รีเซต
TRUE TALK : อุบัติเหตุลูกหนัง และประสบการณ์ชีวิต ในวันชม "เจลีก" สดๆ ครั้งแรก ... by "จอน"

TRUE TALK : อุบัติเหตุลูกหนัง และประสบการณ์ชีวิต ในวันชม "เจลีก" สดๆ ครั้งแรก ... by "จอน"

TRUE TALK : อุบัติเหตุลูกหนัง และประสบการณ์ชีวิต ในวันชม "เจลีก" สดๆ ครั้งแรก ... by "จอน"
kentnitipong
19 กันยายน 2561 ( 12:26 )
803

นับเป็นครั้งแรกที่ชีวิตของผมได้เคลื่อนตัวเองไปอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในตารางชีวิตที่ขอแทรกแพลนของแฟนที่จัดไว้คือ การดูเกมฟุตบอล เจลีก 1 นัด ในวันเสาร์ที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา ระหว่าง คาวาซากิ ฟรอนทาเล่ กับ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร

 

 

การเที่ยวโตเกียว และได้ดู ชนาธิป สรงกระสินธ์ ลงสนามแบบสดๆ ในประเทศญี่ปุ่นครั้งแรก เป็นโจทย์ที่ตั้งเอาไว้ ซึ่ง สนามโทโดโรกิ สเตเดี้ยม ในเมืองคาวาซากิ ที่เดินทางจากกรุงโตเกียว ไม่เกิน 1 ชั่วโมง ก็เป็นคำตอบที่ยอดเยี่ยมของโจทย์ที่วางเอาไว้…

 

เดินทางง่าย แต่ห้ามชะล่าใจเรื่องตั๋วเข้าชม

นับเป็นความผิดพลาดส่วนตัวของผมที่ชะล่าใจเหลือเกินกับความคิดว่า “ยังไงก็มีตั๋ว” เพราะที่เคยชมถ่ายทอดสดเกม เจลีก จากทางทรูวิชั่นส์ และ ทรู ไอดี ทุกครั้งที่ผมดู ไม่ว่าจะเจ้าบ้านหรือทีมเยือน ก็ไม่เคยจะเต็มความจุ เนื่องจากสนามในประเทศญี่ปุ่นนั้น มีความจุที่เยอะมาก (มากกว่า 2 หมื่นที่นั่ง) โดยเช้าวันเสาร์ ผมเดินทางไปเที่ยวหลายที่ก่อนที่ตกบ่ายจะเคลื่อนทัพไปคาวาซากิ ก่อนฟุตบอลจะเตะราวๆ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งฟุตบอลเกมดังกล่าว เตะทุ่มนึง

พอผมไปถึงปุ๊ป ก็พยายามหาบ็อกซ์ขายตั๋ว และเมื่อเจอก็ปรากฏว่า “Sold Out ทุกที่นั่ง” — ซึ่งนี่ คือ สิ่งที่ตอบโต้ความไม่ละเอียดในการพยายามจองตั๋วล่วงหน้าของผม เรียกได้ว่า ใจสลายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเก้าอี้ทีมเยือนที่ตั้งใจไปชมกับแฟนบอลคอนซาโดเล่ ซัปโปโร หรือเก้าอี้เจ้าบ้านชาว คาวาซากิ ฟรอนทาเล่ ได้ถูกจับจองหมดแล้วเรียบร้อย (ภายหลังมาทราบว่า สามารถจองผ่านร้าน Lawson ได้อย่างง่ายดายทั่วประเทศญี่ปุ่น)

แต่ก็ยังมีความโชคดีไม่น้อย ที่ผมเดินถือธงที่มีรูปของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ และใส่เสื้อ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทำให้กลายเป็นจุดสนใจจนถูกสัมภาษณ์จากสื่อโซเชี่ยลมีเดียของเจ้าบ้าน ซึ่งภายหลังพอเค้ารู้ว่า ผมเดินทางมาจากประเทศไทย แล้วยังไม่มีตั๋ว ก็พยายามจัดหาตั๋วให้จำนวน 2 ใบ โดยมีราคาตั๋วปกติอยู่ที่ใบละ 2,300 เยน (ประมาณ 700 บาท) ซึ่งมันเป็นตั๋วของเจ้าบ้าน ทำให้ผมต้องเดินไปซื้อเสื้อเชียร์ของ คาวาซากิ ฟรอนทาเล่ (ปักเบอร์ 14 ด้านหลัง ชื่อของ เคนโงะ นากามูระ) ราคาประมาณ 4,000 เยน หรือประมาณ 1,300 บาท มาใส่เข้าสนาม

เป็นความแปลกใหม่ในชีวิตที่ตั้งใจมาชมทีมเยือน แต่ต้องนั่งฝั่งเจ้าบ้าน และต้องติดไม้ติดมือเสื้อเชียร์กลับบ้านอีกต่างหาก ซึ่งจริงๆ แล้วนั้น ก็มีคนไทยอีกบางส่วน ที่เดินทางมาถึงสนามทีหลังจากผม แล้วไม่มีตั๋วเข้าชมเกมในสนาม โดยทั้งหมด ล้วนแล้วแต่ทำงาน หรืออยู่ที่ญี่ปุ่น และมาชมหลายเกมแล้ว ซึ่งทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า ไม่เคยมีเหตุการณ์แฟนบอลเต็มความจุจนต้องติดป้าย Sold Out มาก่อนเลย

สำหรับใครที่อยากทราบเรื่องของราคาเสื้อแข่งขันนั้น ก็สนนราคาอยู่ที่ 14,000 เยนโดยประมาณ หรือประมาณ 4,200 บาทถ้วน ซึ่งถือว่ามีราคาที่สูงมากเลยทีเดียว มากกว่าเสื้อฟุตบอลในลีกชั้นนำของยุโรปที่ใช้แบรนด์ระดับโลกอยู่เกือบเท่าตัว โดยราคา 4,200 บาทนี้ เป็นเพียงแค่เสื้อแข่งขันเปล่าเท่านั้น ยังไม่ได้ปักชื่อ หรือ เบอร์ใดๆ

“เอาหละ เมื่อจัดแจงเรื่องตั๋วเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาเข้าสนาม…”

 

อุบัติเหตุลูกหนัง และมิตรภาพระหว่างเกม

ก่อนเกมจะเริ่มต้นขึ้น ผมได้พบกับมิตรภาพใหม่แกะกล่องในชีวิต เป็นน้องคนไทยสองท่าน ที่มาเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น ในเมืองคาวาซากิ ซึ่งทั้งคู่ได้สถาปนาตัวเป็นสาวกของ “ฟรอนทาเล่” โดยติดตามชมแทบทุกเกมที่แข่งใน โทโดโรกิ สเตเดี้ยม และร้องเพลงเชียร์ได้เกือบทุกเพลงเช่นเดียวกัน

ทั้งคู่ช่วยผมได้เยอะ ในเรื่องของภาษา และการพูดคุยกับคนญี่ปุ่น เวลาที่ผมไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง

ก่อนจะไปพูดถึงเกม ผมขอชื่นชมแฟนบอลของทั้งสองทีมอย่างสุดใจเลย ที่เข้ามาชมเกมแบบเต็มความจุ 22,522 คน โดยผมนั่งหลังประตูฝั่งเจ้าบ้าน แฟนบอลของเจ้าบ้านก็ส่งเสียงเชียร์ทีมรักตลอดเวลา แบบแทบไม่มีคนนั่งเลย ขอย้ำว่าตลอดเวลาจริงๆ มันทำให้บรรยากาศสนุกมาก และเมื่อผลเป็นใจ อะไรๆ ก็ดูดี และสนุกกว่าที่เคย โดยจำนวนผู้ชมนั้นต่างจาก เคลีก เกาหลีใต้ ที่ผมเคยเข้าไปชมในสนามอย่างลิบลับเลยทีเดียว

เกมฟุตบอล เจลีก ที่ได้ดูในสนามนั้น เล่นกันอย่างรวดเร็วอย่างที่คิดไว้ แทบไม่มีเวลาให้หยุดคิดนานๆ ว่าจะทำอะไรดีกับจังหวะนี้

คอนซาโดเล่ เริ่มเกมได้ดีกว่า มีจังหวะเข้าทำหลายครั้ง โดย ชนาธิป สรงกระสินธ์ มีจังหวะได้ซัดเกือบเป็นประตูในช่วงต้นเกม ฝั่งที่ผมนั่งอยู่ แต่หลังจากนั้น มันคือเวลาของเจ้าบ้าน…

คาวาซากิ ฟรอนทาเล่ ออกนำ 3-0 ตอนจบครึ่งแรก โดยใช้เวลาแค่ 12 นาทีเท่านั้นในการทำสามประตู (น.28, 30 และ 40) ซึ่งหนึ่งในนั้น เป็นการทำประตูจาก สุดยอดกองกลางในตำนาน วัย 37 ปี ของพวกเขาอย่าง เคนโงะ นากามูระ ซึ่งผมได้ซื้อเสื้อเชียร์ และปักชื่อของเขาเอาไว้ด้วย

“ฟุตบอลที่ญี่ปุ่น เป็นฟุตบอลที่เป็นระบบ รวดเร็ว แข็งแรง และไม่เปิดโอกาสให้แก้ตัวง่ายๆ”

ฟรอนทาเล่ ฉกฉวยจังหวะผิดพลาดของผู้รักษาประตู และกองหลังจนทำให้สกอร์ฉีกหนีห่าง 3 ลูกตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นครึ่งหลัง

ครึ่งหลัง “อุบัติเหตุลูกหนัง” ยังกระทำการอย่างอุกอาจที่ โทโดโรกิ สเตเดี้ยม …

มันเป็นวันที่ คอนซาโดเล่ ทำอะไรก็ไม่ดี ไม่มีอะไรได้ดั่งใจทั้งนั้น เหมือนจะยังเศร้าไม่หายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมืองซัปโปโรเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านั้น เรียกไว้ว่า กลายเป็นคนละทีมจากที่เพิ่งชนะรวด 3 เกมติดต่อกันใน เจลีก ก่อนปิดเบรกทีมชาติให้กับช่วงฟีฟ่าเดย์

ส่วนเจ้าบ้าน “คาวาซากิ ฟรอนทาเล่” ทำอะไรก็ดีไปหมด ฟอร์มแต่ละคนเข้าฝักซะจนเหลือเชื่อ ทั้งที่ทีมเพิ่งประสบปัญหาเล็กน้อย ไม่พบกับชัยชนะเลย 3 เกมติดต่อกันมา ก่อนปิดเบรกฟีฟ่าเดย์

สิ่งหนึ่งที่ผมชอบมากจากเกมนี้ นั่นคือในช่วงนาทีที่ 70 กว่า ในขณะที่ ฟรอนทาเล่ กำลังนำห่างอยู่ 5-0 นั้น พวกเขาไม่เพลาเกมบุกเลย เพราะรู้ว่านี่คือเกมที่จะทำให้พวกเขาได้ไล่ตามประตูได้เสียกับจ่าฝูงได้ดีที่สุด เนื่องจากทีมเยือนค่อนข้างฟอร์มตก และเหมือนจะหมดมุกในการเดินเกมเอาซะดื้อ

ฟรอนทาเล่ ไล่บี้ ไล่เพรสซิ่งแบบอย่างโหด เพื่อให้ได้บอลคืนมาโดยเร็ว และหวังประตูที่มากขึ้น มากขึ้น และนั่นนำไปสู่ประตูที่ 6 และ ที่ 7 ปิดท้าย ในช่วง 5 นาทีสุดท้าย

7-0 นี่คือสกอร์ตอนท้ายเกม ส่งผลให้ คาวาซากิ ฟรอนทาเล่ เก็บเพิ่มได้เป็น 49 แต้ม และมีผลต่างประตูได้เสีย +20 ขยับจี้ ซานเฟรซเช่ ฮิโรชิม่า เหลือเพียง 6 แต้มเท่านั้น และเตะน้อยกว่า 1 เกมด้วย หลัง ซานเฟรซเช่ บุกไปพ่ายทีมหนีตกชั้นอย่าง ซางัน โทสุ 0-1 และมีประตูได้เสีย +21 นำผลต่างเหลือแค่ลูกเดียวแล้ว ทั้งที่ก่อนเตะ มีผลต่างห่างกันถึง 9 ลูกเลยทีเดียว

คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เอง ถึงแม้จะเจอความพ่ายแพ้ที่มากมายมหาศาล แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในเส้นทางการลุ้นโควตา เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่ โดยยังมีแต้มตามหลัง เอฟซี โตเกียว ทีมอันดับสามอยู่เพียง 1 แต้ม และแข่งน้อยกว่าอยู่ 1 เกม ฉะนั้นอีก 8-9 นัดสุดท้าย อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ทั้งการลุ้นแชมป์ของ คาวาซากิ ฟรอนทาเล่ และ การลุ้นลุยศึก เอซีแอล ของทีมจากฮอกไกโด ที่มีสตาร์ชาวไทยเป็นตัวชูโรง

 

ชนาธิป พบแฟนๆ และเหตุการณ์สุดประทับใจมากมาย

หลังจบเกม เรื่องของฟุตบอลก็จบลงไป ผมยืนดูบรรยากาศของแฟนบอลเจ้าบ้านที่กำลังสนุกสนานกันใหญ่อยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินออกมาพร้อมแฟน และน้องคนไทยอีกสองคนที่เชียร์ ฟรอนตาเล่ เพื่อออกมารอ “ชนาคุง” ข้างนอกสนาม ตรงบริเวณที่มีรั้วกั้นระหว่างแฟนบอลกับนักเตะ

ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ประเทศญี่ปุ่น มีความป็อปปูล่าร์สมคำร่ำลือ ไม่เพียงแค่แฟนบอลของ ซัปโปโร เท่านั้น ที่ซื้อเสื้อของทีมรัก และปักชื่อพร้อมเบอร์ 18 ของเขาด้านหลัง แต่พอจบเกม มีแฟนบอลของเจ้าบ้าน ฟรอนmาเล่ จำนวนไม่น้อย ที่มารอขอลายเซ็น พร้อมกับขอถ่ายรูปกับชนาธิป ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก หรือคนแก่ ทุกคนชื่นชม และชื่นชอบ ชนาธิป กันทั้งนั้น (บางคนได้ถ่ายรูปแล้วดีใจแบบที่ผมไม่คิดว่า เขาจะได้รับการยอมรับแบบสุดๆ ขนาดนี้ด้วยซ้ำ)

 

“ต้องมาเห็นกับตา ถึงจะได้เชื่อแบบสุดใจ”

นอกจากความประทับใจที่ได้เห็นนักเตะไทยได้รับการยอมรับอย่างมากมายใน เจลีก ญี่ปุ่น แล้ว “เจ้าชนาคุง” ก็ยังเหมือนเดิม แม้ในวันที่พ่ายแพ้ 7 ประตู จนยากเกินจะยิ้มได้ แต่เขาก็ออกมาพบกับแฟนบอลชาวไทย ที่ยังรออยู่ พร้อมกับพูดคุยกับแฟนบอลหลายคน แม้จะไม่มีรอยยิ้ม หรือเสียงหัวเราะ แต่นั่นก็ทำให้แฟนบอลที่รอปลื้มปริ่มเหลือเกินแล้ว กับความ “ชนาธิป” ที่มีอยู่ในตัวของนักเตะคนนี้อยู่เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง

อันที่จริง นอกจากสิ่งที่ผมเล่ามาทั้งหมดนั้น ยังมีความประทับใจอื่นๆ อีกนะ ทั้งคนญี่ปุ่นที่พูดไทยได้ เพราะมีภรรยาเป็นคนไทย และเคยทำงานที่เมืองไทย ก็มารอชื่นชม ชนาธิป เช่นเดียวกัน โดยลูกชายของเขาที่เป็นลูกครึ่ง ไทย-ญี่ปุ่น ก็เป็นนักฟุตบอลในระดับอะคาเดมี่ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย และยังมีเด็กน้อยวัย 11 ปี ชาวญี่ปุ่นที่เคยตามคุณพ่อมาอยู่เมืองไทย ยาวนานกว่า 5 ปี ก็เตรียมเสื้อของ เมืองทอง และ ทีมชาติไทย มาขอลายเซ็นชนาธิปเช่นเดียวกัน

มันเป็นอะไรที่ได้มากกว่าฟุตบอลในสนามจริงๆ กับการไปชมเกมเจลีก 1 นัดของผม ได้ทั้งความประทับใจ ได้ทั้งมิตรภาพ ได้ทั้งชมฟุตบอล ได้ทั้งแรงบันดาลใจอะไรหลายอย่าง

“แต่การเล่าด้วยตัวหนังสือ พยายามอธิบายให้ใกล้เคียงกับความจริงที่สุดแค่ไหน

มันก็เป็นเพียงตัวหนังสือที่บรรยายตามความรู้สึกเท่านั้น
ไม่อาจเท่าเทียมกับการเดินทางไปสัมผัสเหตุการณ์จริงๆ ที่นั่น”

“นี่แหละครับ ที่เค้าเรียกว่า “การเดินทาง”
ซึ่งมันมีอะไรมากกว่าแค่จุดหมายปลายทาง
เพราะไฮไลท์ของมัน มักเกิดขึ้นระหว่างทาง… ”

“จอน”

ดูบอลสดฟรี ไม่มีสะดุด ลูกค้าทรูมูฟ เอช รับเน็ต 2GB ดูทรูไอดีฟรี เปิดทรูไอดีทุกวันรับฟรีทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ – 30 พ.ย.61  คลิกเลย

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ กดเลย

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้