกม และทั้งหมดล้วนแต่เป็นลูกกลางอากาศ นั่นอธิบายได้ว่า อะไรคือจุดอ่อนของพวกเขา
เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จำเป็นต้องรีบหาทางแก้ไขปัญหานี้ให้เร็วที่สุด หากอยากต้องการกลับมาสู่เส้นทางลุ้นท็อป 4 อีกครั้ง เพราะหลังจากนี้ ทีม Big 6 ที่เหลืออีก 5 ทีม จะเริ่มทำผลงานได้ดีตามแนวโน้ม และการมีรูโหว่เบ่อเร่อแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องดีเลย
เมื่อแฟนแมนยู รักมูรินโญ่มากกว่า
ภาพโชเซ่ มูรินโญ่ กระโดดตัวลอยกอดแฟนบอลหลังเกมจบ กับภาพแบนเนอร์บนท้องฟ้าก่อนเกมเริ่ม อธิบายอะไรได้อย่างดี หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกเอาชนะเบิร์นลี่ย์ได้ 2-0
ไม่ได้บอกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะกลับมาเป็นโคตรทีมในนัดนี้ แต่ภาพจากย่อหน้าบน อธิบายว่า แฟน “ปีศาจแดง” ยังรักและเชื่อมั่นในตัว โชเซ่ มูรินโญ่ มากกว่าฝ่าบบริหารของทีม อย่าง เอ็ด วูดเวิร์ด ที่เข้ามารับงานดูแลทีมแห่งนี้ตั้งแต่ปี 2013 เสียอีก
ขนาดนัดที่แล้ว ทีมแพ้ สเปอร์ส 0-3 มูรินโญ่ ยังได้รับเสียงปรบมือ และการตะโกนให้กำลังใจเลย แถมระยะหลัง ก็มีข่าวหลุดออกมาด้วยว่า เอ็ด กับ มู “ตีกัน” และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็เห็นชัดว่า แฟนบอลได้เลือกฝ่ายไปเรียบร้อยแล้ว
คงฟันธงยาก ว่าเกมในนัดหน้าหลังพักเบรกทีมชาติ ที่ยูไนเต็ด จะต้องไปเจอกับหนึ่งใน “เพอร์เฟ็กทีม” อย่าง วัตฟอร์ด ถึง วิคคาเรจ โร้ด พวกเขาจะเก็บชัยได้หรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ ถ้าจะมีใครปลิวออกจากตำแหน่งในฤดูกาลนี้ เห็นที มูรินโญ่ คงไม่ใช่รายชื่อเดียวที่มีในลิสต์เสียแล้ว
“Mr.BOSTON”
ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID
ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!
ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports