รีเซต
10 เหตุการณ์สำคัญแห่งปี 2018 ของวงการกีฬาไทย ... by "เอกกี้รีพอร์ต"

10 เหตุการณ์สำคัญแห่งปี 2018 ของวงการกีฬาไทย ... by "เอกกี้รีพอร์ต"

10 เหตุการณ์สำคัญแห่งปี 2018 ของวงการกีฬาไทย ... by "เอกกี้รีพอร์ต"
armcasanova
27 ธันวาคม 2561 ( 17:54 )
348

เผลอแป๊บเดียว วันเวลาก็เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของปีกันแล้ว ในปี 2018 ที่กำลังจะผ่านไปนี้ มีเหตุการณ์และเรื่องราวสำคัญเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งแน่นอนว่า มันมีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้ายที่ได้ผ่านเข้ามาปะปนกันไป วันนี้ผมได้สรุปและรวบรวม 10 เหตุการณ์สำคัญของวงการกีฬาไทยตลอดทั้งปีนี้มาฝากกัน จะมีเหตุการณ์ใดบ้าง และจะตรงกับความคิดของคุณหรือไม่นั้น ลองไปติดตามกันเลยครับ

 

1. “ช้างศึก” ตกรอบอาเซียนคัพ 2018.. “บิ๊กอ๊อด” แจงวัดผลงานปีหน้า

ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย แชมป์อาเซียน 5 สมัย และเจ้าของแชมป์ 2 สมัยล่าสุด ลงทำศึกอาเซียนคัพภายใต้การกุมบังเหียนของเฮดโค้ชชาวเซอร์เบียอย่าง “มิโลวาน ราเยวัช” ท่ามกลางความคาดหวังของแฟนบอลชาวไทยทั้งประเทศ ที่มีเป้าหมายเดียวคือ “แชมป์เท่านั้น!” แม้ในรอบแรกทัพช้างศึกจะสามารถเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการ จนผ่านเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม B ได้สำเร็จด้วยการไม่แพ้ใคร แต่แล้วทีมแชมป์เก่าก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน เมื่อถูก “เสือเหลือง” มาเลเซีย คู่ชิงในปี 2014 บุกมาชำระแค้นได้ถึงราชมังคลากีฬาสถาน ด้วยผลเสมอ 2-2 หลังจากเสมอกันมา 0-0 ในนัดแรกที่รังเหย้าของเสือเหลือง ทำให้ผู้มาเยือนเป็นฝ่ายเขี่ยเจ้าบ้านตกรอบรองชนะเลิศไปด้วยกฎประตูทีมเยือน (Away Goal) แบบช็อกแฟนบอล 46,157 คนในสนาม รวมถึงคนไทยทั้งประเทศ

จากความผิดหวังที่เกิดขึ้น ทำให้โลกของโซเชี่ยลนั้นร้อนระอุสุดๆ เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อการคุมทีมของโค้ชมิโลวาน ราเยวัช เพราะนอกจากผลการแข่งขันที่จะไม่เป็นไปตามเป้าแล้ว ผลงานในสนาม ทั้งรูปแบบและวิธีการเล่นของทีมชาติไทยก็ยังไม่น่าประทับใจเช่นกัน รวมถึงยังมีการเรียกร้องและกดดันจากแฟนบอลให้ นายกสมาคมฟุตบอลฯ ลาออกจากตำแหน่งเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อผลงานอีกด้วย แต่ท้ายที่สุด “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ก็ได้ออกมายืนกรานแล้วว่าจะไม่ลาออกจากตำแหน่งอย่างแน่นอน ส่วนการประเมินผลงานของโค้ชราเยวัชนั้น ประมุขแห่งลูกหนังไทย ยืนยันว่าจะมีขึ้นหลังการแข่งขันเอเชียนคัพ 2019 ที่จะจัดขึ้นที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในช่วงต้นปีหน้า เนื่องจากในรายการอาเซียนคัพ ทีมช้างศึกขาดผู้เล่นตัวหลักที่ไปค้าแข้งยังต่างแดนถึง 4 คน จึงทำให้ไม่สามารถนำตัดสินผลงานของโค้ชได้ แฟนบอลชาวไทยก็คงได้แต่รอลุ้นว่า สุดท้ายแล้วทีมฟุตบอลทีมชาติไทยจะกลับมาประสบความสำเร็จในเวทีเอเชีย และสร้างความสุขให้กับคนไทยทั้งประเทศได้อีกครั้งหรือไม่

 

2. ก้าวที่ยิ่งใหญ่.. 4 แข้งไทยก้าวไกลสู่ต่างแดน ลงเล่นเคียงข้างตำนานแชมป์โลก

หากไม่ได้มองที่ผลงานของทีมชาติ ปีนี้ถือได้ว่าเป็นอีกปีทองของนักเตะไทยเลยทีเดียว.. เมื่อมีแข้งไทยได้ออกไปโลดแล่นยังลีกอาชีพในต่างแดนมากถึง 4 คนด้วยกัน หลังจากเมื่อปีก่อน “เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์” ได้สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นแข้งไทยคนแรกที่ได้ลงเล่นในศึก J1 League ลีกสูงสุดของญี่ปุ่น กับทีมคอนซาโดเล ซัปโปโร ไปแล้ว ซึ่งมันก็เป็นเหมือนใบเบิกทาง ให้กับแข้งให้กับนักเตะไทยคนอื่นๆ ได้มีโอกาสตามไปเล่นยังลีกอันดับ 1 ของเอเชียนี้เช่นกัน โดยในปี 2018 นี้ มีอีก 2 แข้งไทยได้ตามชนาธิป ไปวาดลวดลายที่ดินแดนอาทิตย์อุทัยในสัญญายืมตัวเป็นเวลา 1 ปี นั่นคือ “มุ้ย-ธีรศิลป์ แดงดา” ศูนย์หน้าเบอร์ 1 ของไทย ที่ได้ย้ายไปเล่นให้กับ ซานเฟรซเช่ ฮิโรชิม่า และ “อุ้ม-ธีราทร บุญมาทัน” แบ็คซ้ายเท้าชั่งทอง ที่ได้รับโอกาสกับ วิสเซล โกเบ นอกจากนั้นนายทวารมือ 1 ของไทย อย่าง “ตอง-กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์” ก็ยังได้รับโอกาสครั้งสำคัญกับการได้ไปพิสูจน์ตัวเองไกลถึงระดับยุโรป กับทีมโอเอช ลูเวิน ในลีกรองของเบลเยียม

ซึ่งเรียกได้ว่าโอกาสในครั้งนี้ นับเป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่ได้ช่วยยกระดับการเล่นของดาวเตะทีมชาติไทยทั้ง 4 คนขึ้นเป็นอย่างมาก ตอง-กวินทร์ ต้องไปเริ่มจากการเป็นผู้รักษาประตูทีมสำรอง ก่อนเจ้าตัวจะโชว์ผลงานจนก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 ของทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ สำหรับ มุ้ย-ธีรศิลป์ กลายเป็นนักเตะไทยคนแรกที่ทำประตูในลีกสูงสุดของญี่ปุ่นได้สำเร็จ หลังอยู่ในสนามเพียงแค่ 28 นาทีเท่านั้น ทั้งยังมีโอกาสลุ้นคว้าแชมป์เจลีกกับทีมในช่วงแรกของฤดูกาล ก่อนจะคว้ารองแชมป์ไปครองในท้ายที่สุด ส่วน อุ้ม-ธีราทร นับว่าโชคดีสุดๆ ที่ได้ลงเล่นร่วมทีมกับ 2 นักเตะระดับแชมป์โลกอย่าง อันเดรส อิเนียสต้า ตำนานแห่งทัพบาร์เซโลน่า ผู้ทำประตูชัยให้สเปนคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 และ ลูคัส โพดอลสกี้ มิดฟิลด์อินทรีเหล็ก แชมป์ฟุตบอลโลก 2014 ซึ่งเชื่อว่าแม้แต่เจ้าตัวเองก็คงไม่เคยคิดฝันว่าจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้

ปิดท้ายด้วย เจ-ชนาธิป พระเอกแห่งปี ที่ต้องบอกเลยว่า ปีนี้คือปีทองของเขาจริงๆ อดีตนักเตะทรงคุณค่าของอาเซียนคัพ 2 สมัยซ้อน ได้ยกระดับฝีเท้าของตัวเองจนก้าวไปเป็น “ซูเปอร์สตาร์แห่งเจลีก” อย่างเต็มตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยฤดูกาลนี้เขาได้โชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยมจนเป็นที่ประจักษ์แก่แฟนบอลญี่ปุ่น ด้วยผลงาน 9 ประตู กับ 3 แอสซิสต์ จากการลงสนามรวม 31 นัด และเป็นส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าอันดับที่ 4 ของลีกสูงสุด ซึ่งเป็นอันดับที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร นั่นทำให้ ชนาธิป ได้รับเลือกให้เป็น “นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทีมคอนซาโดเล่ ซัปโปโร” ทั้งจากการโหวตของ “เพื่อนร่วมทีม” และจากการโหวตของ “แฟนบอล” และล่าสุดเขายังได้รับรางวัลเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุด จากการถูกเลือกให้เป็น “11 ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีของเจลีก” จากสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่นอีกด้วย จนทำให้มีข่าวว่าในขณะนี้ยอดทีมจากแดนเหนือได้ตั้งค่าตัว ขวัญใจแฟนบอลรายนี้ ไว้สูงถึง 200 ล้านบาทเลยทีเดียว ผลงานของเจในปีนี้นับว่าเป็นความสำเร็จที่สร้างความสุขและความภาคภูมิใจให้กับคนไทยเป็นอย่างมากจริงๆ ทำให้รางวัลสุดท้ายของปีนี้อย่าง “นักฟุตบอลชายยอดเยี่ยมแห่งปี” ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย จึงตกเป็นของเขาไปอีกหนึ่งรางวัลแบบไม่มีข้อสงสัย

 

3. กระหึ่มโลก! ปีทองของโปรเม.. มือ 1 ของโลก ผู้กวาดทุกรางวัลของ LPGA

ประวัติศาสตร์ของวงการกอล์ฟหญิงต้องจารึกชื่อคนไทยอีกครั้ง.. เมื่อ โปรเม-เอรียา จุฑานุกาล โปรกอล์ฟสาวไทย วัย 23 ปี สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญด้วยการเป็นนักกอล์ฟคนแรกในประวัติศาสตร์ที่กวาดทุกรางวัลใหญ่แห่งปี 2018 ของ LPGA Tour แบบครบถ้วน โดยนักกอล์ฟหญิงมือ 1 ของโลก ที่คว้าไป 3 แชมป์ซึ่งมากที่สุดในปีนี้ ปิดฉากปีที่ยอดเยี่ยมของเธอ ด้วยการเหมาคนเดียว 6 รางวัลดังต่อไปนี้

1. รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี (Rolex Player of the Year) เป็นสมัยที่ 2 ต่อจากปี 2016
2. นักกอล์ฟที่ทำผลงานดีที่สุดในรายการระดับเมเจอร์ 5 รายการ (Rolex Annika Major Award) จากการคว้าแชมป์ U.S. Women’s Open และจบอันดับที่ 4 ร่วม อีก 2 รายการ คือ ANA Inspiration และ Ricoh Women’s British Open
3. นักกอล์ฟที่ทำเงินรางวัลสูงสุดแห่งปี โดยโปรเมคว้าไป 2,743,949 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 90.5 ล้านบาท)
4. นักกอล์ฟที่จบ 10 อันดับแรกมากที่สุดแห่งปี (รับโบนัส 1 แสนเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 3.3 ล้านบาท) รวม 17 รายการ จากการเข้าแข่งขัน 28 รายการ โดยคิดเป็น 61%
5. นักกอล์ฟที่ทำคะแนนเฉลี่ยต่ำสุดแห่งปี (Vare Trophy) ที่ 69.415 เอาชนะ อีมินจี โปรสาวจากออสเตรเลีย ไป 0.332
6. นักกอล์ฟที่ทำคะแนนสะสม Race to CME Globe มากที่สุด (รับโบนัส 1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 33 ล้านบาท)

โดยหากบวกเงินโบนัสที่ได้จากการการคว้ารางวัล เข้ากับเงินรางวัลที่เธอทำได้ตลอดทั้งปีนี้ โปรเมจะรับเงินรวมในปีนี้ไปสูงถึง 3,843,949 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 126.8 ล้านบาท) และนอกจากรางวัลที่ได้รับจาก LPGA Tour แล้ว ล่าสุด โปรเม-เอรียา ก็ยังเพิ่งได้รับรางวัลนักกีฬาอาชีพดีเด่น ในวันกีฬาแห่งชาติ 2561 เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมาอีกด้วย นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งของคนไทย ที่ได้เห็นชื่อของคนไทยได้อยู่ในจุดที่สูงสุดของโลกในวงการกีฬาอีกครั้ง ต้องขอชื่นชมและแสดงความยินดีกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของเธอเป็นอย่างยิ่ง และหวังว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ดียิ่งขึ้นไปของเธออีกครั้ง

 

4. นักตบสาวไทย.. ล้มแชมป์เก่าสร้างประวัติศาสตร์ “เหรียญเงินเอเชี่ยนเกมส์” ก่อนสู้สุดใจในชิงแชมป์โลก

วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ทีมกีฬาขวัญใจมหาชน ลงทำศึกเอเชี่ยนเกมส์ 2018 ที่ประเทศอินโดนีเซีย หลัง 4 ปีก่อน สามารถคว้าเหรียญทองแดงที่เกาหลีใต้มาได้ ซึ่งนับเป็นผลงานที่ดีที่สุดของการแข่งขันรายการนี้ กลับมาคราวนี้พวกเธอจึงหมายมั่นปั้นมือว่าจะกลับมาสร้างผลงานให้ดีกว่าเดิมให้ได้ สาวไทยในกลุ่ม A เริ่มต้นการแข่งขันด้วยการเก็บชัยชนะ 4 นัดรวดในรอบแรก เหนือ ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และ อินโดนีเซีย ตามลำดับ โดยเสียไปเพียงแค่ 1 เซ็ตเท่านั้น ทีมไทยผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม ไปพบกับ เวียดนาม ซึ่งพวกเธอก็เอาไปชนะไปได้แบบไม่มีปัญหา 3-0 เซ็ต จนผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ โดยคู่แข่งในด่านสำคัญของพวกเธอก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นแชมป์เก่าอย่าง เกาหลีใต้ นั่นเอง ซึ่งเกมนี้หากนักตบสาวไทยเอาชนะได้ก็จะสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้าชิงเป็นครั้งแรกทันที นี่จึงเป็นเกมที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง สาวไทยเล่นด้วยความมุ่งมั่นและทำผลงานได้ดีจนขึ้นนำไปก่อน 2-0 เซ็ต แต่นักตบจากแดนกิมจิก็ไม่ยอมง่ายๆ ไล่ตีตื้นตามมาเป็น 1-2 เซ็ต ไฮไลท์จึงมาอยู่ในช่วงปลายเซ็ตที่ 4 เกาหลีใต้ขึ้นนำห่างไปถึง 18-12 แต้ม แต่แล้วสาวไทยก็สร้างเรื่องมหัศจรรย์ขึ้นอีกครั้ง เมื่อพวกเธอรวมพลังกันสู้จนพลิกกลับมาเอาชนะไปอย่างเหลือเชื่อ 25-22 ทำให้ทีมชาติไทยผ่านเข้าชิงชนะเลิศไปแบบสะใจแฟนกีฬาชาวไทยที่ร่วมลุ้นกันทั้งประเทศ แม้สุดท้ายสาวไทยจะพ่ายให้กับจีน ทีมอันดับ 1 ของโลกในขณะนั้น ไปในรอบชิงชนะเลิศ แต่ “เหรียญเงิน” เหรียญนี้ก็นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจที่จะอยู่ในความทรงจำของพวกเธอรวมถึงพวกเราคนไทยไปอีกนานแสนนาน

ไม่เพียงแค่นั้น ทีมนักตบลูกยางสาวไทย ยังสร้างปรากฏการณ์ที่สร้างความประทับใจให้แก่แฟนชาวไทยรวมถึงแฟนวอลเลย์บอลทั่วโลกอีกครั้ง ในศึกวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2018 ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเหมือนบทพิสูจน์ที่ทำให้เราได้รู้ว่า บางครั้งผลการแข่งขันอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผู้ชมคาดหวังในการแข่งขัน แต่การร่วมใจกันต่อสู้อย่างเต็มที่สุดความสามารถจนถึงวินาทีสุดท้าย หรือ “สปีริต” ต่างหาก ที่น่าจะเป็นหัวใจสำคัญของเกมกีฬา สาวไทยได้แสดงหัวใจนักสู้จนสามารถเอาชนะใจไม่ใช่แค่คนไทย แต่เป็นคนทั่วโลกได้หลายต่อหลายครั้ง แม้ว่าพวกเธอจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการแข่งขัน ทีมไทยประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บอย่างหนัก ทั้งก่อนและระหว่างการแข่งขันครั้งนี้ ทำให้ขาดผู้เล่นตัวหลักไปถึง 4 คน ผู้เล่นที่เหลืออยู่จึงต้องกัดฟันช่วยกันเล่นแบบไม่มีตัวเปลี่ยนตลอดรายการนี้ แม้ทีมจะไม่สมบูรณ์ แต่พวกเธอก็ไม่กลัวใครและไม่ยอมแพ้ทีมใดง่ายๆ สักเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมที่ต้องสู้กันถึง 5 เซ็ต ซึ่งมีมากถึง 4 เกมจากทั้งหมด 9 เกมที่ลงแข่ง โดย 2 เกมที่เป็นที่พูดถึงอย่างมาก นั่นคือ การพบกับรัสเซียและสหรัฐอเมริกา ทีมชั้นนำของโลก ที่สาวไทยโดนนำไปก่อนถึง 2-0 เซ็ต ถึงจะตกเป็นรองในแทบทุกด้าน แต่พวกเธอก็สู้สุดใจจนพลิกกลับมาเสมอ 2-2 ได้ แม้สุดท้ายจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในเซ็ตตัดสินก็ตาม สุดท้ายทีมสาวไทยจบอันดับที่ 13 จาก 24 ทีมที่ร่วมแข่งขัน ซึ่งไม่ได้ถือว่าโดดเด่นอะไร แต่ถ้าคุณได้ชมทุกเกมที่พวกเธอลงเล่นก็คงจะเข้าใจเองว่า ทำไมใครๆ ต่างก็หลงรัก และยอมยกหัวใจให้กับความทุ่มเทที่เกินร้อยของพวกเธอ.. “แพ้แต่มีความสุข” สั้นๆ ง่ายๆ แต่บ่งบอกได้ถึงความในใจของกองเชียร์ที่มีต่อทีมวอลเลย์บอลอันเป็นที่รักทีมนี้ได้เป็นอย่างดี

 

5. สุดสะเทือนใจ! ทั่วโลกอาลัยการจากไปของ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา.. ชายผู้ทำความฝัน ให้กลายเป็นความจริง

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนี่งความสูญเสียครั้งสำคัญที่นำมาซึ่งความโศกเศร้าเสียใจแก่คนไทย รวมถึงคนอังกฤษเป็นอย่างยิ่ง สำหรับการจากไปอย่างกะทันหันของ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา มหาเศรษฐีชาวไทย เจ้าของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ และกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกบริเวณข้างสนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ของเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ประเทศอังกฤษ โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.38 น. ตามเวลาท้องถิ่น (02.38 น. ตามเวลาประเทศไทย) หลังจบเกมการแข่งขันที่เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเสมอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-1 ซึ่งวันนั้นคุณวิชัยได้เข้าไปชมการแข่งขันในสนาม และกำลังจะเดินทางกลับด้วยเฮลิคอปเตอร์ตามปกติ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อเฮลิคอปเตอร์ที่เพิ่งลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและเคลื่อนตัวออกจากบริเวณกลางสนามฟุตบอลได้เพียงไม่กี่อึดใจ ก็เกิดเสียการควบคุมจนลอยเคว้งไปตกจนไฟลุกท่วม ที่บริเวณลานจอดรถของสโมสร ซึ่งห่างจากสนามเพียงประมาณ 200 เมตรเท่านั้น ทำให้ทั้งกัปตันและผู้โดยสารในเฮลิคอปเตอร์รวมทั้งสิ้น 5 คนเสียชีวิตทั้งหมด

การจากไปของเจ้าของสโมสรชาวไทย ผู้เป็นที่รักของชาวเลสเตอร์นั้น ทำให้ทั้งนักเตะและแฟนบอล ต่างตกตะลึง และเศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีการนำดอกไม้รวมถึง เสื้อและผ้าพันคอของสโมสร มาวางไว้ที่หน้าสนามเป็นจำนวนมหาศาล เพื่อเป็นการแสดงความไว้อาลัย จากนั้นทั้งนักเตะและแฟนบอลต่างก็ร่วมใจกันเพื่อแสดงออกถึงการร่วมไว้อาลัยอย่างสุดซึ้งอีกมากมายทั้งในและนอกสนาม ชาวเลสเตอร์นั้นมีความรักและผูกพันกับคุณวิชัยเป็นอย่างมาก เกินกว่าแค่เจ้าของทีมกับแฟนบอลปกติทั่วไป เพราะนับตั้งแต่คุณวิชัยตัดสินใจเข้าซื้อสโมสรในปี 2010 เขาก็พยายามบริหารงานและพัฒนาทีมด้วยความตั้งใจและทุ่มเทมาอย่างต่อเนื่อง จนในปี 2016 ทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ก็สามารถสร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่คนทั้งโลกต้องตะลึง เมื่อพวกเขาสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ดั่งเทพนิยายที่ไม่มีใครคาดคิด ซึ่งแม้แต่แฟนบอลเมืองเลสเตอร์เองยังยอมรับว่ามันยิ่งใหญ่เกินกว่าฝันของพวกเขาด้วยซ้ำไป แต่ที่ยิ่งไปกว่าการทำทีมฟุตบอลนั้น คือการที่คุณวิชัยยังได้ช่วยพัฒนาเมืองเลสเตอร์ในอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา และการบริจาคเงินเพื่อการกุศลอีกหลายแห่งให้แก่ชุมชน ทั้งหมดก็เพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่เมืองเลสเตอร์ ทำให้ผู้บริหารชาวไทยผู้นี้ได้รับการยกย่องนับถือในคุณงามความดีและครองใจชาวเลสเตอร์ได้แบบไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เราได้เห็นมุมดีๆที่ซ่อนอยู่เช่นกัน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น มันได้ทำให้คนทั้งโลกได้รู้แล้วว่า คนเลสเตอร์รักชายคนนี้มากเพียงใด แม้แต่คุณต๊อบ-อัยยวัฒน์ ผู้เป็นลูกชาย ยังกล่าวว่า เขาก็เพิ่งจะรู้เช่นกันว่า คุณพ่อของเขายิ่งใหญ่ระดับโลกและอยู่ในใจของคนมากมายถึงเพียงนี้ นี่คือบทพิสูจน์แล้วว่า แม้ตัวเราจะจากไป แต่คุณงามความดีที่เราเคยทำไว้จะยังคงอยู่ตลอดไป .. “Forever In Our Hearts.. The Boss”

 

6. ไร้เทียมทาน! จอมเตะสาวหมายเลข 1 ของโลก.. เทนนิส-พาณิภัค กวาดเรียบ 6 แชมป์

“เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ” นักเทควันโดสาวไทยวัย 21 ปี เจ้าของเหรียญทองแดง โอลิมปิกเกมส์ 2016 โชว์ผลงานอันยอดเยี่ยมในปีนี้ด้วยการคว้าแชมป์ไปถึง 6 รายการในปีเดียว หนึ่งในนั้นการคว้าเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ 2018 อย่างยิ่งใหญ่สมความคาดหวังของคนไทย โดย “6 แชมป์” ของสุดยอดจอมเตะไทยในรุ่น 49 กก. หญิง นั้นประกอบไปด้วยการแข่งขันดังต่อไปนี้

1. รายการ “ดับเบิ้ลยูที จี-2 โอเพ่น ควอลิฟิเคชั่น ทัวร์นาเม้นท์ 1 ฟอร์ อู๋ซี 2018 เวิลด์ เทควันโด แกรนด์สแลม ซีรีส์” ระหว่างวันที่ 20-22 เม.ย. 61 ที่เมืองอู๋ซี ประเทศจีน
2. รายการ “เอล ฮัสซาน โอเพ่น ทัวร์นาเม้นท์ 2018” ระหว่างวันที่ 3-8 ก.ค. 61 ที่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน
3. การแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 18 ระหว่างวันที่ 18 ส.ค. – 2 ก.ย. 61 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย
4. รายการ “เถาหยวน 2018 เวิลด์ เทควันโด กรังด์ปรีซ์” (เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2018 สนามที่ 3) ระหว่างวันที่ 16-22 ก.ย. 61 ที่เมืองเถาหยวน ไต้หวัน
5. รายการ “แมนเชสเตอร์ 2018 เวิลด์ เทควันโด กรังด์ปรีซ์” (เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 2018 สนามที่ 4) ระหว่างวันที่ 14-23 ต.ค. 61 ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
6. รายการ “อู๋ซี เวิลด์ เทควันโด แกรนด์สแลม แชมเปี้ยนชิพ ซีรีส์ 2018” ระหว่างวันที่ 13-16 ธ.ค. 61 ที่เมืองอู๋ซี ประเทศจีน

นอกจากนี้ เธอยังคว้ารองแชมป์อีก 1 รายการ ได้แก่ รายการ “ฟูไจราห์ 2018 เวิลด์ เทควันโด กรังด์ปรีซ์ ไฟนอล” ระหว่างวันที่ 21-22 พ.ย. 61 ที่เมืองฟูไจราห์ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ จากผลงานอันยอดเยี่ยมในปีนี้ ทำให้เธอคว้ารางวัล “นักกีฬาสมัครเล่นดีเด่นหญิง” ในงานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาและบุคลากรทางการกีฬาดีเด่น เนื่องในวันกีฬาแห่งชาติ 2561 มาครองเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันได้อย่างงดงาม

 

7. ทีมนักตบลูกขนไก่สาวไทย.. คว้ารองแชมป์อูเบอร์คัพได้ในบ้าน พร้อมพ่วงเหรียญทองแดงเอเชี่ยนเกมส์

ทีมแบดมินตันหญิงทีมชาติไทย ลงทำการแข่งขันแบดมินตันประเภททีมชิงแชมป์โลก 2018 ประเภททีมหญิง (อูเบอร์คัพ 2018) ที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี โดยในรอบรองชนะเลิศ พวกเธอต้องโคจรมาพบกับ ทีมชาติจีน ดีกรีแชมป์เก่า 14 สมัย โดยการแข่งขันรายการนี้ 18 ครั้งหลังสุด สาวจีนไม่เคยพลาดเข้าชิงชนะเลิศสักครั้ง ในขณะที่สาวไทยยังไม่เคยผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศแม้แต่ครั้งเดียว แม้สถิติจะห่างกันหลายช่วงตัว แต่การแข่งขันในสนามนั้นกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยสาวไทยสู้กับจีนได้อย่างสูสี คู่แรกเป็นการแข่งขันประเภท หญิงเดี่ยว มือ 1 “เมย์-รัชนก อินทนนท์” มือ 1 ของไทย เอาชนะ เฉิน อู้เฟย 2-1 เกม เก็บแต้มแรกให้ทีมไทยขึ้นนำไปก่อน จากนั้นการแข่งขันคู่ที่ 2 หญิงคู่ คู่มือ 1 “กิ๊ฟ-จงกลพรรณ กิติธรากุล” กับ “วิว-รวินดา ประจงใจ” ต้านทานความแข็งแกร่งของ เฉิน ฉิงเฉิน และ เจี่ย อี้ฟาน ไม่ไหว พ่ายไป 0-2 เกม ทำให้คะแนนกลับมาเสมอกันที่ 1-1 คู่

ต่อมาคู่ที่ 3 เป็นการแข่งขันของ หญิงเดี่ยว มือ 2 เป็น “แน็ต-ณิชชาอร จินดาพล” ที่พลิกสถานการณ์กลับมาเฉือนเอาชนะ เกา ฟางเจี่ย ไป 2-1 เกม ส่งให้ไทยนำ 2-1 คู่ แต่คู่ที่ 4 หญิงคู่ คู่มือ 2 “เอิร์ธ-พุธิตา สุภจิรกุล” กับ “ปอป้อ-ทรัพย์สิรี แต้รัตนชัย” ก็พ่ายให้กับ หวง อ่าเฉียง และ ถัง จินหัว ไป 1-2 เกม ทำให้ต้องมาลุ้นต่อในคู่ตัดสิน หญิงเดี่ยว มือ 3 โดย “ครีม-บุศนันทน์ อึ๊งบำรุงพันธุ์” ก็ทำให้กองเชียร์ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อโชว์ฟอร์มสุดยอดไล่ตบเอาชนะ อดีตเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน อย่าง หลี่ เสี่ยวเร่ย ไปขาดลอย 2-0 เกม ทำให้ทีมชาติไทย เฉือนชนะ ทีมชาติจีน 3-2 คู่ สร้างประวัติศาสตร์เข้าชิงได้เป็นครั้งแรกในรอบ 61 ปี นับตั้งแต่มีการแข่งขันรายการนี้ และส่งผลให้จีนพลาดเข้าชิงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1984 โดยทีมไทยเข้าไปพบกับ ญี่ปุ่น อดีตแชมป์ 5 สมัย แม้สุดท้ายสาวไทยจะพ่ายไป 0-3 คู่ ทำให้คว้าเหรียญเงินได้เป็นครั้งแรก และส่งให้ญี่ปุ่นคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ไปครอง

นอกจากนั้น ทีมนักตบลูกขนไก่สาวไทย ก็ยังคว้าอีกหนึ่งรางวัลในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ 2018 นั่นคือ เหรียญทองแดงประเภททีมหญิง หลังจากพ่ายให้กับคู่ปรับเก่าอย่างจีน ที่คราวนี้กลับมาล้างตาได้สำเร็จในรอบรองชนะเลิศเช่นกัน แต่เพียงเท่านี้ ผลงานในปีนี้ก็นับเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของวงการแบดมินตันไทยอีกครั้งหนึ่งแล้ว

 

8. ทัพชบาแก้ว.. คว้าตั๋วลุยบอลโลกได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

แม้ปีนี้จะมาแบบเงียบๆ แต่ “ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ก็ไม่ทำให้คนไทยต้องผิดหวัง เมื่อสามารถคว้าตั๋วไปลุยศึกฟุตบอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศสได้สำเร็จ เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากคว้าอันดับที่ 4 จากการแข่งขันฟุตบอลหญิง ชิงแชมป์เอเชีย 2018 (เอเชี่ยนคัพ) เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา และล่าสุดผลการจับสลากแบ่งกลุ่มของการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิงในปีหน้าก็ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดย “ชบาแก้ว” ทีมอันดับ 29 ของโลก ต้องพบกับศึกหนักเมื่อต้องอยู่ในกลุ่ม F ร่วมกับ สหรัฐอเมริกา ทีมอันดับ 1 ของโลก, สวีเดน ทีมอันดับ 9 ของโลก และ ชิลี ทีมอันดับ 38 ของโลก ซึ่งการแข่งขันจะถูกจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7 มิถุนายน – 7 กรกฎาคม 2019 แฟนบอลชาวไทยอย่าลืมส่งแรงใจเชียร์พวกเธอไปด้วยกัน

 

9. ยอดนักฟาดลูกหวาย.. นักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์มากที่สุด

“ปุ้ย-พรชัย เค้าแก้ว” นักเซปักตะกร้อหนุ่มทีมชาติไทย สร้างประวัติศาสตร์ทำสถิติเป็นนักกีฬาไทยที่ได้เหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์มากที่สุด คือ 10 เหรียญ ซึ่งมาจากเอเชี่ยนเกมส์ทั้งหมด 5 ครั้ง ระหว่างครั้งที่ 14-18 โดยในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ในปีนี้ พรชัยเก็บเพิ่มได้อีก 2 เหรียญทอง จากการแข่งขันเซปักตะกร้อประเภททีมชุดชาย และประเภทคู่ทีมชุดชาย นับเป็นการเพิ่มสถิติให้กับตัวเอง หลังจากที่เจ้าตัวได้ครองสถิตินี้มาตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อนที่ 8 เหรียญทอง โดยก่อนหน้านี้มีเพียง “โจ้หลังเท้า” สืบศักดิ์ ผันสืบ นักตะกร้อรุ่นพี่ที่เคยคว้าไป 7 เหรียญทองเท่านั้น ก็ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ กว่าที่จะมีใครมาทำลายสถิตินี้ของสุดยอดนักฟาดเหรียญทองคนนี้ลงได้

 

10. 13 ชีวิตทีมหมูป่า.. คนวงการกีฬาร่วมส่งกำลังใจ

นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ครั้งสำคัญของประเทศไทยที่คนทั่วโลกต่างให้ความสนใจและแสดงความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง สำหรับเรื่องราวของภารกิจระดับ(นานา)ชาติ ในการช่วยเหลือ ทีมฟุตบอล “หมูป่าอะคาเดมี่ แม่สาย” ที่ประกอบไปด้วย นักฟุตบอลเยาวชน 12 คน กับโค้ชอีก 1 คน ออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ที่ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หลังจากที่ทั้ง 13 ชีวิตต้องติดอยู่ในถ้ำที่มีความลึกถึง 10 กิโลเมตร เนื่องจากฝนที่ตกอย่างหนัก จนน้ำป่าไหลหลากท่วมทะลักไปปิดทางออกจากถ้ำ ทำให้พวกเขาไม่สามารถกลับออกมาได้ ปฏิบัติการในการค้นหาตัวทีมหมูป่าเป็นไปอย่างเข้มข้น ท่ามกลางการติดตามและเอาใจช่วยอย่างใจจดใจจ่อของคนทั่วโลก จนในที่สุดหน่วยซีลชาวอังกฤษก็สามารถดำน้ำเข้าไปจนพบ ทีมหมูป่าทุกคนที่ยังคงมีชีวิตและแข็งแรงราวปาฏิหาริย์ หลังพวกเขาติดอยู่ในถ้ำโดยไม่ได้รับประทานอาหารนานถึง 10 วัน ทว่ากว่าภารกิจสุดหินในการช่วยเหลือพาทีมหมูป่าทุกคนกลับออกมาได้อย่างปลอดภัยจะเสร็จสิ้นนั้น ก็ต้องใช้เวลารวมถึง 17 วันด้วยกัน

ภารกิจในครั้งนี้ ได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุน จากเจ้าหน้าที่กู้ภัย หน่วยงาน และอาสาสมัคร เป็นจำนวนมาก ทั้งจากในประเทศไทยและต่างประเทศ ในการร่วมกันวางแผนและระดมการค้นหาด้วยความยากลำบาก ซึ่งทำให้เหตุการณ์นี้เป็นประเด็นที่ดังไปทั่วโลก บุคคลสำคัญของโลกต่างส่งกำลังใจมาให้พวกเขาและทีมค้นหาเป็นจำนวนมาก และเมื่อทราบข่าวว่าทีมหมูป่าถูกช่วยเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย ก็มีการแสดงความยินดีผ่านทางโลกโซเชี่ยลมากมาย อาทิ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา, นางเทรีซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ, มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง Facebook โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บุคคลและองค์กรในวงการกีฬาโลก เช่น ลิโอเนล เมสซี่, ปอล ป็อกบา, ลูคัส โพโดสกี้, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, เมซุต โอซิล, อิเกร์ กาซิยาส, เซร์คิโอ้ รามอส, โทนี่ โครส, โจเซ่ มูรินโญ่, เจอร์เก้น คล็อปป์, นักเตะทีมเลสเตอร์ ซิตี้ และอื่นๆ อีกมากมาย

อีกทั้ง สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ยังได้ส่งจดหมายมายังสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เชิญให้ทีมหมูป่าเข้าชมฟุตบอลโลก นัดชิงชนะเลิศ ที่ประเทศรัสเซีย ในฐานะแขกของฟีฟ่าอีกด้วย แต่ด้วยความที่พวกเขายังอยู่ในช่วงปรับตัวและฟื้นฟูร่างกาย จึงยังไม่พร้อมที่จะไปได้ทัน แต่หลังจากนั้น ทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต ก็ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ 2018 ที่ประเทศอาร์เจนติน่า รวมถึงยังได้แข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรกับ ทีมเยาวชนสโมสร ริเวอร์เพลท รุ่นไม่เกิน 13 ปี นอกจากนั้นพวกเขายังถูกเชิญไปสัมภาษณ์ในรายการทอล์กโชว์ชื่อดังของอเมริกาอย่าง ดิ เอลเลน ดีเจนเนอเรส โชว์ (The Ellen DeGeneres Show) พร้อมกระทบไหล่และได้รับของขวัญสุดพิเศษจาก ซลาตัน อิบราฮิโมวิช สตาร์ชื่อดัง ก่อนที่พวกเขาจะได้รับคำเชิญไปเยือนสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งได้รับการต้อนรับจาก โจเซ่ มูรินโญ่ เฮดโค้ชในขณะนั้น รวมถึงนักเตะปีศาจแดงอย่างสุดอบอุ่น ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในปีนี้ ล้วนเป็นประสบการณ์ที่ประเมินค่าไม่ได้ของทีมหมูป่าทั้ง 13 คนเลยทีเดียว!

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ 10 เหตุการณ์สำคัญแห่งปี 2018 ที่ผมได้รวบรวมมานำเสนอให้กับแฟนกีฬาทุกท่าน ปีนี้นับเป็นอีกปีที่นักกีฬาของไทยส่วนใหญ่ต่างทำผลงานได้เป็นอย่างดี และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้เป็นอย่างมาก หวังว่าปีหน้า ฟ้าใหม่ จะเป็นปีที่ดียิ่งๆ ขึ้นไปของวงการกีฬาไทย แล้วเรามาร่วมเชียร์และเป็นกำลังใจให้นักกีฬาของเรากันต่อนะครับ สุดท้ายนี้ ก่อนจะลากันไป ผมคงต้องขอกล่าวล่วงหน้าว่า “สวัสดีปีใหม่ครับ”

 

“เอกกี้รีพอร์ต”

 

อ่านข่าวตลาดซื้อขายนักเตะไทยลีก 2019

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ กดเลย

ดูบอลสด – ไฮไลท์บอล แบบจัดเต็มได้ ที่นี่

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!
ดูไฮไลท์บอล พรีเมียร์ลีก ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้