รีเซต
TRUE TALK : ปรับ / เปลี่ยน / ปลด : สิ่งที่ ราเยวัช ควรแก้ไข ก่อนศึกเอเชี่ยนคัพ 2019 ... by "จอน"

TRUE TALK : ปรับ / เปลี่ยน / ปลด : สิ่งที่ ราเยวัช ควรแก้ไข ก่อนศึกเอเชี่ยนคัพ 2019 ... by "จอน"

TRUE TALK : ปรับ / เปลี่ยน / ปลด : สิ่งที่ ราเยวัช ควรแก้ไข ก่อนศึกเอเชี่ยนคัพ 2019 ... by "จอน"
armcasanova
10 ธันวาคม 2561 ( 17:28 )
49

รุนแรงเหลือเกิน สำหรับกระแสของแฟนบอลทีมชาติไทย ภายหลังการตกรอบรองชนะเลิศ ศึกฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 จากกฏประตูทีมเยือน หรือ อะเวย์โกล ที่พ่ายต่อ ทีมชาติมาเลเซีย หลังจากเสมอกันที่ประตูรวมสองเกม 2-2


การพลาดคว้าแชมป์อาเซียนเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน ได้ทำให้เกิดกระแสในหมู่แฟนบอล
บ้างก็ว่า ต้องปลด มิโลวาน ราเยวัช และทีมงานโดนด่วน
บ้างก็ว่า เป็นความผิดพลาดด้านแทคติกของ ราเยวัช ที่ล้าสมัย และไม่กล้าพอ
บ้างก็ว่า สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องรับผิดชอบต่อผลงานที่เกิดขึ้น
บ้างก็ว่า นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ต้องรับผิดชอบต่อผลงานที่เกิดขึ้น
บ้างก็ว่าไปต่างๆ นาๆ

แต่ท้ายที่สุด แม้ผลการสอบกลางภาคของ ราเยวัช จะทำให้เขาเสียศูนย์ไปพอสมควร จากการพลาดเข้าชิงชนะเลิศที่เกิดขึ้น ทว่าสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย นำโดย พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ก็ยังคงสนับสนุนเฮ้ดโค้ชชาวเซอร์เบียรายนี้ ให้ทำหน้าที่ต่อในศึกเอเชี่ยนคัพ 2019 ซึ่งเป็นศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชียครั้งแรกของทีมชาติไทย ในรอบ 12 ปี โดยมีเป้าหมายอย่างน้อย คือ การผ่านเข้ารอบน็อกเอาท์ หรือ รอบ 16 ทีมสุดท้ายให้ได้ครั้งแรก (ไม่นับครั้งแรกสุดที่ทีมชาติไทย ได้ที่ 3 แบบไม่ชนะใครเลย เพราะมี 6 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน)

และ เอเชี่ยนคัพ นั่นคือ การวัด “ผลงาน” และ “ผลสอบ” ของ ราเยวัช อย่างแท้จริง ว่าเขาจะมีโอกาสไปต่อไหมกับทัพ “ช้างศึก” หรือต้องยุติเพียงแค่นี้

ซึ่งก่อนจะถึงวันนั้น มีหลายอย่างที่ ราเยวัช ต้องทำในวันนี้ ไม่ใช่สิ ต้องเริ่มต้นตอนนี้เลย และต้องทำทันทีด้วย เพราะฟุตบอล เอเชี่ยนคัพ ก็ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว (อีกเพียงแค่ 3 อาทิตย์เท่านั้น ก็จะต้องเดินทางสู่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซะแล้ว)



โจทย์แรก : จตุรเทพกลับมา แทนใครบ้าง?


เป็นที่ทราบกันว่า “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์, ธีราทร บุญมาทัน, ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีรศิลป์ แดงดา สี่นักเตะที่ออกนอกประเทศไปค้าแข้งยัง เจ ลีก สามราย และลีกรองของเบลเยียมอีก 1 ราย นั้น จะได้กลับมาช่วยทีมชาติไทย ในศึกเอเชี่ยนคัพ 2019

ซึ่งการเข้ามาของจตุรเทพ แน่นอน จะต้องมี 4 นักเตะเป็นอย่างน้อยของทีมชุดเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ครั้งนี้ ที่ต้องออกจากทีมไป

นี่คือโจทย์แรก นั่นคือ นักเตะ 23 คนของ ราเยวัช จะหน้าตาเป็นเช่นไร…



โจทย์ 2 : จัดทีมอย่างไรดี


เมื่อได้ 23 นักเตะมาแล้ว ทีนี้แหละ โจทย์ต่อไปของ ราเยวัช คือ การจัดทีม จะทำอย่างไร เมื่อ กรกช วิริยะอุดมศิริ แบ็คซ้ายของทีม ทำผลงานได้ดีมากๆ และมีจุดเด่นอย่างชัดเจนในเรื่องของลูกนิ่ง ซึ่ง ธีราทร บุญมาทัน จะถูกขยับขึ้นไปด้านบนไหม หรือเล่นตรงกลางสนาม

ชนาธิป สรงกระสินธ์ นักเตะที่เป็นตัวความหวังที่สุดของทีม จะทำให้ สรรวัชญ์ เดชมิตร ต้องถูกส่งชื่อเป็นเพียงตัวสำรองหรือไม่ ในเมื่อทั้งคู่นั้น จะสามารถรีดศักยภาพของตัวเองออกมาได้มากที่สุด ในตำแหน่งเดียวกัน

ในการแข่งขันในระดับเอเชีย กองกลางสามคนของทีมชาติไทย บริเวณกลางสนาม จะถูกแปรเปลี่ยนเป็นกองกลางแบบคว่ำไหม (กลางรับ 2 คน) เนื่องจากฟุตบอลระดับเอเชียนั้น ยากกว่าระดับอาเซียนอยู่แล้ว

ไหนจะปีกขวาอีก ที่ในช่วง อาเซียนคัพ มีการใช้งานในตำแหน่งนี้ หลายคน ทั้ง มงคล ทศไกร, นูรูล ศรียานเก็ม, ปกรณ์ เปรมภักดิ์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และ ศศลักษณ์ ไหประโคน ซึ่งต้องสรุปให้ได้ก่อนเอเชี่ยนคัพว่า ตำแหน่งนี้ ใครเหมาะสมที่สุด



โจทย์ 3 : แก้ไขจุดอ่อน


ทีมชาติไทย มีจุดอ่อนอย่างหนึ่งที่ชัดเจนมากๆ ที่เห็นได้จากในศึก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 นั่นคือ การเล่นนอกบ้าน เพราะไม่สามารถเอาชนะใครได้เลย (เสมอ ฟิลิปปินส์ 1-1 และ เสมอ มาเลเซีย 0-0) และแน่นอนว่า การลงเล่นในศึกเอเชี่ยนคัพนั้น ก็เปรียบเสมือนกับการเล่นนอกบ้านทุกนัด ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของพื้นที่เกมรับกลางสนาม ที่มักจะเปิดช่องโหว่ให้โจมตีได้ บอลมักจะทะลุทะลวงเข้าสู่พื้นที่อันตราย ให้คู่แข่งได้โจมตี (แม้ในรอบแรก คู่แข่งจะเจาะไม่เข้าก็ตามที แต่พอในเกมกับ มาเลเซีย ก็ได้เห็นจุดนี้อย่างชัดเจน)

ผมว่า ราเยวัช กับทีมงาน “มองเห็น” จุดอ่อนของทีม อย่างแน่นอน ไม่ใช่ไม่เห็น และเชื่อเหลือเกินว่า เขาจะพยายามแก้ไขมันอย่างดีที่สุด และนี่คือสิ่งที่เราจะมาติดตามดูกัน



โจทย์ 4 : เกมรุกควบคู่เกมรับ


เกมรับ คือ จุดเด่นของ ราเยวัช มาโดยตลอด ฉะนั้นเขาจึงเน้นปรัชญาการทำงานกับทีมชาติไทย ในยุคนี้ ที่เกมรับมาก่อนเกมรุก แต่เมื่อวันใดเกมรับไม่ทำงาน ธรรมชาติของเกมรุกที่ไม่ได้ถูกทำให้ฝึกมาพบกับความกดดัน หรือมีความหลากหลายในการโจมตี ก็จะกลายเป็นหนามยอกอก ทิ่มแทงเขาได้ทันที

ดูอย่างการขึ้นนำ มาเลเซีย ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ในวันที่เกมรับไม่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ ก็ทำให้เสียประตูตีเสมอ จนเป็นเหตุให้ตกรอบไปด้วยกฏประตูทีมเยือน

ทีมชาติไทย มีเวลาอีกไม่น้อย หากไม่นับจังหวะยิงจุดโทษพลาดของ อดิศักดิ์ ไกรษร แต่ทว่า ความกดดันที่เกิดขึ้นหลังจากโดนตีเสมอ และความหลากหลายในการโจมตีที่ไม่มีมากพอ ก็ทำให้ทีมชาติไทย ถูกจัดการเกมรุกได้อย่าง “เกือบ” อยู่หมัด จะมีก็เพียงไม่กี่จังหวะที่เกือบขึ้นนำอีกครั้ง (ขอย้ำอีกครั้งว่าไม่นับจังหวะจุดโทษ)

ฉะนั้น หากในศึกเอเชี่ยนคัพ ทีมชาติไทย มาในรูปแบบหวังประตูจากแพทเทิร์นเดิม ไม่มีความหลากหลายมากพอกับทีมระดับเอเชีย ทั้งที่มีตัวผู้เล่นระดับ ธีราทร, ธีรศิลป์ และ ชนาธิป ก็อาจจะต้องน้ำตาตกอีกครั้ง

…. แต่หากโจทย์เหล่านี้ ถูกตีแตกโดย มิโลวาน ราเยวัช
การผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ ของศึกเอเชี่ยนคัพ ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
และการเก็บชัยชนะในศึกเอเชี่ยนคัพ รอบสุดท้าย ในเวลาปกตินอกประเทศครั้งแรก (เคยชนะ 1 แมตช์สมัยที่เป็นเจ้าภาพ เมื่อปี 2007 โดยชนะโอมาน 2-0)

ก็อาจจะเกิดขึ้นจริงๆ ก็เป็นได้….



“จอน”

 

ดูบอลสดฟรี ไม่มีสะดุด ลูกค้าทรูมูฟ เอช รับเน็ต 2GB ดูทรูไอดีฟรี เปิดทรูไอดีทุกวันรับฟรีทุกวัน ตั้งแต่วันนี้ – 30 พ.ย.61  คลิกเลย

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ กดเลย

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้