รีเซต
TRUE TALK : "เพชฌฆาตหน้าทารก" 5 เหตุผลที่ ปีศาจแดง และโซลชา เลือกกันและกัน ... by "จอน"

TRUE TALK : "เพชฌฆาตหน้าทารก" 5 เหตุผลที่ ปีศาจแดง และโซลชา เลือกกันและกัน ... by "จอน"

TRUE TALK : "เพชฌฆาตหน้าทารก" 5 เหตุผลที่ ปีศาจแดง และโซลชา เลือกกันและกัน ... by "จอน"
kentnitipong
21 ธันวาคม 2561 ( 13:29 )
636
6

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คือ ชื่อของอดีตนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด คนหนึ่ง ที่แฟนบอลของ “ปีศาจแดง” ยังคงคิดถึงอยู่เสมอ ด้วยผลงานที่อดีตหัวหอกรายนี้เคยฝากไว้ตลอดอายุการค้าแข้งกับสโมสรแห่งนี้เป็นเวลา 11 ฤดูกาล ที่แม้เขาจะอยู่ในฐานะ “ซูเปอร์ซับ” มากกว่าจะเป็นกองหน้าตัวจริง แต่เขาก็เป็นตัวสำรองชั้นดีที่ไม่เคยปริปากบ่น และทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะได้เวลาในการทำงานเพียง 1 นาที 2 นาที 3 นาที 5 นาที 10 นาที หรือ 20 นาที ก็ตาม

 

 

126 ประตู จาก 366 นัด ทุกถ้วยทุกรายการ
6 แชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
2 แชมป์ เอฟเอ คัพ อังกฤษ
1 แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (ยิงประตูชัย ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-1 รอบชิงชนะเลิศ ปี 1999)
1 แชมป์ สโมสรโลก

นี่คือเกียรติประวัติที่เขาฝากเอาไว้ในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ภายใต้ยุคสมัยของ “เซอร์ เฟอร์กี้” อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

และวันนี้ เขาก็กลับมาสู่สโมสรอีกครั้งในวัย 45 ปี ในฐานะผู้จัดการทีมคนใหม่ ซึ่งมีเวลาการทำงานเพียงแค่ชั่วคราว ไม่เต็มฤดูกาล เสมือนกับในอดีตที่มีเวลาในสนามไม่เต็ม 90 นาที

แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับทุกคนต้อนรับการกลับมาของเขาอย่างยิ่งใหญ่ และเชื่อว่า โซลชา คือ คนที่ใช่แทนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เพิ่งแยกทางกับทีมไป

ทำไมต้องเป็น “เพชฌฆาตหน้าทารก”
ทำไมต้องเป็น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
และนี่คือ 5 เหตุผลนั้น ที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเลือกเขากลับมา….

 

เข้าใจความเป็น “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”

11 ปีเต็มที่เขาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฐานะนักเตะ แน่นอนว่า เขาเป็นหนึ่งในคนที่เข้าใจความเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยสายเลือดอย่างแท้จริง และจากคำสัมภาษณ์ล่าสุดของ “โอเล่” ที่เปรียบสโมสรแห่งนี้เป็นครอบครัว เขารู้ดีว่า ความเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือ มีหัวใจแห่งผู้กระหายชัยชนะ, เล่นฟุตบอลเกมบุก, ให้โอกาสดาวรุ่ง และการคว้าแชมป์เพื่อแฟนบอล

เขารู้ เขาเข้าใจ และเขามาเพื่อดึงทุกอย่างที่หายไป กลับคืนมา…

 

เกมรุกที่ดีกว่าเดิม

AP Photo/Rui Vieira

ฟางเส้นสุดท้ายของ โชเซ่ มูรินโญ่ คือ เขาโดนปลดหลังจากที่พาทีม “ปีศาจแดง” บุกไปพ่ายให้กับ ลิเวอร์พูล คู่ปรับตลอดกาลในศึกแดงเดือด ด้วยสกอร์ 1-3 ชนิดที่รูปเกม “สู้ไม่ได้” ด้วยประการทั้งปวง

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ มูรินโญ่ กลายเป็นฟุตบอลเน้นผล เล่นเกมรับเป็นหลัก และอาศัยการโต้กลับหวังทำประตู ซึ่งไม่ใช่ธรรมชาติของทีมที่เคยดีที่สุดในโลกทีมนี้ และสุดท้าย ทีมก็ต้องจมปลักอยู่อันดับที่ 6 ตามหลังจ่าฝูงอย่าง ลิเวอร์พูล ถึง 19 คะแนน ทั้งที่เพิ่งผ่านไปเพียง 17 นัดเท่านั้น แทบจะปิดประตูการเป็นแชมป์ไปเรียบร้อยแล้ว

ฟุตบอลสวยงาม ที่เน้นเล่นเกมรุกเป็นหลัก คือ สิ่งที่แฟนบอลปีศาจแดง โหยหา และคิดถึง

ซีซั่นล่าสุดของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คือ เขาพาสโมสร “โมลด์” คว้ารองแชมป์ลีกนอร์เวย์ บ้านเกิด โดยมีสถิติเป็นทีมที่ทำประตูมากที่สุดของลีก ที่จำนวน 63 ประตู จาก 30 เกม เฉลี่ยแล้วมากกว่า 2 ประตูต่อเกม ซึ่งเป็นทีมเดียวที่ทำประตูได้ผ่านหลัก 60 ลูก

โอเคหล่ะว่า การทำทีมในลีกนอร์เวย์ คงเทียบไม่ได้กับ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่มีความเขี้ยวลากดินมากกว่าหลายเท่า แต่อย่างน้อยเราก็ได้เห็นว่า โซลชา จะไม่ใช่กุนซือที่เน้นผล และเล่นเกมรับเป็นหลักอย่างแน่นอน

 

ผู้ชายที่อยู่ข้างหลัง “เฟอร์กี้”

AP Photo/Dmitri Lovetsky, File

11 ฤดูกาลที่เขาลงเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ถูก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่งลงสนามเกินกว่า 360 นัด และส่วนใหญ่เขาจะถูกส่งลงในฐานะตัวสำรอง ซึ่งการที่เขาเป็นตัวสำรองนั้น ได้ทำให้เขานั่งอยู่ด้านหลังเซอร์เฟอร์กี้ ในซุ้มม้านั่งสำรอง

การแก้เกมระหว่างเกม
การเปลี่ยนแทคติกในช่วงเวลาต่างๆ
ไทม์มิ่ง และแทคติกในเรื่องของการส่งนักเตะตัวสำรองลงสนาม
วิธีการทำงาน
วิสัยทัศน์ของการเป็นผู้จัดการทีมระหว่างเกม
ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ คือ สิ่งที่ โซลชา อาศัยความเป็น “ครูพักลักจำ” ที่ได้ซึมซับการทำงานของ เซอร์ อเล็กซ์ ในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในซุ้มม้านั่งสำรอง และหากจะมีใครสักคนที่ “มองเห็น” การทำงานในแบบผู้จัดการทีมที่เก่งที่สุดในโลกตลอดกาล อย่างถ่องแท้ ก็คงจะเป็นเขาเนี่ยแหละ

 

ทำด้วยใจ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า โชเซ่ มูรินโญ่ คือ ผู้จัดการทีมที่มีปัจจัยอื่นๆ นอกสนามค่อนข้างเยอะ การวางตัว การพูดจา การทำงานของเขา ถูกตกเป็นเป้านิ่งของสื่อ นั่นทำให้คนทรนงอย่างเขา สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดปัญหา และอย่างที่เห็น พักหลังๆ การคุมทีมของเขาจะจบลงหลังช่วงฮันนีมูน 2 ปีแรก

แต่กับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะไม่ใช่แบบนั้น ทุกคนรู้ดีว่า เขาเป็น “ยูไนเต็ด” แบบเต็มตัว ที่พร้อมจะทำงานด้วยใจ ใส่เต็มทุกกำลังสมองที่มีดังที่เขาให้สัญญาเอาไว้ในการสัมภาษณ์ล่าสุดว่า “ผมรู้สึกดีมากๆ ที่ได้กลับบ้าน ผมสัญญาว่า ผมจะทุ่มเททุกอย่างที่ผมมี เพื่อสโมสรแห่งนี้ และจะทำให้สโมสรแห่งนี้ กลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้ง ผมแทบจะรอที่จะทำงานไม่ไหวแล้ว”

 

คืนสปิริตที่หายไปสู่ “เร้ด เดวิลส์”

Mike Egerton/PA via AP

เล่นกันสะเปะสะปะ, เกมรุกไม่เป็นชิ้นเป็นอัน, เกมรับก็ยุ่ยยับเยิน, นักเตะค่าตัวแพงที่สุดนั่งข้างสนาม, โรเตชั่นแทบทุกนัด, สีหน้าของนักเตะไม่ค่อยโอเค, เล่นไม่กระหายชัยชนะ นี่คือ สิ่งที่เกิดขึ้นกับ “ยูไนเต็ด” ในหลายๆ เกมที่ผ่านมา (เกมกับ ลิเวอร์พูล นี่ชัดมาก)

ซึ่งมันบ่งบอกเป็นอย่างดีว่า “สปิริตทีม” กำลังเสียอย่างหนัก จนแฟนบอลบางคนบอกเลยว่า นี่เป็นการ “เล่นไล่โค้ช” หรือไม่

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเป็นอดีต การเข้ามาของ “นายใหม่” ที่เคยอยู่กับทีมมายาวนาน อย่าง โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เชื่อได้เลยว่า นักเตะทุกคนจะเต็มที่อย่างแน่นอน เพื่อให้เข้าตา โซลชา และให้ตัวเองได้กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกของทีมตัวจริง

อีกทั้ง การดึง “ไมค์ ฟีแลน” ที่เคยเป็นมือขวาของ เฟอร์กี้ เข้ามาเป็นผู้ช่วยโค้ช พร้อมกับได้ทำงานกับอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง ไมเคิ่ล คาร์ริค แถม นิคกี้ บัตต์ ก็กำลังทำทีมเยาวชนอยู่ด้วย

สิ่งเหล่านี้ได้บ่งบอกอะไรกลายๆ ว่า สปิริต และความเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ในแบบเดิมๆ กำลังจะกลับมา

“เร้ด เดวิลส์” ของแท้ กำลังจะกลับมา…

“จอน”

ยอดนิยมในตอนนี้