รีเซต
พรีวิว พรีเมียร์ลีก : "อยากเป็นแชมป์ ต้องชนะ" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด VS ลิเวอร์พูล ... by "บก.เก้น"

พรีวิว พรีเมียร์ลีก : "อยากเป็นแชมป์ ต้องชนะ" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด VS ลิเวอร์พูล ... by "บก.เก้น"

พรีวิว พรีเมียร์ลีก : "อยากเป็นแชมป์ ต้องชนะ" นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด VS ลิเวอร์พูล ... by "บก.เก้น"
kentnitipong
4 พฤษภาคม 2562 ( 12:22 )
4.5K
32

พรีวิว ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2018/19
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด VS ลิเวอร์พูล

รายการ : พรีเมียร์ลีก 2018/19
วัน / เวลาทำการแข่งขัน : คืนวันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม 2562 เวลา 01.45 น.
สนาม : เซนต์ เจมส์ พาร์ค
ถ่ายทอดสด : BEIN SPORT 1 & TrueID App

เรียกได้ว่าเป็นลีกฟุตบอลโลกที่เต็มไปด้วยความสนุก สุดมันส์ และเร้าใจแบบสุดๆ สมกับที่แฟนบอลทั่วโลกรอคอย อย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2018/2019 ท่ามกลางการขับเคี่ยวของ 20 ทีมชั้นนำแห่งเกาะอังกฤษ ตลอด 38 แมตช์ที่อัดแน่นจุใจทั้งฤดูกาล มั่นใจได้เลยว่า พรีเมียร์ลีก ยังคงตอบโจทย์คอลูกหนังไม่เปลี่ยน

แน่นอน สำหรับแฟนบอลไทยที่ไม่อยากตกเทรนด์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ TrueID Sports จัดเต็มให้กับการอัพเดตทุกแง่มุมทั้งข่าวสารอัพเดตแบบเรียลไทม์ คลิปไฮไลท์ รวมถึงช่องทางติดตามชมฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแบบสดๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ ด้วยความคมชัดระดับ HD และถูกลิขสิทธิ์ได้ที่ sport.trueid.net/premierleague

เกมคู่นี้ลงแข่งขันกันใน คืนวันเสาร์ที่ 4 พฤษภาคม 2562 เวลา 01.45 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง BEIN SPORT 1 & TrueID App

สภาพความพร้อม นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

ผลงานค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับสำหรับลูกทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ หลังคว้าชัยได้ถึงสองจากสามเกมหลังสุดในลีก แถม อาโยเซ่ เปเรซ ยังอยู่ในฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม หลังตะบันไปถึง 5 ประตูจากสามเกมหลังสุด และเชื่อว่าบิ๊กบอสเลือดกระทิงจะส่งหัวหอกเพื่อนร่วมชาติรายนี้ลงสนามอย่างแน่นอน

มาร์ติน ดูบราฟก้า ยืนเฝ้าเสาในฐานะมือหนึ่งไม่เปลี่ยน ส่วนแนวรับ การขาด ดีอันเดร เยดลิน ไปทำให้ ราฟาเอล เบนิเตซ อาจจะต้องตัดยินใจยึดแผนจากเกมล่าสุดที่เสมอกับ ไบรท์ตัน ด้วยการวาง เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ, ฟาเบียน ชาร์ และพอล ดัมเม็ตต์ เป็นสามเซนเตอร์ฮาล์ฟ โดยมี ฆาบี้ มานกีโญ่ กับ แมตต์ ริชชี่ คอยขับเคลื่อนเกมริมเส้นทั้งรุก และรับในฐานะวิงแบ็ก

แดนกลาง นัดนี้ นิวคาสเซิ่ล เองคงไม่ผลีผลาม พร้อมวางตัวหลักลงสนามกันอย่างครบครับ ไล่มาตั้งแต่ จอนโจ้ เชลวีย์, อิซัค เฮย์เดน และอาโยเซ่ เปเรซ ที่หายเจ็บซี่โครงกลับมาได้ทัน พร้อมทั้ง คริสเตียน อัตซู อดีตเด็กเก่าเชลซี ขณะที่ศูนย์หน้า ซาโลมอน รอนดอน น่าจะได้รับโอกาสก่อน โยชิโนริ มุโตะ หัวหอกเลือดซามูไร

สภาพความพร้อม ลิเวอร์พูล

ความพ่ายแพ้ที่ คัมป์ นู อาจจะดูไม่ใช่เรื่องกังวลใจสักเท่าไหร่ของเหล่า “เดอะ ค็อป” เพราะแท้จริงแล้วเป้าหมายใหญ่ เป้าหมายเดียวที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล ทั้งโลกต่างหมายปอง และต้องการมากที่สุด แม้ว่าจะยากเย็นสักเพียงใดก็ตาม นั่นคือ โทรฟี่พรีเมียร์ลีก

ด้วยระยะห่างเพียงแค่แต้มเดียว กับอีกสองเกมสุดท้ายของซีซั่นที่เรียบเสมือนโค้งสุดท้ายที่พวกเขายังมีโอกาสแซง แมนฯ ซิตี้ เข้าวิน ดังนั้น สิ่งเดียวที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ และลูกทีมต้องโฟกัส พร้อมทำทุกๆ วินาทีในสนามให้ดีที่สุดก็คือ การเดินหน้าคว้าสามคะแนนในสองนัดสุดท้ายให้ได้เท่านั้น พร้อมกับลุ้นให้อดีตศิษย์เก่าอย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส พา เลสเตอร์ ซิตี้ ยัน “เรือใบสีฟ้า” ให้อยู่สักเกม เพื่อยุติการรอคอยกันมาอย่างยาวนานร่วมสามทศวรรษของเหล่า “เดอะ ค็อป”

แม้จะโดน ลิโอเนล เมสซี่ ปั่นฟรีคิกใส่ซะจนไม่เหลือครนายด่านมือหนึ่งทีมชาติบราซิล แต่ อลิสสัน ยังคงเฝ้าเสาในฐานะมือหนึ่งต่อไปไม่มีเปลี่ยน ส่วนแผงหลัง วิงแบ็กสองข้าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะได้กลับมาออกสตาร์ทแทนที่ โจ โกเมซ ที่ได้รับโอกาสในถ้วยยุโรป จับคู่กับแบ็กซ้ายกัปตันทีมชาติสกอตแลนด์อย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน แน่นอน ส่วนคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ ด้วยสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความกดดัน บางทีเกมนี้ คล็อปป์ อาจตัดสินใจส่งชื่อ เดยัน ลอฟเรน ก่อน โจเอล มาติป จับคู่กับ เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังค่าตัวแพงที่สุดในโลก

แผงมิดฟิลด์ จอร์จินิโอ้ ไวจ์นัลดุม ได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า ความเอนกประสงค์ของเขามิสามารถไปโผล่กับตำแหน่งศูนย์หน้าได้ เชื่อว่าเกมนี้ บอสเจเค จะปรับให้เจ้าตัวยืนในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก พร้อมวาง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ขยับขึ้นมาเป็นตัว Box to Box โดยปล่อยให้หน้าที่เกมรับเป็นของ ฟาบินโญ่ ส่วน นาบี เกอิต้า ล่าสุดต้องรูดม่านปิดฉากฤดูกาลนี้ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังมีอาการบาดเจ็บที่บริเวณโคนขาหนีบ

สามประสานในแนวรุก วินาทีนี่ คล็อปป์ คงไม่มีทางเสี่ยงใช้ ดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ หรือ ดิว็อค โอริกี้ แน่ๆ หากสามตัวหลักยังฟิตอยู่ และแม้ว่าจะไม่ได้ออกสตาร์ทที่ คัมป์ นู แต่เกมนี้ บ็อบบี้ ฟีร์มีโน่ จะคืนสนามกลับมายืนเป็นหัวหอกแบบ False 9 อย่างแน่นอน โดยมี ซาดิโอ มาเน่ กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยืนขนาบข้างหวังพังประตูให้ได้เร็วที่สุด เพื่อคลายความกดดันในสนาม

คลิกอ่าน >>> ถึงเวลา “ลิเวอร์พูล” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ?

รายชื่อ 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด : มาร์ติน ดูบราฟก้า, เฟเดริโก้ เฟร์นานเดซ, ฟาเบียน ชาร์, พอล ดัมเม็ตต์, ฆาบี้ มานกีโญ่, จอนโจ้ เชลวีย์, อิซัค เฮย์เดน, อาโยเซ่ เปเรซ, แมตต์ ริชชี่, คริสเตียน อัตซู, ซาโลมอน รอนดอน

ลิเวอร์พูล : อลิสสัน, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, เดยัน ลอฟเรน, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน,จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, จอร์จินิโอ้ ไวจ์นัลดุม, ฟาบินโญ่, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่, ซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์

สถิติที่น่าสนใจ

  • นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2019 “เดอะ แม็คพายส์” ชนะได้ถึง 6 จาก 8 เกมในบ้าน (นับเฉพาะ พรีเมียร์ลีก) และยิงไป 15 ประตู เสีย 7
  • นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มีเกมรับที่ดีกว่าทีมในกลุ่มลุ้นพื้นที่ยุโรปอย่าง อาร์เซน่อล ด้วยซ้ำ (นิวคาสเซิ่ล)
  • ครั้งสุดท้ายที่ ลิเวอร์พูล แพ้ นิวคาสเซิ่ล นั้นต้องย้อนกลับไปในเดือนธันวาคม ปี 2015 โดยในเกมนั้น ผู้พังประตูชัยคือ จอร์จินิโอ้ ไวจ์นัลดุม ที่กลายมาเป็นนักเตะ “หงส์แดง” ในปัจจุบัน
  • นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด คว้าชัยได้ถึง 6 จาก 7 เกมหลังสุดในบ้านของพวกเขาเอง (นับเฉพาะในลีก)
  • โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซัดไป 4 ประตู จากสี่เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
  • ลิเวอร์พูล ต้องจบเกมนี้ด้วยชัยชนะพร้อมกับผลต่างอย่าง 4 ประตูขึ้นไป เพื่อขยับประตูได้เสียให้ดีกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้

บทวิเคราะห์

เหมือนจะง่าย แต่ก็ไม่ง่าย เพราะ นิวคาสเซิ่ล เองก็กำลังอยู่ในช่วงที่ทำผลงานได้ดี โดยเฉพาะการเล่นในบ้าน อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในทีมที่สามารถเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ได้ บวกกับฟอร์มถล่มประตูของ อาโยเซ่ เปเรซ ที่ร้อนแรงเหนือคำบรรยาย ผนึกกับแทคติกของ ราฟาเอล เบนิเตซ ที่รู้ทุกซอกทุกมุมของ ลิเวอร์พูล ดี น่าจะเป็นหอกข้างแคร่สำคัญที่พร้อมหักปีก “หงส์แดง” และทำให้เหล่า “เดอะ ค็อป” น้ำตาตกได้

แต่ด้วยความจำเป็นที่ต้องคว้าสามคะแนนให้ได้สถานเดียวของทีมเยือน นี่คือเงื่อนไขเดียวที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ กับลูกทีมต้องท่องให้ขึ้นใจอยู่เสมอว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะคว้าแชมป์ทันทีที่พวกเขาพลาด และ “เรือใบสีฟ้า” เดินหน้าปาดคอ เลสเตอร์ ซิตี้ ในนัดมันเดย์ไนท์ หาก ลิเวอร์พูล ยังหวังที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก พวกเขาต้องเปิดเกมรุกเข้าใส่ทัพ “สาลิกาดง” ตั้งแต่วินาทีแรกของเกม ยังเชื่อว่าแชมป์ยุโรป 5 สมัย จะสามารถเอาชนะความกดดันมหาศาล พร้อมกับบุกไปถล่ม นิวคาสเซิ่ล ในเกมนี้ได้อย่างแน่นอน กัดฟันเม็ดสาม

 

สกอร์ที่คาด
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 0-3 ลิเวอร์พูล

“บก.เก้น”

อ่านข่าว ตลาดซื้อขายนักเตะไทยลีก 2019

 

อ่านข่าว ตลาดซื้อขายนักเตะพรีเมียร์ลีก 2018/19

 

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ กดเลย

ดูบอลสด – ไฮไลท์บอล แบบจัดเต็มได้ ที่นี่

ดูบอลสดผ่านเว็บไซต์ ทรูไอดี ฟรี คลิก!
ดูไฮไลท์บอล พรีเมียร์ลีก ฟรี คลิก!

ติดตามข่าวสารกีฬาได้ที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID ร่วมไปถึงแฟนเพจ TrueID Sports

ยอดนิยมในตอนนี้