รีเซต
TRUE TALK : ก่อนตัดตัว! วิเคราะห์ 27 ขุนพล ชุดลุยศึก เอเชียน คัพ 2019 ... by "จอน"

TRUE TALK : ก่อนตัดตัว! วิเคราะห์ 27 ขุนพล ชุดลุยศึก เอเชียน คัพ 2019 ... by "จอน"

TRUE TALK : ก่อนตัดตัว! วิเคราะห์ 27 ขุนพล ชุดลุยศึก เอเชียน คัพ 2019 ... by "จอน"
Supanat
19 ธันวาคม 2561 ( 12:16 )
70
1

ถึงวันตบเท้าเข้าคิวรายงานตัวเรียบร้อย สำหรับ 27 นักเตะทีมชาติไทย ชุดเตรียมทำศึก เอเชียนคัพ 2019 ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และนี่ก็คือสิ่งที่บ่งบอกว่า การเดินทางสู่ความฝันอันยิ่งใหญ่กำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว

สำหรับ 27 รายชื่อนั้น ได้ประกาศตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด 6 คนจากชุดพลาดแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2019 หากไม่นับ 4 ผู้เล่นจากลีกต่างประเทศที่กลับมารับใช้ชาติอีกครั้งอย่าง กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ (โอเอช ลูเวิน), ชนาธิป สรงกระสินธ์ (คอนซาโดเล่ ซัปโปโร), ธีรศิลป์ แดงดา ((ซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า (ยืมตัว)) และ ธีราทร บุญมาทัน ((วิสเซิ่ล โกเบ (ยืมตัว))

6 รายจาก เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่หลุดไปก็คือ นูรูล ศรียานเก็ม, ปกรณ์ เปรมภักดิ์ และ มงคล ทศไกร สามปีกขวา โดยรายสุดท้ายอย่าง “จ่าเย็น” ถึงกับประกาศเลิกเล่นทีมชาติไทยเลยทีเดียว

ส่วนอีกสามคนก็มี มานูเอล ทอม เบียร์ห ที่มีอาการบาดเจ็บ, ฟิลิป โรลเลอร์ และ เควิน ดีรมย์รัม แบ็คขวา กับ แบ็คซ้ายลูกครึ่ง โดย 6 นักเตะที่คัมแบ็คกลับสู่ทีมชาติไทย ก็มีทั้ง ทริสตอง โด และ พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา สองนักเตะใหม่ของ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด รวมถึง อดิศร พรหมรักษ์, ชินภัทร ลีเอาะ, สุภโชค สารชาติ และแนวรุกที่สร้างความเซอร์ไพรส์สุดๆ อย่าง สิโรจน์ ฉัตรทอง

แม้จะมีเสียงวิจารณ์ในหลายๆ จุด แต่นี่คือ 27 ผู้เล่นก่อนตัดตัวที่มาจากการเฟ้นการคิดการวิเคราะห์ของ มิโลวาน ราเยวัช และทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ช ที่มีเดิมพันการผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์เป็นอย่างน้อยของศึกเอเชียนคัพ เป็นบันไดด่านแรกที่ต้องก้าวข้ามไปให้ได้

การตอบโต้เสียงวิจารณ์ นั่นคือ การต้องทำงานหนักของ ราเยวัช และต้องทำเป้าหมายให้ประสบความสำเร็จให้ได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวผมเองก็อยากจะวิเคราะห์ในหลายๆ จุดของการเรียกตัวทั้ง 27 คนในครั้งนี้
จะเป็นเช่นไร ลองอ่านกันได้เลยครับ

ผู้รักษาประตู

ถ้าไม่มีอะไรผิดแปลกให้คิดมากนัก ในตำแหน่งผู้รักษาประตู ทางด้าน กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ จะกลับมาเป็นมือหนึ่ง ทีมชาติไทย ในเอเชี่ยนคัพ 2019 ครั้งนี้แน่นอน ทว่าสิ่งที่ทำให้ต้องลุ้นหนักนั่นคือ “เจ้าตอง” ยังมีอาการบาดเจ็บบริเวณใต้เท้าระหว่างนิ้วโป้ง และนิ้วชี้อยู่ ทำให้เขาต้องพลาดการลงสนามในลีกรองของเบลเยี่ยมจนถึงปัจจุบัน

และหากอาการบาดเจ็บดังกล่าว ไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพปกติได้ รายชื่อของสามนายทวารของทีมชาติไทย ที่ได้บุกดินแดนอาหรับก็จะเป็นสามคนที่เหมือนกับตอนแข่งขัน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ นั่นเอง (ฉัตรชัย บุตรพรหม, ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน และ สรานนท์ อนุอินทร์)

กองหลัง

ในตำแหน่งกองหลัง มานูเอล ทอม เบียร์ห, ฟิลิป โรลเลอร์ และ เควิน ดีรมย์รัม ถูกแทนที่ด้วย อดิศร พรหมรักษ์, ชินภัทร ลีเอาะ, ทริสตอง โด, พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา และ ธีราทร บุญมาทัน ก่อนการตัดตัว

เริ่มต้นที่ตำแหน่งแบ็คขวา การได้ ทริสตอง โด เข้ามาแทนที่ ฟิลิป โรลเลอร์ ก็ค่อนข้างชัดเจนว่า โรลเลอร์ สอบไม่ผ่านจากผลงาน ในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่ผ่านมา ไม่เหมือนกับ มิก้า ชูนวลศรี ที่ได้ไปต่อ โดย ทริสตอง โด มีความหลากหลายในการเล่นเกมรุกด้านขวาได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ตำแหน่งแบ็คขวา ยังมี อดิศร พรหมรักษ์ อีกคนที่เล่นได้เช่นเดียวกัน รวมถึง ชินภัทร ลีเอาะ ด้วย นั่นทำให้ทีมชุดนี้ มีแบ็คขวาที่สามารถหุบเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟได้ถึง 3 คน ซึ่งหมายความว่า เราอาจจะได้เห็นระบบหลังสามเวลาต้องการบุก หรือ เซ็นเตอร์ 3 คน พร้อมวิงแบ็คอีกสองข้าง เวลาต้องการเกมรับเน้นๆ

มากันที่ตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ แน่นอนว่า พรรษา เหมวิบูลย์ และ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว น่าจะเป็นคู่เซ็นเตอร์ที่จะถูกใช้งานเกือบ 100% เต็ม ส่วนตัวซัพพอร์ตรายอื่นๆ ก็มี อดิศร พรหมรักษ์, สุพรรณ ทองสงค์ และ ชินภัทร ลีเอาะ รวมถึง มิก้า ชูนวลศรี ที่เล่นในตำแหน่งนี้ได้เช่นกัน ซึ่งตำแหน่งนี้ อาจจะมีการตัดชื่อ 1 ราย ก็ต้องรอดูกันต่อไป

ปิดท้ายกันที่ แบ็คซ้าย มีจุดน่าสนใจ นั่นคือ การกลับมาของ ธีราทร บุญมาทัน แต่ทาง ราเยวัช ยังเรียกตัว พีระพัฒน์ โน้ตชัยยา เข้ามาเสริมทีมด้วย โดยมี เควิน ดีรมย์รัม หลุดออกจากทีมไปแค่รายเดียวในตำแหน่งนี้

ฉะนั้น หาก “เจ้าบาส” กับ “เจ้ามิงค์” กรกช วิริยะอุดมศิริ ติดไปพร้อมกัน เราก็อาจจะได้เห็น ธีราทร บุญมาทัน เล่นในตำแหน่งอื่นๆ เพราะ กรกช เองก็เด่นมากในช่วงที่ผ่านมา ส่วน ธีราทร บุญมาทัน ก็สามารถเล่นได้อีกหลายตำแหน่ง ทั้งมิดฟิลด์ตัวกลาง รวมถึงกราบซ้ายตัวบนก็เล่นได้อีกด้วย

กองกลาง

จากการตัดตัวผู้เล่นแนวรุกทางกราบขวาออกไปถึง 3 ราย ทั้ง นูรูล, มงคล และ ปกรณ์ หลังทั้งหมด “สอบไม่ผ่าน” จากผลงานในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 และไม่มีการเพิ่มเติมตำแหน่ง “ปีกธรรมชาติ” เลยแม้แต่คนเดียว โดย ทริสตอง โด ที่แม้จะเล่นได้ แต่เขาก็โดดเด่นขึ้นมาจากตำแหน่งแบ็คขวา เช่นเดียวกับ สิโรจน์ ฉัตรทอง ก็กำเนิดมาจากการเป็นกองหน้ากึ่งปีกมากกว่า ฉะนั้น เป็นไปได้ว่า ระบบของทีมชาติไทย จะเป็น 4-3-3 มากกว่า 4-2-3-1

ทั้งนี้ ทีมชุดนี้ มีมิดฟิลด์ตัวกลางทั้งหมด 7 รายด้วยกัน ไล่ตั้งแต่ 5 นักเตะจากชุดเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ อย่าง ธนบูรณ์ เกษารัตน์, ปกเกล้า อนันต์, สรรวัชญ์ เดชมิตร, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และ สุมัญญา ปุริสาย พร้อมกับอีก 2 รายที่เข้ามาอย่าง สุภโชค สารชาติ และ ชนาธิป สรงกระสินธ์

ผมมองว่า หากไม่มีอะไรผิดพลาด ถ้าไม่ใช่ สุภโชค ที่โชคร้าย โดนตัดตัวเพราะเพิ่งหายเจ็บกลับมา ก็มีสิทธิ์ที่ทั้งหมดจะได้ไป “ยูเออี” ครบทั้ง 7 คน พร้อมกับมีโอกาสเล่นในระบบ 4-4-2 ที่ยืนแบบไดมอนด์ด้วย หรือการเล่น 4-2-3-1 แบบถ่าง ชนาธิป หรือ สรรวัชญ์ ไปยืนทางฝั่งซ้าย ก็ได้

กองหน้า

กองหน้า 6 รายที่อยู่ในชุดนี้ มีตำแหน่งกองหน้าเบอร์ 9 แท้ๆ แค่คนเดียวคือ อดิศักดิ์ ไกรษร ส่วนกองหน้าที่เล่นทางกราบได้มี 4 คน นั่นคือ ธีรศิลป์ แดงดา, ศุภชัย ใจเด็ด, ชนานันท์ ป้อมบุบผา และ สิโรจน์ ฉัตรทอง โดยมี ศศลักษณ์ ไหประโคน เป็นกองหน้าด้านข้างแบบโอนลี่ คนเดียวในหมู่แนวรุก

ดูแล้ว น่าจะมีใครสักคน ถูกตัดออก และก็อาจจะเป็นกองหน้าที่เล่นทางกราบได้ด้วย เพราะทางกราบสองข้างนั้น มีนักเตะในตำแหน่งอื่นๆ สามารถเล่นได้ ทั้ง ธีราทร, สรรวัชญ์, ชนาธิป และ สุภโชค ทางฝั่งซ้าย รวมถึง ทริสตอง โด และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ทางฝั่งขวา

…… จาก 27 รายชื่อที่เห็น จะเหลือผู้เล่นทั้งหมด 23 รายชื่อสุดท้ายในการแข่งขัน เอเชี่ยนคัพ 2019 รอบสุดท้ายจริงๆ ซึ่งจะปรากฏให้เห็นในอีกไม่ช้า (ประมาณ 10 วันข้างหน้า) ก่อนการบินลัดฟ้าไปยูเออี

หวังว่านักเตะทุกคนที่มีโอกาส ได้ทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ ลดความเสี่ยงการบาดเจ็บ และเสริมสร้างความฟิตให้กับตัวเองมากที่สุด

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะสร้างความฝันอันยิ่งใหญ่ร่วมกันในศึกชิงแชมป์เอเชียครั้งนี้

“จอน”

ยอดนิยมในตอนนี้