รีเซต
TRUE TALK : 5 สิ่งที่เรารู้หลังผ่าน พรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 6 ... by "Mr.BOSTON"

TRUE TALK : 5 สิ่งที่เรารู้หลังผ่าน พรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 6 ... by "Mr.BOSTON"

TRUE TALK : 5 สิ่งที่เรารู้หลังผ่าน พรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 6 ... by "Mr.BOSTON"
kentnitipong
26 กันยายน 2561 ( 15:17 )
172

สัปดาห์นี้ของ พรีเมียร์ลีก อาจจะไม่มีอะไรหวือหวาเท่ากับการที่ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำเดี่ยว ๆ แบบปราศจากการเอี่ยวของ เชลซี หลังเอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-0 และ “สิงห์บลูส์” ออกอาการปืนฝืดกับ เวสต์แฮม ทำให้ตอนนี้ อะไร ๆ ก็ดูเหมือนจะเข้าทางแฟน “หงส์แดง” แต่หนทางยังอีกยาวไกลครับ และนั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตด้วย

 

 

แต่ในตอนนี้ เรามาดูกันว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา เราเรียนรู้อะไรจากพรีเมียร์ลีก วีคที่ 6 กันบ้าง…

 

ลิเวอร์พูล ไม่ได้มีดีแค่ที่ตัวจริง

 

Dave Thompson/PA via AP

เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลางสัปดาห์กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่ทำให้ “หงส์แดง” ต้องทุ่มเต็มตัว เพื่อเอาชนะและเก็บ 3 คะแนนแรกให้ได้ เพราะ คู่แข่งไม่ใช่ทีมระดับที่จะใส่แค่ 80-90% แล้วจะเอาชนะได้ ทำให้ คล็อปป์ ต้องใส่อย่างที่มีในเกมนั้น และผลก็ออกมาน่าพอใจ

และนั่นเอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นของบทพิสูจน์ถึงขุมกำลังสำรอง ซึ่งเป็นจุดอ่อนใหญ่หลวงของลิเวอร์พูล ในปีที่แล้ว ใครนึกไม่ออก ให้คิดถึงรอบชิงฯ แชมเปี้นนส์ ลีก ตอนตามหลัง เรอัล มาดริด แล้วคิดว่าจะส่งใครไปเปลี่ยนเกมดี

แต่มาปีนี้ พวกเขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ การมีตัวตนในทีมของนักเตะอย่าง โจเอล มาติป, ฟาบินโญ่, เซอร์ดาน ชากิรี่ และแดเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่กลับมาฟื้นคืนชีพ ทำให้ผู้เล่นสำรองของ ลิเวอร์พูล ดู “มีตัวตน” ขึ้นมาทันที และในเกมล่าสุด มาติป กับ ชากิรี่ ก็เล่นได้อย่างโดดเด่นด้วย นั่นยิ่งทำให้พวกเขาดูไร้เทียมทานมากขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ

 

เชลซี กับปัญหาหน้าบอด

AP Photo/Matt Dunham

ปัญหาคลาสสิกของ เชลซี ที่มีส่วนทำให้ อันโตนิโอ คอนเต้ ปลิวจากเก้าอี้ผู้จัดการทีม “สิงห์บลูส์” ในปีก่อน นอกจากเรื่องไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร กับการมีปัญหาขัดแย้งในทีมแล้ว อีกส่วนที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นต้นตอทำให้ผลงานของทีมแย่ มาจากปัญหาการจบสกอร์ไม่ลงของทีมด้วย

การเสมอกับ เวสต์แฮม แบบไร้สกอร์ แสดงถึงปัญหานี้ยังไม่ได้ถูกแก้ไปอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้พวกเขาจะได้กุนซือสายบู๊อย่าง ซาร์รี่ มาทำทีมแล้วก็ตาม

ถ้าไปดูรายชื่อคนทำประตู จาก ประตูทั้งหมด 14 ประตูของ เชลซี จะมีชื่อของ เอแด็น อาซาร์ 5, เปโดร 3, วิลเลี่ยน 2, มาร์กอส อลองโซ่ 1, จอร์จินโญ่ 1, เอ็นโกโล่ กองเต้ 1 และ อัลบาโร่ โมราต้า 1 มันทำให้เราเห็นว่า กองหน้าแท้ๆ ของทีมนี้ ยิงประตูได้แค่ ลูกเดียวเท่านั้น และนั่นควรจะเรียกว่าปัญหาได้แล้ว

ถ้าพวกเขาอยากไล่กัด ลิเวอร์พูล (และยังคงคิดว่า แมนฯ ซิตี้ ด้วย) ไปจนสุดทางจริงๆ เพื่อหวังลุ้นแชมป์ในบั้นปลายสิ่งที่ต้องทำให้ได้เลยคือ เรียกฟอร์มเก่งของตัวจบสกอร์กลับมาให้ได้ไม่ว่าจะเป็น โมราต้า หรือ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ก็ตามที เพราะนั่นจะเพิ่มโอกาสการได้ประตูให้กับทีมมากขึ้นเยอะทีเดียว

 

เบิร์นลีย์ ชื่อนี้ “โกลดีโคตร”

Anthony Devlin/PA via AP

แฟนบอลบ้านเราอาจจะไม่ได้สนใจ เบิร์นลีย์ เท่าไหร่นัก แต่แฟนบอลที่อังกฤษ ค่อนข้างจะสนใจทีมของ ฌอน ไดซ์ ทีมนี้ไม่น้อยเลย เพราะมันเต็มไปด้วยผู้เล่นสัญชาติอังกฤษ ที่อาจจะขึ้นมาเป็นกำลังหลักให้ทีมชาติได้ จน แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องไปนั่งดูเกมที่ เบิร์นลีย์ ลงเล่นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเลย

และนอกเหนือไปว่านั้น เบิร์นลีย์ ตุนผู้เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ซึ่งมีฝีมือดีไว้ถึง 3 คน เป็นสิ่งที่ทีมใหญ่บางทีมยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ปัจจุบันมือ 1 ของทีมคือ โจ ฮาร์ท อดีตนายทวารทีมชาติอังกฤษ ที่นัดล่าสุดเซฟกระจาย จน ไดซ์ หนุนให้กลับไปติดทีมชาติอังกฤษกันเลย ส่วนมือ 2 เป็น ทอม ฮีตัน นักฆ่าบิ๊ก 6 ที่ลงเล่นกับทีมใหญ่ทีไรเป็นเซฟแหลก ไม่เชื่อไปถาม แมนฯ ยู ดูได้ และมือ 1 ตัวจริงที่เจ็บอยู่ อย่าง นิค โป๊ป ก็อยู่ทีมนี้ด้วย

หลังจากนี้ “เจ้าตูบ” ก็น่าจะมีอะไรมาให้เราเซอร์ไพร์ส กันมากกว่าแค่ โกลดี แต่ที่แน่ ๆ เมื่อหลังบ้านไว้ใจได้หน้าบ้านก็ทำงานง่ายขึ้นจริง ๆ

 

อย่ากาชื่อ อาร์เซน่อล ทิ้ง

AP Photo/Tim Ireland

จาก 2 นัดแรก ที่พวกเขาแพ้มารัวๆ วันนี้ อาร์เซน่อล ชนะมา 4 เกมติดแล้ว หลังเปิดบ้าน เชือด เอฟเวอร์ตัน 2-0 จาก 2 ประตูของ 2 กองหน้าของทีม

“ปืนใหญ่” มีสภาพทีมที่ลงตัวขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากค้นพ้บว่า การส่ง อเลซ็องด์ร ลากาแซตต์ ลงเล่นพร้อม ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมยอง ส่งผลในแง่บวกกว่าแง่ลบ และนัดนี้ ก็ยังมาได้ คลีนชีท ที่รอมานานตั้งแต่เปิดฤดูกาลอีก ทำให้ตอนนี้ ความมั่นใจของพวกเขาน่าจะกลับมามากทีเดียว

อันที่จริง ถ้าว่ากันตามรายชื่อบนกระดาษ อาร์เซน่อล ไม่ดีพอที่จะลุ้นแชมป์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่กีฬา โดยเฉพาะฟุตบอล มีสิ่งที่เรียกว่า “โมเมนตั้ม” อยู่ และด้วยฟอร์มแบบนี้ ความมั่นใจระดับนี้ การเล่นสไตล์นี้ ใครมาเจอพวกเขาตอนนี้ ก็คงต้องบอกว่า ลำบากแน่ๆ

 

ยูไนเต็ด… เล่นอะไรกัน

AP Photo/Rui Vieira

ทีมที่น่าปวดหัวแทนแฟนบอลมากที่สุด หนีจะไม่พ้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำได้แค่เปิด โอลด์ แทรฟฟอร์ด เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1 ต่อหน้สบรมกุนซืออย่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

แถมหลังเกม มีดราม่าเกาเหลาระหว่าง ปอล ป็อกบา กับ โชเซ่ มูรินโญ่ ออกมาเป็นระยะถึงกับมีข่าวว่า กองกลางดีกรีแชมป์โลก ถูกยึดตำแหน่งกัปตันทีมคืนไปแล้วอีกต่างหาก

งานนี้ ยูไนเต็ด ส่อแวว “เละ” มากกว่า “ดี” ทั้งผลงานในสนามก็น่าปวดหัวอยู่แล้ว ยังมาเจอเรื่องภายในที่ส่งผลไปยังนอกสนามอีก ถ้าฝ่ายบริหารไม่ทำอะไรสักอย่างกับใครสักคน (มูรินโญ่ หรือ ป็อกบา) รับรองว่า งานนี้บรรดา เร้ด อาร์มี่ ได้เจอฤดูกาลมหาโหดแน่ๆ ครับ

“Mr.BOSTON”

ดูบอลสดฟรี ไม่มีสะดุด ลูกค้าทรูมูฟ เอช รับเน็ต 2GB ดูทรูไอดีฟรี เปิดทรูไอดีทุกวันรับฟรีทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ – 30 พ.ย.61  คลิกเลย

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ กดเลย

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้