รีเซต
TRUE TALK : ในวันที่ทุกอย่างเป็นใจ เมื่อเด็กไทยได้โอกาส และบุรีรัมย์ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ... by "บก.เก้น"

TRUE TALK : ในวันที่ทุกอย่างเป็นใจ เมื่อเด็กไทยได้โอกาส และบุรีรัมย์ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ... by "บก.เก้น"

TRUE TALK : ในวันที่ทุกอย่างเป็นใจ เมื่อเด็กไทยได้โอกาส และบุรีรัมย์ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ... by "บก.เก้น"
kentnitipong
14 มีนาคม 2562 ( 18:38 )
87

สิ้นเสียงนกหวีดจากผู้ตัดสินในศึกไทยลีก 2019 พร้อมชัยชัยชนะเหนือ ประจวบ เอฟซี ได้ไม่ทันไร ชาวบุรีรัมย์ รวมถึงแฟนบอลชาวไทยก็ต้องเตรียมเอาใจช่วยตัวแทนหนึ่งเดียวจากประเทศไทยในการลงทำศึกแมตช์สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรอีกนัดหนึ่ง นั่นคือ การพบกับ ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ในรายการถ้วยใบใหญ่ที่สุดของเอเชีย

ก่อนลงสนาม

ใยถึงบอกว่านี่คือหนึ่งในแมตช์ที่เปี่ยมไปด้วยความหมายที่สุดนัดหนึ่งของทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง เกมๆ นี้ก็เป็นเพียงการลงสนามนัดที่สองทั้งสองทีมเท่านั้น

ที่ต้องบอกว่าเกมนัดนี้สำคัญมากๆ เนื่องจากอย่างแรก บุรีรัมย์ “แพ้ไม่ได้” ด้วยประการทั้งปวง

ความพ่ายแพ้ต่อแชมป์เก่าอย่าง อูราวะ เรด ไดม่อนด์ ถึงสามประตู ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ครั้งใหญ่ ถึงการตัดสินใจดันแข้งดาวรุ่งขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ เช่นเดียวกับการเสียนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของไทยลีกอย่าง ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ ในขณะที่ตัวต่างชาติหน้าใหม่ทั้ง โมดิโบ ไมก้า, เปโดร จูเนียร์ นั้นก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถทดแทนการจากไปของ “เทพเจ้าสายฟ้า” รายนี้ได้ในทันที ซึ่งประเด็นนี้ทาง “บอสโก้” ได้ตอบกับทาง TrueID Sports ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ผมไม่สามารถตัดสินนักเตะได้ในช่วงเวลาสั้นๆ บางคนมา 2 นัดยิง 2 ประตู แต่บ้างคนมา 4-5 นัดยังยิงประตูไม่ได้ ผมยังไม่สามารถบอกได้ว่าใครดีไม่ดี แต่เดี๋ยวเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง”

เกมในบ้านกับ ชุนบุคฯ จึงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต้องพยายามแสดงให้ทุกคนเห็นให้ได้ว่า การก้าวผ่านสู่ “ยุคใหม่” ในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ “ถูกต้อง”

ข้อต่อมา แน่นอนว่าความพ่ายแพ้จาก ไซตามะ สเตเดี้ยม บีบให้ โบซิดาร์ บันโดวิช จำเป็นต้องมีแต้มจากการลงเล่นในบ้าน และถ้าจะให้ดีต้องเป็นสามคะแนนอีกด้วย เพื่อกลับมาอยู่ในเส้นทางการผ่านเข้าสู่รอบต่อไปอีกครั้ง เนื่องจากจะเป็นการตัดแต้มกับ ชุนบุคฯ ที่ชนะมาในเกมนัดแรกโดยตรง กลายเป็นงูกินหางในกลุ่มนี้

ผลงานในวันที่ บุรีรัมย์ เอาชนะ ชุนบุคฯ ได้ที่สนามแห่งนี้ (ACL 2018 รอบสอง นัดแรก)คือเครื่องย้ำเตือนใจชั้นดีว่า ในโลกของฟุตบอล ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ เกาหลีใต้อาจจะไม่ได้เล่นฟุตบอลเก่งกว่าไทยในทุกๆ วัน ถ้าเราเตรียมตัว ทำการบ้าน และวางแผนมาเป็นอย่างดี

อีก 90 นาทีเรามาว่ากัน…

ครึ่งแรกอันน่าอึดอัดใจ

เกมในครึ่งแรกเป็นอะไรที่ค่อนข้าง “อึดอัดใจ” เนื่องจากทีมเยือนตั้งใจดึงเกมช้าตั้งแต่แรก พร้อมกับเน้นครองบอล ต่อบอลง่ายๆ เผาเวลาไปเรื่อยๆ เพื่อโยนความอึดอัดมาให้กับฝั่งทัพ “ปราสาทสายฟ้า” ซึ่งจุดนี้ โชเซ่ โมไรส์ ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว

ส่วนทาง บอสโก้ เมื่อเจอกับแทคติกชวนง่วงแบบนี้ บุรีรัมย์ จึงต้องรีบปรับให้ ศุภชัย เข้ามามีบทบาทกับเกมรุกมากขึ้น ซึ่งก็ได้ผลทันตา เพราะ “เจ้าอาร์ม” เกือบจะใส่ชื่อตัวเองอยู่บนสกอร์บอร์ดได้อยู่แล้ว แต่ถ้าพูดถึงภาพรวมในเกมรุก ดูเหมือนว่า สุภโชค กับ เปโดร จูเนียร์ อาจจะยังต้องสื่อสารกันให้มากกว่านี้

สกอร์ 0-0 จึงเป็นอะไรที่ “บัวไม่ช้ำ น้ำไม่ขุ่น” ด้วยกันทั้งสองทีม

เกมรับที่ดี ผลลัพธ์ที่ต้องการ ฝันที่เป็นจริงของ ศุภณัฏฐ์

การตัดสินใจแก้เกมด้วยการส่งหอคอยยักษ์อย่าง คิม ชินวุค ลงสนามตั้งแต่วินาทีแรกของครึ่งหลัง คือการเดิมพันครั้งสำคัญของ โมไรส์ ในเกมนี้ แต่ทว่าพระเจ้ากลับเลือก สุภโชค สารชาติ เป็นผู้ทำประตูแรกในเกมนี้ จากคิลเลอร์พาสที่ฉีกแนวรับชุคบุคฯ ไม่มีชิ้นดีของ เปโดร จูเนียร์ คือสัญญาณที่ดีที่ทั้งสองแสดงให้ทุกคนได้เห็นว่า เริ่มมีความเข้าใจเข้าขากันมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่จุดที่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด สมควรได้รับคำชมมากที่สุดในเกมนี้หาใช่เกมรุก หากแต่เป็น “เกมรับ” และ “ความมีวินัย” ที่สามารถหยุดยั้งความอันตรายทั้งปวงของแชมป์ลีกจากเกาหลีใต้ได้อยู่หมัด

บอสโก้ เลือกใช้ระบบสามแนวรับ บวกกับอีกสองวิงแบ็กที่มีความเร็ว และเล่นเกมสวนกลับได้ดีทั้ง ศศลักษณ์ และนฤบดินทร์ เมื่อถึงจังหวะที่ ชุคบุคฯ ดันเกมรุกขึ้นมายกแผง บุรีรัมย์ จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของการรักษาตำแหน่ง แม้จะถูกโหมกระหน่ำด้วยลูกกลางอากาศเป็นว่าเล่น แต่สุดท้ายทุกคนก็ต่างช่วยกันเล่น และเอาตัวรอดจากเกมนี้ด้วยสามคะแนนได้ในท้ายที่สุด

“ผมอยากจะขอบคุณนักฟุตบอลของเราทุกๆ คนในวันนี้ ไม่ใช่เฉพาะแทคติก หรือสภาพร่างกายที่เราทำได้ดีเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงสภาพจิตใจอีกด้วย ผมมั่นใจว่า บุรีรัมย์ นั้นเหมาะสมที่จะเป็นผู้ชนะในเกมนี้อย่างแท้จริง ผมภูมิใจกับนักเตะของเรามากๆ เช่นเดียวกับแฟนๆ ของเรา ต้องขอบคุณทุกๆ กำลังใจ พวกเรารู้ และสัมผัสได้เสมอ”

“ในเกมนี้ ชุนบุคฯ มีรูปแบบการขึ้นเกมที่หลากหลาย และมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างครึ่งแรก กับครึ่งหลัง ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่สุดท้ายเราก็ยังสามารถรับมือพวกเขาได้ โดยเฉพาะเกมรับที่เราเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ นี่เป็นวันที่มีความหมายกับ บุรีรัมย์ มากๆ เพราะสุดท้ายเราสามารถคว้าสามคะแนนสำคัญได้ ผมเชื่อว่าเรามีแทคติก และรูปแบบการเล่นที่ถูกต้อง ผมให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากที่สุด”

“บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า เราสามารถต่อกรกับทีมระดับแถวหน้าของเอเชียได้ เช่นเดียวกับนักเตะไทย ถ้าพวกคุณมีความมุ่งมั่น กระหาย และมีวินัย คุณก็สามารถสู้กับทีมยักษ์ใหญ่เหล่านั้นได้โดยไม่มีปัญหา”

สำหรับ “เจ้าเช็ค” ด้วยวัยเพียงแค่ 20 ปี แต่ซีซั่นนี้กลับยิงไปแล้วถึง 4 ประตู (ไทยลีก 3, ACL 1 ประตู) หากจะใช้คำว่านี่คือ ปัจจุบัน และอนาคตอันสดใสของ บุรีรัมย์ ก็คงจะไม่ผิดแต่อย่างใด ด้วยความเร็ว บวกกับการตัดสินใจที่เด็ดขาด กระดูกบอล และมันสมองที่แกร่งเกินวัย คือจุดเด่นที่มีอยู่ในตัวของ สุภโชค

รักษาเนื้อรักษาตัวดีๆ เห็นทีพื้นที่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ก็คงไม่หนีไปไหน เพราะการเตรียมผลัดใบหาตัวตายตัวแทนของ ธีรศิลป์ แดงดา ณ ตอนนี้ต้องยอมรับว่า ถ้าไม่นับ ศุภชัย ใจเด็ด ก็คงเป็น สุภโชค นี่แหละที่ดูดีสุด ทั้งในเรื่องของฝีเท้า และผลงานการนำเป็นดาวซัลโวไทยลีกซีซั่นนี้

อีกคนที่เปรียบเสมือนผู้ปิดทองหลังพระในเกมนี้ก็คือ ชิติพัทธ์ แทนกลาง หรือ CT14 ที่หลายๆ คนรู้จักกันดี คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการรู้จักหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งเกมนี้ เจ้าตัวสามารถหยุดยั้งบรรดาแนวรุกตัวกลั่นของ ชุนบุคฯ ได้อยู่หมัด โดยเฉพาะการรับบทตามประกบตำนานทีมชาติเกาหลีใต้อย่าง อี ดอง กุ๊ก แบบดิ้นไม่ออก รวมถึงจังหวะการหยุดเกมที่ไม่ต้องโดดเด่น แต่ต้องเด็ดขาด เป็นการลบคำสบประมาทได้อย่างเท่ๆ

กับ เปโดร จูเนียร์ แข้งที่ผ่านร้อนผ่านหนาวทั้งในเวทีเจลีก และเคลีก มาอย่างโชกโชน เกมนี้ ตัวตัวพยายามถอยต่ำลงมารับบอล หรือพักบอลเพื่อสร้างโอกาสให้กับ สุภโชค แถมยังมีจังหวะพลิ้วหนีแนวรับแชมป์เกาหลีใต้หลายครั้ง เพียงแต่สตาร์แซมบ้ารายนี้อาจจะยังมีจังหวะ “ฝืน” ไปกับบอลเองจนทีมเสียโอกาสไป แต่ไม่ทราบว่านี่จะเป็นแทคติกของ บอสโก้ ด้วยรึเปล่าที่ต้องการอาศัยความสามารถเฉพาะตัวของ เปโดร ในการบดขยี้

นอกจากนี้ ยังมีอีกหนึ่งโมเม้นต์ที่ยิ่งใหญ่จริงๆ หลัง ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา สร้างประวัติศาสตร์ ทำสถิติกลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ลงสนามในศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยวัย 16 ปี 7 เดือน 11 วัน และยังเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 5 ที่ลงเล่นในรายการดังกล่าวอีกด้วย

โดยแมตช์นี้ “เจ้าแบงค์” ถูกส่งลงสนามมาแทนที่ สุภโชค สารชาติ ในช่วงท้ายเกม ก่อนที่ตัวแทนหนึ่งเดียวจากไทยลีกจะสามารถเปิดบ้านเอาชนะ ชุนบุค ฮุนได มอเตอร์ส ไปแบบสุดมันส์ 1-0 คว้าสามคะแนนสำคัญใน ACL 2019 ได้สำเร็จ

ด้วยสภาพร่างกาย และหัวจิตหัวใจที่แกร่งเกินวัย… ศุภณัฏฐ์ ลงสนามด้วยความดุดัน เกรี้ยวกราดดุจปราสาทสายฟ้าที่ฟาดกระหน่ำแดนอีสานใต้ ผมไม่แปลกใจเลยที่ทำไม บันโดวิช ถึงเลือกส่งเจ้าตัวลงสนาม

“เพราะถ้าคุณเก่งพอ คุณก็แก่พอ”

แน่นอนว่าเกมยังไม่จบ บุรีรัมย์ ยังต้องการชัยชนะ และแต้มให้มากที่สุด เพื่อพาตัวเองกลับไปอยู่ในจุดที่เคยฝันใฝ่นั่นคือ การผงาดขึ้นไปเป็นหนึ่งในห้าทีมที่ดีที่สุดในเอเชีย แน่นอนทุกอย่างย่อมต้องการเวลา ไม่มีสิ่งใดที่ได้มาโดยง่ายเป็นแน่แท้ หากแต่ถ้าคุณมีความพยายาม ลงมือ ลงแรง ลงใจกันมันอย่างถึงที่สุด เชื่อว่าไม่วันใดก็วันหนึ่ง บุรีรัมย์ จะต้องก้าวไปถึงจุดหมายปลายทางนั้นอย่างแน่นอน

ผมภูมิในเสมอทุกครั้งที่ได้เห็นตัวแทนจากไทยลงแข่งขันในรายการใหญ่ที่สุดของเอเชีย… ยินดีกับสาวก “ปราสาทสายฟ้า” กับชัยชนะในครั้งนี้ด้วยนะครับ

“บก.เก้น”

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ กดเลย

 

ช่องทางการรับชมการถ่ายทอดสดทาง TrueID

ดูบอลสดผ่านแอปพลิเคชั่น ทรูไอดี คลิก!
ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้