รีเซต
TRUE TALK : อดีต ที่ระบายอารมณ์/ปัจุบัน ความทุ่มเท และอนาคตของ ธีรเทพ วิโนทัย  …By “De Fend”

TRUE TALK : อดีต ที่ระบายอารมณ์/ปัจุบัน ความทุ่มเท และอนาคตของ ธีรเทพ วิโนทัย …By “De Fend”

TRUE TALK : อดีต ที่ระบายอารมณ์/ปัจุบัน ความทุ่มเท และอนาคตของ ธีรเทพ วิโนทัย  …By “De Fend”
Supanat
13 ตุลาคม 2561 ( 16:44 )
319

หลังจากฟุตบอล โตโยต้า ไทยลีก ปิดฉากไปเมื่อประมาณช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนนี้ก็เลยไม่ค่อยมีฟุตบอลให้ดูกันสักเท่าไหร่ แต่ทาง TrueID Sport ก็ยังคงสรรหาเรื่องราวในวงการฟุตบอลไทย มาเสริฟให้กับเพื่อนๆทุกคนอยู่ตลอด โดยวันนี้จะเป็นเรื่องราวของ ลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย นักฟุตบอลขวัญใจมหาชน จากทีม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด สโมสรที่คว้ารองแชมป์ไทยลีกได้ในปีนี้

เรามีนัดกับ ลีซอ ที่ร้านกาแฟ True Coffee สาขาธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นร้านกาแฟที่ตั้งอยู่ในโซนห้องสมุดของมหาวิทยาลัย บรรยากาศร้านดี เงียบสงบ โดยเหมาะแก่การไปนั่งอ่านหนังสือ หรือคนที่ต้องการนั่งทำงานแล้วหาอะไรเย็นๆดื่ม และที่สำคัญพนักงานร้านมีความเป็นกันเองสุดครับ

เราเริ่มสนทนากันในช่วงประมาณบ่ายๆแก่ของวัน ก่อนที่ ลีซอ จะต้องไปรายงานตัวซ้อมกับทีมในช่วงเย็น โดยเราพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับวงการฟุตบอลไทย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องชีวิตการค้าแข้งในสโมสร “แข้งเทพ” เป็นหลัก

ผลงาน/แนวทาง/เป้าหมาย/อนาคต

ผมเปิดการสนทนาด้วยคำถามเกี่ยวกับผลงานของทีม ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ว่าผลงานในภาพรวมของทีมในปีเป็นอย่างไรบ้าง น่าพอใจมากน้อยแค่ไหนกับการจบอันดับที่ 2 ในฟุตบอลไทยลีกปีนี้

“พอใจนะครับ เพราะว่าเราสามารถรักษามาตรฐานที่เราทำไว้เมื่อปีที่แล้วและปีก่อนได้ ซึ่งมันก็ทำให้เป้าหมายของเราบรรลุอย่างหนึ่ง นั่นคือการได้ไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึงแม้จะเป็นรอบคัดเลือกก็ตาม แต่เราก็สามารถทำได้อีกครั้ง ทว่าเป้าหมายหลักจริงๆของเราก็คือการคว้าแชมป์มาครองให้ได้”

แนวทางการเล่นของ บียู ถูกยกระดับขึ้นมาก หลังจากที่ทีมแต่งตั้ง มาโน่ โพลกิ้ง ผู้จัดการทีมมากประสบการณ์ชาวบราซิล เข้ามากุมบังเหียนเมื่อฤดูกาล 2016 และตลอดระยะเวลาการคุมทีม 3 ปีเต็ม มาโน่ สามารถทำให้สโมสร “แข้งเทพ” ก้าวขึ้นเป็นทีมลุ้นแชมป์แบบเต็มตัว ด้วยผลงานการพาทีมจบอันดับที่ 2 (75 คะแนน) ได้ตั้งแต่ปีแรก ทำให้ทีมผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอล เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร และในฤดูกาลต่อมาก็พาเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ได้เป็นครั้งแรกเช่นเดียวกัน แต่ในลีกจบได้เพียงอันดับที่ 3 (66 คะแนน) เท่านั้น กระทั่งปีล่าสุดเขาก็สามารถพาทีมกลับมาคว้าอันดับที่ 2 (71 คะแนน) ตีตั๋วกลับไปเล่นบอลเอเชีย เป็นครั้งที่ 2 ได้สำเร็จ ซึ่งทั้งหมดถือได้ว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของสโมสร นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาอยู่บนลีกสูงสุด เมื่อปี 2013 และในตอนนี้ “แข้งเทพ” มีการเตรียมตัวเกี่ยวกับแผนการที่จะใช้รับมือในฤดูกาลหน้าต่อไปเรียบร้อยแล้ว

“เรามีการพูดคุยกันเกี่ยวกับแนวทางของทีมฤดูกาลหน้าบ้างแล้วครับ โดยส่วนใหญ่เป็นเรื่องของระบบการเล่นมากกว่า เราวางแผนกันว่าจะปรับเปลี่ยนระบบการเล่นในสนามใหม่ เราจะลองใช้ระบบการเล่นในรูปแบบอื่นบ้าง ซึ่งเราก็ได้มีการเตรียมตัวมากันมาก่อนแล้ว แต่จะเริ่มลองใช้จริงๆในปีหน้า แล้วหลังจากนั้นเราก็ต้องมาดูกันอีกทีว่ามีอะไรต้องปรับจูนกันเพิ่มบ้าง”

“ส่วนรูปแบบการเล่นก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากครับ เพราะว่าเราเคยใช้ระบบการเล่นนี้มาก่อนแล้ว ซึ่งคนที่อยู่มาก่อนก็จะเข้าใจดี อาจจะมีแค่คนใหม่ๆที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ว่ามันก็เป็นแค่ระบบตามตัวเลข 3-5-2, 4-4-2, 4-1-4-1 ประมาณนี้ครับ แต่ว่าโดยรวมแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรมาก”

เป้าหมายส่วนตัว?

“ก็เป็นเป้าหมายเดียวทีมครับ เป็นเป้าหมายหลัก เพราะว่าเราอยากคว้าแชมป์ให้ได้ อยากเป็นแชมป์ฟุตบอลถ้วยสักถ้วยหนึ่ง ซึ่งเรายังทำไม่ได้ แต่ว่าก็ไม่เป็นไร เพราะว่าอย่างน้อยเราก็ได้ไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้เหมือนกัน ก็ถือว่าเราพอใจนะครับ แล้วอีกเรื่องที่คิดไว้ก็คือเรื่องของการยิงประตูครับ ผมตั้งใจว่าอยากจะยิงให้ได้เป็นเลข 2 หลักครับ สัก 10 ประตูขึ้นไปอะไรแบบนั้น ซึ่งก็อยากทำให้ได้”

ครั้งล่าสุดที่ ลีซอ ยิง 10 ประตูในลีก ได้นั้น คือปี 2008 ในสมัยค้าแข้งอยู่กับ บีอีซี เทโรศาสน โดยเขายิงไปทั้งหมด 12 ประตู จนสามารถคว้ารางวัลกองหน้ายอดเยี่ยมได้ในปีนั้น

“แต่จริงๆแล้ว ผมไม่ได้ซีเรียสว่าตัวเองจะต้องยิงให้ได้เยอะๆเพื่อดาวซัลโวนะ คือผมอยากเล่นเพื่อทีมมากกว่า ผมคิดว่าฟุตบอลมันสำคัญตรงนี้ คือผมอยากมีส่วนร่วมทั้งเกมรุกและเกมรับ เพราะฉะนั้นผมเลยไม่ได้มีหน้าที่รอยิงประตูเพียงอย่างเดียว”

“คือจริงๆผมชอบลงมาเล่นกับเพื่อนด้วยครับ ชอบมาช่วยเกมรับ ซึ่งมันก็อาจจะมีบ้างจังหวะที่ผมไม่ได้อยู่ในจุดที่ควรจะต้องอยู่ และก็อาจจะเป็นเพราะว่าตัวผมไม่ใช่กองหน้าสายเข้าฮอตอะไรแบบนั้น ซึ่งถ้าเป็นแบบสมัยก่อนที่เราไม่ต้องลงมาช่วยเกมรับเลย มันก็อาจจะทำให้เรายิงประตูได้เยอะขึ้นครับ”

“ตอนนี้หน้าที่ในทีมของผมก็มีเยอะขึ้น และเราเองก็มีสภาพร่างกายที่ดี โค้ชเลยสั่งให้เรามาช่วยเกมรับด้วย เนื่องจากเราเป็นคนที่มีวินัยมากพอสมควร ซึ่งทั้งหมดมันก็เป็นการทำเพื่อทีมครับ”

ทีมชาติไทย?

“กลับมาติดทีม จรืงๆ ผมไม่ได้คาดหวังเท่าไหร่นะ เพราะว่าผมไม่มีชื่อในเกมอุ่นเครื่องในปีนี้เลย อาจจะมีหลายคนที่เชียร์ให้ผมติดทีมชาติ หลังจากที่เขาเห็นผลงานของผม แต่ผมก็ไม่ได้คาดหวัง อาจจะเป็นเพราะว่าเขามองว่าเราอายุเยอะแล้วก็ได้ แต่ถ้ามีโอกาสติดเราก็ยังยินดีรับใช้นะ เพราะว่าเราจะเป็นคนที่รู้ตัวเองว่าเราไหวหรือไม่ไหว”

ธีรเทพ วิโนทัย สัมผัสชีวิตลูกหนังตั้งแต่อายุเพียง 8 ขวบ และเขาก็ก้าวขึ้นมาเป็นซูปเปอร์สตาร์ชาวไทย ที่เล่นให้ทั้งชั้นนำในไทย และเล่นในต่างประเทศมาแล้ว ปัจจุบัน ลีซอ อายุก้าวเข้าสู่เลข 3 ไปแล้ว แน่นอนคำถามที่ตามมาก็ การแขวนสตั๊ด

“ผมไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าอีกกี่ปีจะเลิกเล่น เพราะว่าผมอยู่กับฟุตบอลมาตั้งแต่เด็ก เพราะฉะนั้นเราจะเล่นจนกว่าเราจะไม่ไหว และถ้าหากถึงช่วงที่ผมรู้สึกว่าผมไม่ไหวแล้ว ผมก็จะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแทน แล้วพอถึงตอนนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที แต่ตอนนี้สภาพร่างกายผมยังฟิตสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็น ไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆมารบกวน เพราะว่าผมดูแลตัวเองดีตลอด”

“มันก็มีหลายๆคนที่ชอบมาพูดว่าเราไม่น่าจะเล่นไหวแล้ว(น้ำเสียงประชดผสมตลก) แต่ผมก็รู้สึกว่าผมยังไม่อยากเลิกเล่น เพราะคิดว่าเราก็ยังไม่ได้ฝีมือตกมากขนาดนั้น ผมเลยรู้สึกว่ามันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเลิก ซึ่งผมก็อยากจะรักษามาตรฐานที่ดีของตัวเองให้ได้นานที่สุด และต้องการเล่นอยู่ในลีกสูงสุดให้นานที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ครับ”

หนึ่งในอาชีพที่นักฟุตบอลหลายคนอยากจะต่อยอดไปหลังลงไปฟาดลวดลายบนพื้นหญ้าไม่ไหว ก็คือ เฮดโค้ช เช่นที่เราหลากหลายคนในยุคนี้ ไล่ตั้งแต่ ซิโก้, โค้ชโชค, โค้ชจุ่น แต่ ลีซอกลับให้คำตอบที่แอบสะดุงอยู่ไม่น้อย

“แต่ถ้าผมเลิกเล่นแล้ว ผมก็จะยังอยู่ในวงการฟุตบอลต่อไปแน่นอน แต่คงไม่ใช่ในฐานะผู้จัดการทีม เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ในเมืองไทย มันเป็นอาชีพที่กดดันมาก และหากเราทำพลาดแม้แต่นิดเดียว เราก็จะถูกโจมตีทันที ผมก็เลยคิดว่าไม่อยากพาตัวเองเข้าไปอยู่ตรงนั้นครับ”

“ที่ผ่านมาเราก็ไม่ค่อยเห็นอดีตนักฟุตบอลคนไหนที่จะทำทีมประสบความสำเร็จมากเท่าที่ควร แต่มันก็มีบางคนที่ทำได้ดี เช่น พี่โอ่ง (ดุสิต เฉลิมแสน),พี่วัง (ธวัชชัย ดำรงอ่องตระกูล) แต่ว่ามันก็เป็นส่วนน้อยครับ ผมเลยคิดว่ามันไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไหร่ เลยอยากทำอะไรที่มันมั่นคงมากกว่า เช่น งานด้านบริหารครับ ส่วนเรื่องการทำทีมก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนที่มีประสบการณ์มาทำจะดีกว่าครับ”

 

หลังจากจบการสนทนาเรื่องส่วนตัวของ ลีซอ กับ สโมสร ทรู แบงค็อก เรียบร้อยแล้ว เราก็มีการพูดคุยกันต่อถึงประเด็นที่ลดจำนวนทีมลงเหลือ 16 ทีม ในฟุตบอลไทยลีก ว่า ลีซอ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง ผลดีผลเสียคืออะไร รายได้จะลดลงหรือไม่ รวมไปถึงความรู้สึกต้องทีมเก่าอย่าง เทโร ตกชั้นไป?

“ผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่ดีนะ เพราะจะได้มีแต่ทีมที่มีศักยภาพพร้อมจริงๆทั้งในและนอกสนาม และมันจะเป็นการทำให้ฟุตบอลในประเทศของเราแข็งแกร่งมากขึ้น และแต่ละทีมก็จะสามารถสู้กันได้อย่างเต็มที่มากขึ้น คนดูก็ได้ผลประโยชน์มากขึ้น อีกอย่างผู้คนก็จะได้หันมาสนใจฟุตบอลมากขึ้นด้วยครับ”

“เรื่องผลเสีย ผมมองว่าไม่น่ามีนะครับ เรื่องรายได้ก็อาจจะเพิ่มขึ้นด้วย เพราะถ้าคุณพัฒนาทีมของตัวเองให้ดีขึ้นแล้ว คนดูก็จะเพิ่มขึ้นตามไปเอง จำนวนเกมที่ลดลงผมมองว่ามันไม่ค่อยมีผลกระทบเท่าไหร่ ผมคิดว่าการทำแบบนี้มันจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแน่นอน”

“ส่วนเรื่อง เทโร ผมไม่ได้ซีเรียสนะ คือมันเป็นวัฐจักรของฟุตบอล ซึ่งแต่ละทีมมันก็ต้องมีขึ้นมีลง และด้วยเวลาที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันก็ทำให้ทีมมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ผลการแข่งขันมันไม่เป็นใจเท่าไหร่สำหรับ เทโร ในปีนี้ ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ก็ต้องช่วยกันแก้ไขว่าจะทำอย่างไรต่อไป ผมเองก็ค่อยเอาใจช่วยอยู่ตลอดครับ”

หลังจาก ลีซอ เริ่มเข้าสู่การเป็นนักฟุตบอลเยาวชนทีมชาติไทย เส้นทางอาชีพของเขาก็ต้องพบเจอกับอุปสรรคต่างๆมากมายมา เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตาม ก็มักจะถูกการวิพากษ์วิจารณ์โจมตีอยู่ตลอด โดยเฉพาะจากเหล่าของแฟนบอล ซึ่งมันก็จะคล้ายคลึงกับสถานการณ์ของนักเตะทีมชาติไทยชุด U23 ที่โดนแฟนบอลโจมตีอย่างหนัก

“ถ้าหากพูดถึงความเป็นจริงหรือสิ่งที่ควรจะเป็นก็คือ การที่เรามาอยู่ในจุดๆนี้ เรากลายเป็นคนของประชาชนแล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนมีสิทธิ์ที่จะสามารถเข้าถึงเราได้ และเขาก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์เราได้หมด ดังนั้นเราต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้”

“มันเป็นสิทธิ์ของเขา ต่อให้เขาพูดแบบไหนกับเราก็แล้วแต่ เพราะว่าการวิพากษ์วิจารณ์มันไม่ใครผิดใครถูก มันอยู่ที่คนๆนั้นจะคิดแบบไหน ยิ่งถ้าหากเขาพูดในสิ่งที่มันไม่ใช่ตัวของเรา เราก็ควรที่จะอยู่เฉยๆ แต่ถ้าเรื่องไหนที่มันเกี่ยวกับตัวเราจริงๆหรือเราไม่ดีจริงๆ เราก็ควรที่จะรับฟังและเก็บเอาจุดเสียตรงนั้นกลับไปแก้ไข เราไม่จำเป็นต้องไปตอบโต้ใดๆ ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถอธิบายให้ทุกคนเข้าใจเราได้ทั้งหมด”

“อย่างตัวผมเอง ผมก็ไม่เคยไปตอบโต้ใครกลับนะ แต่ก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทำใจ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องธรรมดา ผมมองว่ามันเหมือนกับเหรียญที่มีสองด้าน มันมีทั้งด้านที่เราชอบ และด้านที่เราไม่ชอบ แต่ว่ามันก็ไม่มีใครที่เกลียดเราทั้งหมด และไม่มีใครที่ชอบเราทั้งหมด ยิ่งการที่คุณเป็นคนมีชื่อเสียง เป็นคนของประชาชน เป็นคนที่ทุกคนจับตามองมากเท่าไหร่ คุณก็จะต้องเป็นที่คนมีความอดทนมากเท่านั้น ซึ่งวิธีการที่ดีที่สุดก็คือ ไม่ต้องไปตอบโต้ใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่เช่นนั้นผลเสียมันจะตกอยู่ที่ตัวเราเต็มๆ”

“แต่ถ้าอีกมุมหนึ่งผมอยากฝากถึงแฟนบอลนะถ้า คุณคิดจะด่า ให้เข้ามาด่าในสนาม”

“ถ้าคุณซื้อตั๋วเข้ามาดูเราในสนาม เรายินดีให้คุณด่าเต็มที่เลย เพราะถือว่ามันเป็นการสนับสนุนฟุตบอล ยิ่งถ้าคุณซื้อตั๋วเข้ามาดูมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งสามารถด่าได้มากเท่านั้น แต่ถ้าคุณด่าผมในโซเชียล ผมมองว่ามันไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ และผมสามารถดำเนินคดีกับคุณได้ ซึ่งหากคุณอยากด่าเราจริงๆก็ให้มาด่าต่อหน้าเลย ผมไม่กลัวถ้าคุณจะด่าผมในสนาม อีกอย่างมันจะได้เป็นการสนับสนุนบอลไทยมากขึ้นด้วย”

“การจ่ายเงิน 100-200 เข้ามาในสนาม คุณก็ได้ดูบอลด้วย ได้ด่าคนด้วย ได้เชียร์ทีมที่ตัวเองชอบด้วย และมันคุ้มค่ากว่าเยอะ ดีกว่าคุณไปนั่งด่าเราในโซเชียล ซึ่งมันไม่สนุกหรอก”

“เราในฐานะนักฟุตบอลเอง ก็ได้ทำให้พวกคุณมีความสุขด้วย ถ้าคุณด่าเราแล้วคุณมีความสุข เราก็มองว่ามันเป็นเรื่องดีเหมือนกัน เพราะถือเราก็ได้บุญไปด้วยครับ”

กว่าเกือบ 20 นาทีที่สนทนากันเรื่องของฟุตบอลในวันนั้น ซึ่งมันก็ทำให้ผมเข้าใจในมุมมองของการเป็นนักฟุตบอลที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในวงการอันแสนหฤโหดนี้ และสิ่งที่ผมสัมผัสได้จากการนั่งพูดคุยกับ ลีซอ ก็คือเขาเป็นคนที่มีความเป็นมืออาชีพมาก การวางตัวที่เหมาะสมต่างๆทั้งในและนอกสนามของเขา มันทำให้เขายังคงเป็นนักฟุตบอลขวัญใจมหาชนชาวไทยอยู่เช่นเคย และผมก็เชื่อว่าผู้ชายที่ชื่อ ลีซอ ธีรเทพ วิโนทัย คนนี้จะสามารถเป็นแบบอย่างดีของนักฟุตบอลไทยทุกคนได้ และเชื่อว่าว่าในอนาคตเขาจะเป็นคนที่ช่วยพัฒนาวงการฟุตบอลไทยให้ก้าวไปไกลได้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน

“De Fend”

ดูบอลสดฟรี ไม่มีสะดุด ลูกค้าทรูมูฟ เอช รับเน็ต 2GB ดูทรูไอดีฟรี เปิดทรูไอดีทุกวันรับฟรีทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ – 30 พ.ย.61  คลิกเลย

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ กดเลย

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้

สิทธิประโยชน์แนะนำ